แสงเขียวมรกตสว่างจ้าจากบรรดาโคมเหนือหัวในตรอกลึกสุดลูกหูลูกตา สะกิดสายตานักท่องราตรีคนแล้วคนเล่า ทั้งยามตะวันลับและตะวันรุ่ง
‘เหวิน เหม็ง’ (文萌樓) เป็นหนึ่งในหอนางโลมที่มีชื่อเสียงที่สุดบนตรอกโคมเขียว ตรอกค้าประเวณีที่อยู่ไม่ไกลจากแหล่งการค้าสำคัญของไทเปอย่างท่าเรือต้าเต้าเฉิง ท่าเรือเก่าแก่ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 19 ริมแม่น้ำต่านสุ่ย
หญิงค้าประเวณีรอรับแขกพัลวัน ทั้งนายห้าง ผู้มากอิทธิพล ไปจนถึงไต้ก๋งเรือสินค้าต่างตบเท้าขวักไขว่ โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลอาณานิคมญี่ปุ่น ผู้ปกครองไต้หวัน 50 ปี อนุญาตให้การค้าประเวณีถูกกฎหมาย
ประวัติชีวิตยามรุ่งเรือง ขมขื่น และการต่อสู้จึงเกิดขึ้น
โคมเขียวสว่างจ้า
ไม่ไกลจากสถานีรถไฟแห่งแรกของไทเปหรือสถานีต้าเต้าเฉิง อาคารอิฐแดงยุคอาณานิคมญี่ปุ่นสองชั้น หลังคาทรงจีน โถงแคบลึกสุดลูกหูลูกตาคือที่อยู่ของหอนางโลมที่มีชื่อเสียงที่สุดในนครไทเป
ผมมีโอกาสเยี่ยมชมอาคารเหวิน เหม็งเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา แม้กาลเวลาจะผ่านไปกว่าร้อยปี และอาคารถูกบูรณะต่อเติมใหม่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ทว่ากลิ่นอายประวัติศาสตร์มีชีวิตยังคงแอ่นอกเชื้อเชิญคนรุ่นหลัง
อาคารเหวิน เหม็งก่อสร้างในปี 1925 อยู่ในพื้นที่ที่รัฐบาลอาณานิคมญี่ปุ่นเห็นชอบให้เป็นพื้นที่โคมเขียว เช่นเดียวกับอาคารอื่นไม่ต่ำกว่าสิบหลังในพื้นที่เดียวกัน อาคารชั้นหนึ่งถูกออกแบบเป็นห้องโถงรับแขก แปลนห้องถูกซอยเป็นห้องเล็กๆ แคบๆ บนเหนือหัวมีภาพหญิงบริการพร้อมหมายเลขแขวนเรียงราย หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับบรรดาหญิงงามที่รอให้บริการเบื้องล่าง
โถงรับแขกยังปรากฏเมนูราคา ที่ถูกคำนวณอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มต้นที่ 15 นาที ราคา 1,200 ดอลลาร์ไต้หวัน (เทียบค่าเงินในปัจจุบัน) หรือราว 1,300 บาท ซึ่งนับว่าเป็นค่าบริการที่สูงลิ่ว บนฝาผนังยังปรากฏร่องรอยเบอร์โทรศัพท์สถานีตำรวจใกล้เคียง ด้วยว่าพวกเขาย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หากเกิดการทะเลาะวิวาทหรือล่วงละเมิดจากแขก เป็นต้น
ซู ควน เกา ภัณฑารักษ์ชูสมุดพกเล่มเล็กกับผม พร้อมเล่าว่า หญิงบริการจำเป็นต้องพกใบอนุญาตเล่มเล็กติดตัวเสมอเมื่อปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นหลักประกันว่าพวกเขาจะได้รับการคุ้มครอง
“เราจะเห็นได้ว่า การเปิดเสรีการค้าประเวณีโดยมีระบบรองรับเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และเคยเกิดขึ้น นับเป็นการจัดการที่เป็นระบบ โดยเฉพาะสิทธิการปกป้องตนเองของคนทำงานของอาชีพ อาชีพหนึ่ง พวกเขายังใช้บัตรสำหรับตรวจสุขภาพทุกสัปดาห์ได้อีกด้วย” ซู ควน เกา กล่าว
