fbpx

สุขภาพใจที่อยู่ไกลเกินเอื้อมของเด็กและวัยรุ่นไทย

ลองจินตนาการว่าคุณเป็นวัยรุ่นในอำเภอกุดชุมของจังหวัดยโสธรที่พบว่าตัวเองมีความเครียดรุมเร้าใจมากเกินกว่าจะรับมือไหว แบบประเมินสุขภาพจิตออนไลน์ยืนยันว่าคุณไม่ได้คิดไปเอง และควรไปปรึกษาจิตแพทย์ อีกเพียงไม่กี่คลิกถัดมา อินเทอร์เน็ตก็นำทางคุณไปถึงหน้าเว็บไซต์ที่ระบุว่ามีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ‘กว่า 200 คน’ ให้ค้นหา ชื่อจังหวัดยโสธรในเมนูค้นหาให้ความหวังกับคุณชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะปรากฏข้อความขึ้นว่า ‘ไม่พบโรงพยาบาล’ พร้อมตัวเลขจำนวนจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ‘0’ คน ส่วนสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดนั้น อยู่ห่างออกไปมากกว่าร้อยกิโลเมตรในจังหวัดข้างเคียง

ปัญหาสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่นเป็นเรื่องน่ากังวลมากขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19[1] ในปี 2022 ระบบการประเมินสุขภาพจิตออนไลน์ด้วยตนเองของกรมสุขภาพจิต พบว่ามีเด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปีมากกว่า 5.8 หมื่นคน เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า[2] จนเป็นสาเหตุของการสูญเสียปีสุขภาวะ (DALYs)[3] ลำดับที่ 4 ของเด็กและวัยรุ่นไทยอายุ 5-14 ปี เป็นโรคที่บั่นทอนชีวิตพวกเขามากกว่าการติดเชื้อเอชไอวีหรือติดยาเสพติดถึง 3 เท่าตัว[4] นอกจากนี้ การสำรวจภาวะสุขภาพนักเรียนไทยเมื่อปี 2021 ยังพบว่า วัยรุ่นอายุ 13-17 ปี ราว 17.4% มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย และในปัจจุบันการฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของวัยรุ่นไทย[5] ทว่าสำหรับเด็กและวัยรุ่นในหลายจังหวัด การเข้าถึงบริการทางจิตเวชโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ยังคงเป็นเรื่องที่อยู่ไกลเกินเอื้อม

คิด for คิดส์ โดยความร่วมมือระหว่าง 101 PUB กับ สสส. ชวนสำรวจสถานการณ์สุขภาพใจเด็กและเยาวชนไทยผ่านมิติเชิงพื้นที่ของการให้บริการด้านจิตเวชในหนึ่งแผนที่

จำนวนจิตแพทย์เหลื่อมล้ำและยังไม่ครอบคลุมเด็กและวัยรุ่น

การให้บริการทางสาธารณสุขด้านจิตเวชของไทยได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับปัญหาสุขภาพจิตในภาพรวม  ในปี 2022 ไทยมีจิตแพทย์ 845 คน คิดเป็นสัดส่วน 1.28 คนต่อแสนประชากร บรรลุเป้าหมายระยะแรก (พ.ศ.2561-2565) ของแผนพัฒนาสุขภาพจิตแห่งชาติฉบับที่ 1 ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1.0 คนต่อแสนประชากร[6] 

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนระดับประเทศยังคงแฝงไว้ด้วยความเหลื่อมล้ำในระดับภูมิภาค แม้จะมีจิตแพทย์ประจำในโรงพยาบาลครบทุกจังหวัดแล้ว แต่สัดส่วนของจิตแพทย์ในหลายจังหวัดยังคงห่างจากเป้าหมายตามแผนค่อนข้างมาก พื้นที่ซึ่งขาดแคลนจิตแพทย์มากที่สุดคือกลุ่มจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือฝั่งตะวันออก ศรีสะเกษมีสัดส่วนจิตแพทย์เพียง 0.21 คนต่อแสนประชากร

