fbpx

ขอเธอเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจอาร์เจนไตน์ทั้งชาติ : เมสซี เวิลด์คัพ กับระเบิดเวลาของปัญหาเงินเฟ้อ

กล่าวกันว่า ฟุตบอลโลกนัดชิงระหว่างอาร์เจนติน่ากับฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งในนัดชิงที่เดือดดาลที่สุด สนุกที่สุดของเวิลด์คัพ กับรูปเกมแสนจะเร้าระดับเอาไปเขียนใส่นิยายน่าจะถูกบรรณาธิการตีกลับด้วยข้อหาว่า ‘เหนือจริง’ เกินไป เมื่อหลังจากถูกอาร์เจนติน่านำไปสองลูกเน้นๆ ตลอดครึ่งแรก ครึ่งหลังฝรั่งเศสก็ไล่กวดตีเสมอในเวลาเพียงสองนาทีจนต้องไปแลกกันอีกคนละหมัดช่วงต่อเวลา ตามด้วยช่วงที่แฟนบอลน่าจะมือไม้หงิกเกร็งที่สุด (อันที่จริงก็น่าจะหงิกมาทั้งเกมแล้ว) เมื่อต้องตัดสินกันที่จุดโทษ และอาร์เจนติน่าเป็นฝ่ายคว้าถ้วยกลับบ้านได้เป็นสมัยที่สามตามหลังปี 1978 และ 1986

และยังไม่ต้องพูดว่า ‘เส้นเรื่อง’ ของนัดชิงนี้ก็ราวกับถูกเขียนมาไว้เหมือนกัน เมื่อฟุตบอลโลกเองก็มีตำนาน ‘อาถรรพ์แชมป์เก่า’ ที่ว่ากันว่าเจ้าของตำแหน่งครั้งก่อนมักไม่อาจป้องกันตำแหน่งแชมป์ไว้ได้ (มีเพียงสองประเทศเท่านั้นที่ฝ่าอาถรรพ์ที่ว่านี้ได้คือ อิตาลีซึ่งคว้าแชมป์สองสมัยติดเมื่อปี 1934 และ 1938 กับบราซิลเมื่อปี 1958 และ 1962) มิหนำซ้ำ ความที่เวิลด์คัพเลื่อนมาเตะปลายปียังทับซ้อนกับการแข่งขันของสโมสรหลายๆ แห่ง สภาพร่างกายนักเตะจึงบอบช้ำกันระนาว รวมถึงกำลังสำคัญของฝรั่งเศสอย่าง เอ็นโกโล ก็องเต, พอล ป็อกบา และชายที่เพิ่งจะคว้าบัลลงดอร์มาหมาดๆ อย่าง การิม เบนเซมา ก็ไม่อาจลงเล่นเวิลด์คัพได้ เส้นทางสู่ชัยชนะของฝรั่งเศสจึงถูกมองว่าทุลักทุเลตั้งแต่เริ่ม (ถึงขั้นที่อัตราการเดิมพันของฝรั่งเศสหล่นวูบในหลายๆ บ่อน)

ไม่ต่างกันกับอาร์เจนตินา หลายคนมองว่านี่อาจเป็นการลงสนามเวิลด์คัพครั้งสุดท้ายของ ลีโอเนล เมสซี ที่สื่อกีฬาทั่วโลกให้การยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก และหากนับรวมจากที่เขาลงเล่นมาตลอดทั้งชีวิตการเป็นนักกีฬาอาชีพ การลงแข่งในเวิลด์คัพครั้งนี้จะทำให้เขาลงสนามครบนัดที่หนึ่งพันพอดี เหนืออื่นใดนั้น ในบรรดาถ้วยโทรฟีระดับโลก ถ้วยเดียวที่เมสซีและอาร์เจนติน่าในการนำของเขายังไม่เคยไปถึงคือถ้วยเวิลด์คัพ -หากยังจำกันได้ ครั้งที่เขา ‘เข้าใกล้’ มากที่สุดคือการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 2014 ที่อาร์เจนติน่าพ่ายให้เยอรมนีเฉียดฉิว ภาพที่เขามองโทรฟีโดยไม่มีโอกาสได้สัมผัสกลายเป็นภาพที่หลายคนรู้จักในเวลาต่อมา