ผมเดินสำรวจห้องรับแขกแต่ละห้อง กลิ่นอายที่ได้รับเสมือนอยู่ในยุค 70-80 ภายในมีเตียงเดี่ยวขนาดเล็ก พร้อมกับวิทยุทรานซิสเตอร์ หากเป็นห้องใหญ่หน่อยก็จะมีโทรทัศน์ขาวดำ และเครื่องเรือนที่จำเป็น อาทิ โต๊ะเครื่องแป้ง กาน้ำชา สิ่งของเหล่านี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนรับใช้ธุรกิจและความสุขของผู้คนจนถึงยุค 80
แม้ว่าการปกครองโดยเจ้าอาณานิคมญี่ปุ่น และยุคหลังอาณานิคมที่พรรคชาตินิยมจีน หรือพรรคกั๊วะมินตั๋ง ประกาศกฎอัยการศึกปกครองไต้หวันยาวนานที่สุดในโลก ทว่าพวกเขายังเปิดช่องเล็กๆ สำหรับเสรีภาพของความสุขสมตามตรอกซอกซอย
การเปิดเสรีค้าประเวณีได้รับการยอมรับทางกฎหมายกว่าหนึ่งศตวรรษ เหนือกว่านั้นธุรกิจนี้ยังเป็นแหล่งรายได้และสร้างตำแหน่งงานมหาศาล กระจายไปยังหลายพื้นที่ในนครไทเป เช่น เขตหว่านหัว ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างตลาดนัดซีเหมินติง หรือบางพื้นที่ในเขตจงซานอย่างถนนหลินเซินเหนือ ซึ่งยังคงคลาคล่ำด้วยนักท่องราตรีและผู้ให้บริการจนถึงปัจจุบัน
จากหอโคมเขียว สู้พื้นที่ต่อสู้ทางการเมือง
บันไดสู่ชั้นสองของหอโคมเขียวแคบและชันเสียจนผมต้องคอยให้คนก่อนหน้าเดินทางถึงชั้นสองเสียก่อน ตรงข้ามกับราวบันได เราเห็นภาพประชาสัมพันธ์ความเป็นไปตั้งแต่ยุคญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน
หอโคมเขียวชั้นสอง จากเดิมที่เคยเป็นห้องให้บริการและที่พักของบรรดาคนทำงานในหอ ถูกเปลี่ยนเป็นระเบียงทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมสาธารณะ (Historical and Cultural Corridor) ที่ผู้เข้าเยี่ยมชม หรือคนทั่วไปสามารถแลกเปลี่ยนบทสนทนาระหว่างกันและกัน หรือกับภัณฑารักษ์ ผู้ชี้ชวนให้เราย้อนประวัติศาสตร์ซ่องในนิยามการเมือง
ปลายทศวรรษที่ 1990 เฉิน สุ่ย เปี่ยน อดีตผู้ว่าการนครไทเปที่ต่อมากลายเป็นประธานาธิบดีสองสมัยจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ออกคำสั่งยกเลิกใบอนุญาตการค้าประเวณี และบังคับให้กิจกรรมที่เกี่ยวข้องมีความผิดทางกฎหมาย ซึ่งขณะนั้นมีหอโคมเขียวที่ขึ้นทะเบียนในไทเปทั้งหมด 55 แห่ง
อดีตประธานาธิบดีเฉินทึกทักเอาว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะยกระดับไต้หวันให้เข้าสู่สังคมโลกอย่างเต็มภาคภูมิ หาใช่บ้านเมืองที่มีรอยด่าง ทั้งนี้เพื่อแย่งชิงความได้เปรียบบนเวทีระหว่างประเทศกับจีนแผ่นดินใหญ่ที่แข่งขันดุเดือดในยุคของเขา
“เราต้องก้าวไปข้างหน้าตามกระแสกาลเวลา อเมริกาไม่มีโสเภณีที่มีใบอนุญาต ญี่ปุ่นก็ไม่มี เราจำเป็นต้องดำเนินการเฉกเช่นคนส่วนใหญ่” เฉิน สุ่ย เปี่ยน กล่าว
นโยบายดังกล่าวบีบคั้นให้บรรดาหญิงบริการต้องออกมาต่อสู้ทางการเมืองอย่างไม่มีทางเลือก พวกเขารวมตัวประท้วง และปิดศาลาว่าการเมืองไทเป ยื่นข้อเสนอให้ยกเลิกนโยบายปิดกั้นการค้าประเวณี นับเป็นการลุกฮือและต่อสู้สิทธิของผู้ให้บริการทางเพศครั้งใหญ่ที่สุดของไต้หวัน จนหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เคยรายงานบทสัมภาษณ์ของนักต่อสู้เพื่อสิทธิผู้ให้บริการ ‘ควน ซูว-ฉิน’