หากพิจารณาลงไปถึงจำนวนของจิตแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการรักษาเด็กและวัยรุ่น จะพบว่าความเหลื่อมล้ำยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นอีก ฐานข้อมูลจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นโดยสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์[7] แสดงให้เห็นว่าไทยมีจิตแพทย์เด็กเพียง 295 คนท้ังประเทศ แต่ในจำนวนนี้กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครถึง 111 คน ซึ่งมากกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมด และยังกระจุกตัวในเมืองใหญ่ตามภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ สงขลา เป็นหลัก ในขณะที่จังหวัดอื่น 23 จังหวัดยังไม่มีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นประจำอยู่เลย และใน 17 จังหวัด จิตแพทย์เด็กต้องรับภาระดูแลเด็กและวัยรุ่นทั้งจังหวัดด้วยตัวคนเดียว เด็กและวัยรุ่นในจังหวัดเล็กจึงเข้าถึงบริการได้ยาก ซ้ำเติมไปบนเงื่อนไขที่พวกเขาเป็นกลุ่มเปราะบางที่มักถูกละเลย ถูกมองว่าอาการเจ็บป่วยทางใจเป็นเพียงการ ‘ดื้อ’ หรือ ‘เกเร’ ทั้งยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ในการเดินทางไปรับบริการ

การดูแลสุขภาพใจต้องอยู่ใกล้และมีทางเลือก

การวิเคราะห์และตั้งเป้าหมายเชิงนโยบายสาธารณสุขมักวางอยู่บนฐานของการพิจารณาสัดส่วนแพทย์ต่อประชากร ซึ่งช่วยให้เห็นการกระจายบุคลากรและภาระงานของแพทย์ในแต่ละพื้นที่ จนเป็นตัวเลขสำคัญที่ผู้บริหารนโยบายสาธารณสุขใช้ประกอบการตัดสินใจกระจายทรัพยากรไปสู่พื้นที่ต่างๆ แต่สำหรับผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องการเข้ารับบริการส่วนใหญ่ในตอนนี้ ‘จำนวน’ จิตแพทย์ไม่ได้เป็นข้อที่ต้องกังวลเท่ากับว่าจะไปพบแพทย์ได้ ‘ที่ไหน’ 

สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำว่าการรักษาโรคทางจิตเวชต้องอาศัยการพบแพทย์และรับยาอย่างสม่ำเสมอ การมีทางเลือกในการไปพบแพทย์ในสถานที่สะดวกและใกล้บ้านจึงเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญให้การรักษาประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ การมีทางเลือกในการรับการรักษาโรคทางจิตเวชยังมีความสำคัญอย่างมากด้วย เพราะการดูแลรักษาจิตใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและบางครั้งต้องอาศัย ‘หมอที่ใช่’ สำหรับแต่ละคน ผลการสำรวจของ Rocket Media Lab ในปี 2022 พบว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้า 57% เคยเปลี่ยนจิตแพทย์อย่างน้อย 1 ครั้ง จึงมารักษากับจิตแพทย์คนปัจจุบัน และแม้สิทธิ์ในการเบิกจ่ายจะเป็นปัจจัยลำดับต้นๆ ในการตัดสินใจเลือกสถานบริการ แต่ผู้ป่วยถึง 68.2% เลือกชำระค่ารักษาเอง ด้วยเหตุผลด้านความเชื่อมั่นในตัวจิตแพทย์คนปัจจุบัน และการได้รับคำแนะนำจากคนรอบข้าง[8] จำนวนทางเลือกในแต่ละพื้นที่จึงถือว่ามีความสำคัญกับผู้ป่วยกว่าครึ่ง

อย่างไรก็ตาม ไทยมีสถานพยาบาลทั้งที่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ เอกชน และคลินิกที่รักษาโรคจิตเวชโดยตรงโดยจิตแพทย์ หรือมีแผนกจิตเวช อย่างน้อย 443 แห่ง แต่ในจำนวนนี้มีเพียง 166 แห่งที่มีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นประจำอยู่ คิดเป็น 37.4% และยังกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมหานครถึงราว 1 ใน 4 โดยมีเพียง 28 จังหวัดที่มีสถานพยาบาลด้านจิตเวชมากกว่า 1 แห่ง และมี 2 จังหวัดที่ทางเลือกเดียวในการรับการรักษาจากจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นเป็นคลินิกเอกชน[9] ทางเลือกในการเข้ารับการรักษาโรคทางจิตเวชของเด็กและวัยรุ่นจึงมีจำกัด ต้องเดินทางไกลและรอคอยยาวนานกว่ามาก