และยิ่งกับชาวอาร์เจนติน่าเอง การที่อาร์เจนติน่าคว้าแชมป์กลับมาบ้านได้ อาจเป็นเสมือนของขวัญปลอบประโลมหัวใจพวกเขาในห้วงยามแห่งความทึมเทาที่สุดครั้งหนึ่ง ไม่น่าแปลกใจที่หลังจากไม่กี่ชั่วโมงให้หลังการแข่งขันจบลง ผู้คนอาร์เจนไตน์เรือนหมื่นพากันออกมาเฉลิมฉลองที่ถนน 9 เดอฆูลิโออะเวนิว เสาโอเบลิสก์ใจกลางเมืองก็ฉายภาพใบหน้าของเมสซีขณะยิงประตูชัย ยิ่งเมื่อนักกีฬากลับบ้านเกิดไปขึ้นขบวนแห่พร้อมถ้วยรางวัล ประมาณกันว่ามีชาวเมืองออกมาร่วมฉลองบนท้องถนนราวสี่ล้านจนย้อมถนน 9 เดอฆูลิโออะเวนิวให้กลายเป็นสีฟ้าขาวซึ่งเป็นสีประจำชาติ

In this aerial view fans of Argentina celebrate winning the Qatar 2022 World Cup against France at the Obelisk in Buenos Aires, on December 18, 2022. (Photo by TOMAS CUESTA / AFP)

ปี 2022 นี้ถือเป็นปีที่ลำบากของชาวอาร์เจนติน่า เมื่อค่าเงินเฟ้อส่อแวววิกฤตมาตั้งแต่ต้นปีด้วยค่าเฉลี่ย 50.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนมกราคม และกระโดดไปที่ 71 เปอร์เซ็นต์ในช่วงกลางปีจนคนแห่ลงถนนเพื่อประท้วง อัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ ประธานาธิบดีจากพรรคฝ่ายซ้ายเป็นจำนวนมหาศาล และยิ่งหนักหนามากขึ้นเมื่ออัตราเงินเฟ้อยังกระฉูดอย่างต่อเนื่องไปที่ 88 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนตุลาคม และทะยานไปที่ 92.4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤศจิกายน นักเศรษฐศาสตร์หลายคนจึงคะเนว่า สิ้นปีนี้เงินเฟ้อในอาร์เจนติน่าคงจะแตะตัวเลข 100 เปอร์เซ็นต์ได้พอดี (!!)

อย่างไรก็ดี หลายคนมองว่าประวัติศาสตร์หน้านี้เคยถูกเขียนขึ้นมาแล้วเมื่อครั้งมาราโดนายังเรืองรอง กาลครั้งหนึ่งเมื่อเขาพา ‘อัลบิเซเลสเต’ คว้าชัยเมื่อปี 1986 -หนึ่งปีก่อนหน้าเด็กชายเมสซีจะถือกำเนิด- อาร์เจนติน่าภายใต้การทำงานของอดีตประธานาธิบดี ราอุล อัลฟอนซิน ก็เผชิญหน้ากับเงินเฟ้อสูงถึง 116 เปอร์เซ็นต์ หรือกระทั่งปี 1978 ซึ่งอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์ ประเทศก็ปวดร้าวจากค่าเงินเฟ้อที่ 176 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน แฟนบอลหลายคนจึงเริ่มสร้างทฤษฎีสมคบคิดว่า เมื่อประเทศต้องรับมือกับภาวะเงินเฟ้อในช่วงที่มีการแข่งฟุตบอลโลก เมื่อนั้นแปลว่าพวกเขาจะคว้าถ้วยรางวัลกลับมานอนกอดที่บ้านได้ ซึ่งกลายเป็นทฤษฎีที่ถูกตีตกกลับมาอย่างรวดเร็วว่า การที่เงินเฟ้อย่อมไม่ใช่ตัววัดว่าทีมชาติจะคว้าชัยมาครองได้ เพราะอย่าลืมว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 1990 ที่อาร์เจนติน่าตะลุยไปถึงรอบชิงก่อนจะพ่ายให้เยอรมนีตะวันตก เงินเฟ้อก็พุ่งเป็นประวัติการณ์ที่ 2,000 เปอร์เซ็นต์ (หรือแม้แต่ในปี 2014 ที่อาร์เจนติน่าชิงแชมป์กับเยอรมนี -อีกแล้ว- ค่าเงินเฟ้อก็โดดไปเบาะๆ ที่ 22 เปอร์เซ็นต์ ท่ามกลางข้อครหาว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าอัตราจริงเพราะรัฐบาลพยายามปกปิดไว้)