ห้วงเวลาดังกล่าว บรรดาหญิงค้าบริการ หอโคมเขียวเหวิน เหม็งยืนกรานกระทำอารยะขัดขืน พวกเขายังเปิดให้บริการต่อไป ท่ามกลางการคุกคามและบังคับใช้กฎหมายอย่างหนักจากเจ้าหน้าที่ ดังที่ภัณฑารักษ์ควน เกา ชวนเรารำลึกถึงความหวังที่เคยมีอยู่ที่นี่
“บรรดาหญิงบริการมักรวมตัวกันที่นี่ เพื่อประชุมและวางแผนปฏิบัติการการเคลื่อนไหว การต่อสู้ครั้งนั้นยิ่งใหญ่มาก และเราเรียกได้ว่าคืออุดมการณ์หอโคมเขียวเหวิน เหม็ง”
อุดมการณ์หอโควเขียวเหวิน เหม็ง ต่อมาได้รับการพัฒนาให้เป็นกลุ่มเพื่อนพนักงานบริการและผู้สนับสนุน หรือ collective of sex workers and supporters (COSWAS) พวกเขามองว่าการค้าประเวณีมีนานนับเป็นพันปีและมีทุกแห่งบนโลกใบนี้ ที่สำคัญ มนุษย์ควรมีสิทธิเหนือสภาพร่างกายของตนเอง
“คำถามสำคัญวันนี้ไต้หวันผ่านกฎหมายสมรสเพศเดียวกันแห่งแรกของเอเชีย แล้วสิทธิการค้าประเวณีหรือสิทธิการตัดสินใจเหนือสภาพร่างกาย ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ สิ่งนี้บอกเราว่าเรามีงานต้องทำอีกมาก” ภัณฑารักษ์ควน เกา นั่งจับเข่าคุยกับผมและผู้เยี่ยมชมกลุ่มเล็ก เพื่อให้มองเห็นความเป็นไปได้
ในปี 2014 กลุ่มเพื่อนพนักงานบริการและผู้สนับสนุนยื่นคำร้องให้ทางการไทเป อนุรักษ์อาคารหลังดังกล่าวในสถานะสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม หลังจากพวกเขาได้ดำเนินการเช่าเพื่อเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนรุ่นหลัง ตั้งแต่หอโคมเขียวถูกสั่งปิด และดำเนินการอย่างแข็งขันจนถึงปัจจุบัน
การทำงานของพวกเขาจึงหาใช่แค่การเรียกร้องให้อนุรักษ์อาคารประวัติศาสตร์หรือเรียกร้องสิทธิเท่าเทียมของผู้ค้าประเวณีเท่านั้น แต่คือการทำงานทางความคิดของผู้คนในสังคมไต้หวันและทั่วทุกมุมโลก กับประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต และดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด
ผมลาควน เกาและเดินทางกลับ หลังจากใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์ไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง เป็นเรื่องบังเอิญว่าทางเดินกลับนั้น ผมพบเจอกับบรรดาหญิงสาวบริการทั้งชาวไต้หวันและชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างยืนเรียงราย รอผู้ใช้บริการในค่ำคืนวันหยุดสุดสัปดาห์บนถนนหลินเซินเหนือ ไม่ไกลนักจากหอเหวิน เหม็งและที่พัก
เสียงตะโกนจากกัปตันแต่ละร้านที่ชักชวนลูกค้ากลายเป็นเอกลักษณ์ ขณะที่นักท่องเที่ยวหลายรายอยู่ในอาการมึนเมา จนกลายเป็นเรื่องคุ้นชินสำหรับผู้ผ่านไปมา
โคมเขียวถูกปิด ทว่าไฟนีออกถูกเปิด
อดีตที่ถูกปิดตาย ทว่ายังมีลมหายใจรินลอดออกมา
อย่างน้อยก็จากบทสนทนาของพวกเรา ณ ขณะนี้