การพิจารณาสัดส่วนแพทย์ต่อประชากรในภาพรวมระดับประเทศ โดยเฉพาะเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมีสัดส่วนจิตแพทย์ต่อแสนประชากรสูงที่สุดในโลก (47.47) ญี่ปุ่น (12.55) สิงคโปร์ (4.60) จึงสะท้อนภาพปัญหาของไทยที่เบาเกินจริงเมื่อคำนึงถึงมิติในเชิงพื้นที่ร่วมด้วย เพราะประเทศไทยมีพื้นที่มากกว่าสวิตเซอร์แลนด์ถึง 12 เท่า มากกว่าญี่ปุ่น 1.4 เท่า และมากกว่าสิงคโปร์กว่า 700 เท่า รวมถึงรูปแบบการกระจายตัวของชุมชน และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมก็แตกต่างกันออกไป แม้กระทั่งภายในประเทศไทยเอง 

การให้การดูแลสุขภาพใจยังประกอบด้วยมิติอื่นหลายด้าน อาทิ การทำงานร่วมกันของสหวิชาชีพ พยาบาล นักจิตวิทยาและนักจิตบำบัด ไปจนถึงมิติทางวัฒนธรรมที่ทำให้โรคกลุ่มนี้พิเศษแตกต่างไปจากการเจ็บป่วยอื่นๆ โปรดติดตามบทวิเคราะห์และข้อเสนอเชิงนโยบายด้านสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นของคิด for คิดส์ และ 101PUB ต่อได้ทางเว็บไซต์และเพจเฟซบุ๊ก

References
1 คิด for คิดส์. “เด็กและครอบครัวไทยในสามวิกฤต: รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2022”. คิด for คิดส์ (blog), 22 สิงหาคม 2022. https://kidforkids.org/child-family-situation-report-2022/.
2 Unicef, สถาบันวิจัยประชากรและสังคม, และ สถาบันเบอร์เน็ต. “การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบและบริการสนับสนุนทางจิตใจและจิตสังคม”. กรุงเทพฯ: Unicef, 2565.
3 มาตรวัดทางสาธารณสุขสำหรับประมาณการณ์ภาระโรค (Burden of disease) ซึ่งคำนวณจากเวลาที่คนต้องเสียไปกับการเจ็บป่วย (YLD) และเสียชีวิตก่อนวัยอันควร (YLL)
4 Burden of Disease Research Program Thailand https://www.hiso.or.th/bodproject/
5 กรมอนามัย, กระทรวงสาธารณสุข กลุ่มอนามัยเด็กวัยเรียนวัยรุ่น สำนักส่งเสริมสุขภาพ. “การสำรวจภาวะสุขภาพนักเรียนในประเทศไทย พ.ศ. 2564”. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2565.
6 กรมสุขภาพจิต, กองยุทธศาสตร์และแผนงาน. “แผนพัฒนาสุขภาพจิตแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2561 – 2580)”. กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมสุขภาพจิต, 2564.
7 https://camri.go.th/DatabasePsychiatrist/
8 Rocket Media Lab. “‘ราคา’ ที่ต้องจ่ายและสิ่งที่อยากได้ ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า”. Rocket Media Lab, 2565.
9 คิด for คิดส์ รวบรวมข้อมูลสถานบริการด้านจิตเวชจากฐานข้อมูลของกรมสุขภาพจิต สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย และชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย

MOST READ

Spotlights

14 Aug 2018

เปิดตา ‘ตีหม้อ’ – สำรวจตลาดโสเภณีคลองหลอด

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย พาไปสำรวจ ‘คลองหลอด’ แหล่งค้าประเวณีใจกลางย่านเมืองเก่า เปิดปูมหลังชีวิตหญิงค้าบริการ พร้อมตีแผ่แง่มุมเทาๆ ของอาชีพนี้ที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาเนิ่นนาน

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Aug 2018

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save