อาร์เจนติน่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยเฉพาะในแง่การแย่งชิงทรัพยากรอาหารและเชื้อเพลิงอันเป็นปัญหาที่ชาติยุโรปหลายๆ ชาติต้องเผชิญ เฟอร์นันเดซรับปากว่าเขาจะต่อสู้ใน ‘สงครามเงินเฟ้อ’ อย่างสุดกำลังตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็ล้มเหลวอย่างน่าเศร้าใจเมื่อค่าเงินเฟ้อยังพุ่งสูงต่อเนื่อง ผลักให้ประชากร 43 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนประชากรทั้งหมดคือ 45.8 ล้านคนต้องอาศัยอยู่ใต้เส้นแบ่งความยากจน สำนักข่าวนิวยอร์กไทมส์ทำสำรวจคุณภาพชีวิตและการหาทางเอาตัวรอดภายใต้วิกฤตของชาวอาร์เจนติน่าและพบว่าหากพวกเขามีเงินก้อนก็มักหาทางออกเฉพาะหน้าด้วยการซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐมาไว้ในครอบครองก่อน (หรือบางคนเลือกซื้อเงินยูโร ซึ่งเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมน้อยกว่าเพราะยุโรปเองก็เผชิญปัญหาเงินเฟ้อเช่นกัน) เกลลี โอลมอส รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของอาร์เจนติน่าประกาศในเดือนพฤศจิกายน -ซึ่งเวิลด์คัพก็เข้มงวดขึ้นทุกขณะ- ว่ารัฐบาลกำลังเร่งหาทางแก้ปัญหาเงินเฟ้อ “แต่แรกสุด อาร์เจนติน่าต้องคว้าชัยเสียก่อน”

คำตอบของโอลมอสสะท้อนทั้งความสิ้นหวังของรัฐบาลและประชาชน (ทั้งยังเป็นคำตอบที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุด”) การคว้าชัยของทีมชาติฟุตบอลจึงเป็น ‘น้ำทิพย์หล่อเลี้ยงชโลมหัวใจ’ อันแห้งแล้งของชาวอาร์เจนติน่า แม้กระทั่งคนที่ไม่ดูฟุตบอลเองก็ยังรู้สึกว่าความหวังเดียวที่จะช่วยชุบชูชีวิตพวกเขาได้คือการได้เห็นเมสซีและเพื่อนร่วมทีมกอดโทรฟีเวิลด์คัพกลับบ้าน แม้ว่าถึงที่สุดแล้ว ปัญหาใหญ่ที่เป็นเสมือนแผลฉกรรจ์ของประเทศอย่างค่าเงินเฟ้อจะยังไม่ได้รับการแก้ไขก็ตาม

แต่ก็อีกนั่นแหละ การข้ามผ่านช่วงเวลาคริสมาสต์และปีใหม่โดยมีชัยชนะของทีมชาติฟุตบอลอันเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศ ก็ดูเป็นหนึ่งในทางออกชั่วคราวที่ไม่เลวร้ายนัก

(COMBO) This combination of pictures created on December 18, 2022 shows Argentina’s forward Lionel Messi (L) holding the World Cup trophy after beating France during the Qatar 2022 World Cup final football match at Lusail Stadium in Lusail, north of Doha on December 18, 2022 and Argentina’s captain Diego Armando Maradona (R) holding the World Cup trophy won by his team after a 3-2 victory over West Germany on June 29, 1986 at the Azteca Stadium in Mexico City. (Photo by Anne-Christine POUJOULAT / AFP)

“เศรษฐกิจของอาร์เจนติน่าย่ำแย่มาเป็นทศวรรษแล้ว แถมถึงตอนนี้ค่าเงินเฟ้อก็พุ่งไปที่ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ด้านการเมืองก็เต็มไปด้วยการแบ่งขั้ว” อิเนส เฟอร์เรอ ผู้สื่อข่าวชาวอาร์เจนไตน์กล่าว “การที่ทีมชาติเราคว้าชัยชนะได้ในครั้งนี้มันเป็นเหมือนการป่าวประกาศว่า พวกเราคือชนชาติที่เก่งกาจที่สุดของกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก”

ถึงอย่างไร นักเศรษฐศาสตร์หลายคนก็มองว่าประธานาธิบดีเฟอร์นันเดซไม่อาจปลีกหนีความรับผิดชอบในการเยียวยาประเด็นนี้ไปได้เลย ที่ผ่านมา เฟอร์นันเดซพยายามอย่างเต็มกำลังในการจะกดค่าเงินเฟ้อให้ต่ำลงด้วยการเก็บภาษีสินค้าส่งออก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจากภาคการเกษตรอย่าง ถั่วเหลือง เนื้อสัตว์และข้าวสาลี ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์วิพากษ์วิจารณ์ว่าการออกนโยบายเช่นนี้มีแต่จะเป็นการซ้ำเติมประชาชนและผู้ประกอบการให้หนักหนาสาหัสยิ่งขึ้น ขณะที่จำนวนคนไร้บ้านก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าตกใจตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

