fbpx
ขายความโปร่งใส เทรนด์ธุรกิจที่กำลังมา

ขายความโปร่งใส เทรนด์ธุรกิจที่กำลังมา

ในยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร ผู้บริโภคมีความตื่นตัวมากขึ้น จะซื้อสินค้าอะไรก็ต้องเสิร์ชหาข้อมูล อ่านรีวิว อย่างละเอียด ไม่ใช่แค่เปรียบเทียบคุณภาพและราคาเพื่อให้ได้ของที่คุ้มโดนใจที่สุดเท่านั้น เทรนด์ที่กำลังมาในตอนนี้คือการที่ผู้บริโภคต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสินค้า!

ดังนั้นธุรกิจที่จะอยู่รอดคือธุรกิจที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้ และกลยุทธ์ที่ธุรกิจทั่วโลกต่างกำลังงัดมาใช้ก็คือการขาย “ความโปร่งใส” นั่นเอง

จะรู้ทุกอย่างไปทำไม

ข้อมูลพื้นฐานทั่วไป เช่น สินค้ามีส่วนประกอบอะไร ใช้แล้วให้ผลดีผลร้ายอย่างไรบ้าง มีข้อควรระวังอะไร คือสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ข้อมูล เช่น สินค้านั้นถูกผลิตที่ไหน ผลิตอย่างไร วัตถุดิบมาจากไหน สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนหรือเปล่า คือข้อมูลที่ผู้บริโภคใช้ประเมินคุณค่าของแบรนด์สินค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างมูลค่าและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจยุคปัจจุบัน

ในปี 2016 ที่ผ่านมา Label Insight บริษัทด้านข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สำรวจผู้บริโภคกว่า 2,000 คน เกี่ยวกับ “ความโปร่งใส” และ “ความเชื่อมั่น” ต่อแบรนด์สินค้าต่างๆ ในอุตสาหกรรมอาหาร พบว่า 56% ของผู้บริโภคจากการสำรวจบอกว่าข้อมูลที่ได้รับเพิ่มขึ้นทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่นต่อแบรนด์นั้นๆ มากขึ้นได้ (ดูรายละเอียดได้ที่นี่)

ผลการสำรวจยังบอกอีกว่า ยิ่งแบรนด์มีความโปร่งใสเท่าไหร่ ผู้บริโภคก็พร้อมจะจ่ายเพิ่มขึ้น และให้การสนับสนุนในระยะยาวมากขึ้นเท่านั้น (ดูรายละเอียดได้ที่นี่) 73% ของผู้บริโภคจากการสำรวจบอกว่าพวกเขายินดีจะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นถ้าบริษัทมีความโปร่งใสเต็มร้อย ในขณะที่ 39% พร้อมจะย้ายค่ายมาซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่มีความโปร่งใสแทนสินค้าที่ใช้อยู่ประจำ และ 94% พร้อมจะจงรักภักดีต่อแบรนด์ที่มีความโปร่งใสโดยสมบูรณ์

ขายความโปร่งใส ทำกันอย่างไร

“ความโปร่งใส” อาจนิยามได้หลายอย่าง แต่สำคัญคือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าในมิติต่างๆ อย่างตรงไปตรงมากับผู้บริโภค

นี่คือตัวอย่างบางธุรกิจในต่างประเทศที่คิดและนำเอา “ความโปร่งใส” ออกมาขายอย่างน่าสนใจ

1. Whole Foods ขายความโปร่งใสเรื่อง GMO

ผู้บริโภคต้องการความโปร่งใส” –  Walter Robb อดีตซีอีโอร่วม Whole Foods Market

Whole Foods ธุรกิจค้าปลีกอาหารธรรมชาติและอาหารออร์แกนิคเจ้าใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญในปี 2014 จากการถูกผู้บริโภครวมกลุ่มกันฟ้องร้อง กล่าวหาว่าสาขาหนึ่งของบริษัทติดฉลากผิดพลาด รับรองสินค้าชนิดหนึ่งว่าได้รับการรับรองว่าไม่ใช่สินค้า GMO ทั้งที่สินค้านั้นยังไม่ได้ผ่านการรับรอง (ดูรายละเอียดได้ที่นี่)