ความหวังอาจอยู่ที่ปีถัดไป อันเป็นปีที่จะมีการลงนามสัตยาบันการค้าระหว่างสหภาพยุโรป (EU) กับกลุ่มเมร์โกซูร์ (Mercosur หมายถึงกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจของประเทศในอเมริกาใต้ตอนล่าง ได้แก่ อาร์เจนติน่า, บราซิล, อุรุกวัยและปารากวัย) ซึ่งก่อนหน้านี้ยืดเยื้อมานานจากความลังเลใจของเหล่านักเศรษฐศาสตร์ยุโรป กระทั่งเมื่อสงครามระหว่างรัสเซียกัยยูเครนระเบิดตัวขึ้นเมื่อต้นปี และเป็นชนวนสำคัญของการขยายอิทธิพลจากจีน บีบให้ยุโรปต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับความเป็นประชาธิปไตยในอเมริกาใต้ไว้ ทั้งการลงนามนี้ก็ดูจะเป็นความหวังใหญ่ของอาร์เจนติน่าในการจะพาให้เศรษฐกิจรอดพ้นจากหุบเหวเพราะอาจเปิดพื้นที่ให้มีการลงทุนใหม่ๆ งอกเงยขึ้นได้

ฟากขั้วการเมืองเองก็มีท่าทีที่น่าจับตาเช่นกัน เมื่ออาร์เจนติน่ากำลังจะจัดการเลือกตั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม 2023 และด้วยผลงานที่ผ่านมาของเฟอร์นันเดซก็ทำให้หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า เก้าอี้ของรัฐบาลฝ่ายซ้ายน่าจะง่อนแง่นจากความโกรธเกรี้ยวของประชาชนที่ลงถนนประท้วงเพราะเรื่องค่าเงินเฟ้อกันมาตั้งแต่กลางปี ทำให้หากเปลี่ยนตำแหน่งรัฐบาล เศรษฐกิจของอาร์เจนติน่าก็ดูจะกระเตื้องขึ้นมาได้บ้าง

ถึงเวลานั้น แน่นอนว่าความอิ่มเอมของการคว้าแชมป์เวิลด์คัพอันเป็น ‘ยาแรง’ ที่ช่วยให้คนในชาติสุขใจน่าจะยังอยู่ แต่คงจะจางหายลงไปบ้าง และคงไม่อาจมีอะไรมาช่วยให้ชาวอาร์เจนไตน์อิ่มสุขได้ในระยะยาวเท่าการที่ค่าเงินลดลงไปอยู่ในระดับปกติได้เสียที

MOST READ

World

1 Oct 2018

แหวกม่านวัฒนธรรม ส่องสถานภาพสตรีในสังคมอินเดีย

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก สำรวจที่มาที่ไปของ ‘สังคมชายเป็นใหญ่’ ในอินเดีย ที่ได้รับอิทธิพลสำคัญมาจากมหากาพย์อันเลื่องชื่อ พร้อมฉายภาพปัจจุบันที่ภาวะดังกล่าวเริ่มสั่นคลอน โดยมีหมุดหมายสำคัญจากการที่ อินทิรา คานธี ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก

1 Oct 2018

World

16 Oct 2023

ฉากทัศน์ต่อไปของอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ความขัดแย้งที่สั่นสะเทือนระเบียบโลกใหม่: ศราวุฒิ อารีย์

7 ตุลาคม กลุ่มฮามาสเปิดฉากขีปนาวุธกว่า 5,000 ลูกใส่อิสราเอล จุดชนวนความขัดแย้งซึ่งเดิมทีก็ไม่เคยดับหายไปอยู่แล้วให้ปะทุกว่าที่เคย จนอาจนับได้ว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ

จนถึงนาทีนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังดำเนินต่อไปโดยปราศจากทีท่าของความสงบหรือยุติลง 101 สนทนากับ ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงเงื่อนไขและตัวแปรของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น, ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและรัฐอาหรับ, อนาคตของปาเลสไตน์ ตลอดจนระเบียบโลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นมาหลังยุคสงครามเย็น

พิมพ์ชนก พุกสุข

16 Oct 2023

World

9 Sep 2022

46 ปีแห่งการจากไปของเหมาเจ๋อตง: ทำไมเหมาเจ๋อตง(โหด)ร้ายแค่ไหน คนจีนก็ยังรัก

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์ เขียนถึงการสร้าง ‘เหมาเจ๋อตง’ ให้เป็นวีรบุรุษของจีนมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังการทำร้ายผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

9 Sep 2022

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save