บทเรียนครั้งนี้ทำให้บริษัทตื่นตัวเรื่องความโปร่งใสของข้อมูลบนฉลากสินค้าเป็นอย่างมาก

ปัจจุบัน Whole Foods กำลังพยายามที่จะก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทค้าปลีกแห่งแรกของสหรัฐอเมริกาที่แสดงความโปร่งใสเกี่ยวกับการรับรองสินค้าปลอด GMO แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2018  สินค้าทุกชิ้นที่วางขายในร้านและติดป้ายรับรองว่าไม่ใช่สินค้า GMO (Non-GMO) จะต้องผ่านกระบวนการรับรองมาตรฐานอย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายนักเพราะต้องทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์จำนวนมากในการตรวจสอบ

Non-GMO
ที่มาภาพ Kimberton Whole Foods

2. Patagonia ขายความโปร่งใสเรื่องที่มาที่ไปของสินค้า

Patagonia บริษัทขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ทำโปรเจคที่ชื่อว่า “Footprint Chronicle” เปิดให้ข้อมูลแก่สาธารณะถึงที่มาที่ไปของสินค้า ว่าไม่ได้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ผู้บริโภคสามารถเข้าไปดูวิดีโอเส้นทางการผลิตสินค้าแต่ละชิ้นผ่านทางเว็บไซต์ได้โดยตรง นอกจากนี้บริษัทยังอัพเดทการปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ให้ดีขึ้น และเปิดช่องทางให้ผู้บริโภคให้คำแนะนำในการปรับปรุงได้อีกด้วย (ดูรายละเอียดได้ที่นี่)

Footprint Chronicle
ที่มาภาพ The Drum News

3. Hershey ขายความโปร่งใสผ่านฉลากอัจฉริยะ

ผู้บริโภคยกย่องบริษัทที่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างตรงไปตรงมาแบบผู้ใหญ่และบอกความจริงกับพวกเขาอย่างไม่บิดพลิ้ว – Deborah Arcoleo ผู้อำนวยการด้านความโปร่งใสของสินค้า บริษัท Hershey

Hershey ผู้ผลิตช็อกโกแลตชื่อดัง ริเริ่มโครงการฉลากอัจฉริยะ หรือ Smart Label ในปี 2014 ซึ่งจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าอย่างละเอียดผ่านทางมือถือ โดยการสแกน QR code โครงการนี้ริเริ่มโดย JP Bilbrey CEO ของ Hershey ที่สังเกตเห็นว่าผู้บริโภคที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มคน Gen Y หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่ความต้องการข้อมูลและความโปร่งใสเป็นเรื่องที่กำลังกลายเป็นกระแสหลัก (ดูรายละเอียดได้ที่นี่)

ประเภทข้อมูลที่จะได้จากฉลากอัจฉริยะนี้ได้มากจากการสำรวจความต้องการของลูกค้าซึ่งพบว่าส่วนใหญ่มีความใส่ใจต่อสุขภาพ ตัวอย่างข้อมูลที่จะพบมีหลากหลาย เช่น ข้อมูลด้านโภชนาการ ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์และเหตุผลที่ต้องใช้ส่วนผสมเหล่านั้น ข้อมูลที่เกี่ยวกับ GMO ข้อมูลการรับรองผลิตภัณฑ์โดยองค์กรต่างๆ ข้อมูลความปลอดภัย เช่น การแพ้อาหาร และข้อมูลการแนะนำในการบริโภค เป็นต้น (ดูรายละเอียดได้ที่นี่)

บริษัทตั้งเป้าว่าจะใช้ฉลากอัจฉริยะนี้กับสินค้าทั้งหมดที่มีราว 2,200 รายการ ภายในปี 2017 ซึ่งในตอนนี้ได้ทำกับสินค้าไปกว่า 800 รายการ

Hershey ผู้ผลิตช็อกโกแลตชื่อดัง ริเริ่มโครงการฉลากอัจฉริยะ หรือ Smart Label
ที่มาภาพ SCANOVA

นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้นของเทรนด์การสร้างความโปร่งใสเท่านั้น ทุกวันนี้ธุรกิจทั้งหลายต่างหันมาสนใจเรื่องความโปร่งใส ในฐานะเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้การทำธุรกิจดีขึ้น

ไม่ใช่เฉพาะแค่ในมุมผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงพนักงาน คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และสาธารณะด้วย

  • Buffer ธุรกิจด้านโซเชียลมีเดีย สร้างความโปร่งใสต่อพนักงาน โดยการเปิดเผยเงินเดือนภายในบริษัทตั้งแต่ผู้บริหารยันพนักงานทั่วไป และอธิบายสูตรการคำนวณเงินเดือนอย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดความรู้สึกเป็นธรรม และให้พนักงานมีเป้าหมายในการพัฒนาตนเอง
  • Apptopia ธุรกิจแอปพลิเคชันมือถือ สร้างความโปร่งใสต่อพนักงาน ด้วยการแสดงข้อมูลด้านการเงินและข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าต่างๆ บนจอแสดงผลให้ออฟฟิศ ซึ่งอัพเดททุกเดือนให้พนักงานรับรู้ข้อมูลและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทมากขึ้น
  • Zappos ธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าและรองเท้ากีฬา สร้างความโปร่งใสต่อคู่ค้า โดยการเปิดให้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของบริษัทได้ และจัดทัวร์ให้คู่ค้าเข้ามาดูการทำธุรกิจและร่วมการฝึกอบรม เพื่อให้เกิดความเข้าใจและทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น
ในโลกที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นในปัจจุบัน “ความเชื่อมั่น” คือกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ถึงแม้จะมีวิธีการในการสร้างความเชื่อมั่นหลากลายวิธี แต่ในยุคแห่งข้อมูลข่าวสารที่ทุกคนกระหายการเข้าถึงข้อมูลเช่นนี้ หากปราศจากความโปร่งใสไปเสียอย่าง
ใครจะไปเชื่อมั่นในตัวคุณได้!

อ่านเพิ่มเติม

-บทความ 5 Examples of Companies Succeeding Through Transparency ของ Jonha Richman จาก Entrepreneur, May 27, 2016

-บทความ This Is the Key to Success in the Consumer Products Industry ของ Kenny Kline จาก Inc, September 7, 2016

-บทความ Using Transparency To Build A Better Company ของ Bill Fotsch และ John Case จาก Forbes, January 24, 2017, 07:33 AM

MOST READ

Social Issues

27 Aug 2018

เส้นทางที่เลือกไม่ได้ ของ ‘ผู้ชายขายตัว’

วรุตม์ พงศ์พิพัฒน์ พาไปสำรวจโลกของ ‘ผู้ชายขายบริการ’ ในย่านสีลมและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดปูมหลังชีวิตของพนักงานบริการในร้านนวด ร้านคาราโอเกะ ไปจนถึงบาร์อะโกโก้ พร้อมตีแผ่แง่มุมลับๆ ที่ยากจะเข้าถึง

กองบรรณาธิการ

27 Aug 2018

Social Issues

21 Nov 2018

เมื่อโรคซึมเศร้าทำให้อยากจากไป

เรื่องราวการรับมือกับความคิด ‘อยากตาย’ ผ่านประสบการณ์ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า คนเคียงข้าง และบทความจากจิตแพทย์

ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์

21 Nov 2018

Social Issues

22 Oct 2018

มิตรภาพยืนยาว แค้นคิดสั้น

จากชาวแก๊งค์สู่คู่อาฆาต ก่อนความแค้นมลายหายกลายเป็นมิตรภาพ คนหนุ่มเลือดร้อนผ่านอดีตระทมมาแบบไหน ‘บ้านกาญจนาฯ’ เปลี่ยนประตูที่เข้าใกล้ความตายให้เป็นประตูสู่ชีวิตที่ดีกว่าได้อย่างไร

ธิติ มีแต้ม

22 Oct 2018

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save