fbpx

ทำอาชีพอิสระได้อะไรบ้าง

ผู้เขียนเคยทำงานประจำมาเป็นเวลา 30 กว่าปี เริ่มจากเป็นพนักงานระดับปฏิบัติงานจนเวลาต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นผู้บริหารองค์กรหลายแห่ง จากที่เคยรับผิดชอบกับงานในหน้าที่อย่างเดียวก็ค่อยๆ รับผิดชอบกับงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน รวมถึงดูแลผู้ใต้บังคับบัญชานับร้อยคน

ไม่รวมถึงตำแหน่งหน้าที่ในสังคมที่ต้องเป็นกรรมการองค์กรต่างๆ ทั้งสถาบัน สมาคม มูลนิธิ ฯลฯ  ทั้งโดยตำแหน่งจากหน้าที่การงาน และมีผู้คนมาเชื้อเชิญให้เป็นกรรมการ

4 ปีที่ผ่านมา หลังจากเก็บเงินได้พอสมควร ผู้เขียนได้ลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำงานอิสระหรือฟรีแลนซ์ เป็นนายของตัวเอง ไม่ต้องมีเวลาเข้าที่ทำงาน ไม่ต้องมีเวลาเลิกงาน และไม่ต้องถูกกำหนดโดยระเบียบต่างๆ ขององค์การที่ทำงานด้วย 

ตำแหน่งหน้าที่ในสังคมก็ค่อยๆ ลาออก หากไม่สนใจจริงๆ 

วิถีชีวิตที่เคยขึ้นกับคนอื่น ขึ้นกับระบบระเบียบของภายนอกได้หมดไป จากนี้ไปชีวิตขึ้นกับตัวเองแท้ๆ

เวลาที่ขึ้นกับปัจจัยภายนอกเป็นตัวกำหนดมาโดยตลอด บัดนี้เวลากำหนดโดยตัวเองแล้ว

4 ปีผ่านไป ผู้เขียนได้เรียนรู้ในการทำอาชีพอิสระที่ไม่ต้องขึ้นกับองค์กรหรือบริษัทใดๆ คือ

1. ไม่คาดหวังจากใคร และไม่อยากให้คนคาดหวังจากเราด้วย

แน่นอนว่าสมัยที่ยังทำงานประจำร่วมกับเพื่อนร่วมงานอื่นๆ มากมาย  การถูกคาดหวังจากเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องปกติ ไม่ต่างจากการที่เราก็อยากคาดหวังจากเพื่อนร่วมงานด้วยเช่นกัน ความคาดหวังแบบนี้ บางครั้งเป็นดาบสองคม อาจช่วยทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น หรือไม่ก็เกิดความขัดแย้งในหมู่เพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะความคาดหวังในฐานะหัวหน้างานที่ให้คุณให้โทษกับผู้ใต้บังคับบัญชา 

2. รับงานที่อยากทำ 

ทำงานมานานจนมีเงินเก็บพอเป็นหลักประกันหลายอย่างในชีวิตได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องรับทำงานทุกอย่างเพื่อเงินอย่างเดียว แต่สามารถเลือกงานที่ชอบ เลือกงานที่ใช่สำหรับตัวเองได้ และที่สำคัญคือ เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ควรเลือกงานที่ชอบเป็นลำดับแรกมากกว่า เพราะตอนที่ทำงานประจำ หลายครั้งอาจจะไม่ได้ชอบงานที่ทำแต่จำต้องฝืนทน และให้เวลางานอาสาสมัครที่ช่วยทำแบบไม่มีรายได้ เท่ากับงานได้เงิน งานหลายอย่างที่อยากทำส่วนมากจะเป็นงานอาสาสมัคร แทบจะไม่ได้เงิน แต่ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้ทำงานในสิ่งที่อยากทำมากกว่าเงินตอบแทน

3. คิดอะไรก็พูดตรงๆ ไม่ต้องเกรงใจใคร 

สมัยก่อนตอนเป็นผู้บริหารองค์กร บางครั้งอยากแสดงความคิดเห็นต่างๆ แต่ด้วยหน้าที่การงาน อาจพูดอะไรมากไม่ค่อยได้ เพราะอาจไปกระทบกระเทือนองค์กรที่ทำงานอยู่ แต่เมื่อออกมาเป็นเสรีชนแล้ว อิสระในการแสดงความคิดเห็นเป็นของเรา และเรารับผิดชอบเอง

4. คบเพื่อนที่รู้ใจมากขึ้น ส่วนเพื่อนที่ไม่ใช่ ก็ไม่เสียเวลาคบ

มีโอกาสเลือกเพื่อนมากขึ้น บ่อยครั้งในหน้าที่การงาน เราอาจไม่สามารถปฏิเสธความสัมพันธ์ในหน้าที่การงานได้ แต่เมื่อหมดตำแหน่ง หมดหัวโขนแล้ว จะรู้ว่าเราอยากคบกับเพื่อน ให้เวลากับเพื่อนที่รู้สึกว่าใช่ รู้สึกว่าปรารถนาดีต่อกันจริงๆ ส่วนเพื่อนที่ไม่ใช่ คบกันตามมารยาทพอเป็นพิธี ก็จะไม่เสียเวลาอีกต่อไป

5. วิ่งเกือบทุกวัน

เมื่อเวลาเป็นของเราจะรู้สึกว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ  เพราะเราจะรู้สึกว่า เราต้องรับผิดชอบชีวิตของเราเอง สุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ และการออกกำลังกายคือหลักประกันสุขภาพที่ถูกและยั่งยืนที่สุด

ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งรู้สึกต้องทำให้น้ำหนักลดลงด้วยการวิ่งออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาชนิดอื่น เพราะเชื่อว่าคนเราจะมีสุขภาพดี ต้องทำให้ตัวเล็กลง ตัวเบา น้ำหนักพอประมาณ ไม่อ้วนผอมเกินไป เชื่อว่าโรคภัยจะตามหายาก

6. เดินทางตามใจปรารถนา

เมื่อมีเวลามากขึ้น การเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ พบปะผู้คน ธรรมชาติ และวัฒนธรรมต่างๆ ล้วนจะช่วยทำให้เราไม่อยู่ในกะลา เห็นโลกกว้างมากขึ้น และยิ่งทำให้รู้สึกว่า ยิ่งเดินทาง ยิ่งรู้ตัวว่าไม่ค่อยรู้อะไรเลย และการค้นหาเรื่องราวต่างๆ ล้วนเป็นความรื่นรมย์ประการหนึ่งของชีวิต 

เมื่ออยู่ในประเทศ เราอาจจะมีคนรู้จัก แต่เมื่อออกไปในดินแดนอันห่างไกลแล้ว แทบจะไม่มีใครรู้จักเราเลย นับเป็นการเตือนสติ ฝึกตัวตนให้เล็กลงได้ดี

7. คิดอะไรให้ชัดเจน ก่อนลงมือจะทำอะไร

ประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมา สอนให้รู้ว่า ไม่ต้องลงมือทำอะไรมากมาย เพราะหลายครั้งทำอะไรมากมาย แต่มักไม่ค่อยได้ผล เหนื่อยฟรีก็แยะ ดังนั้น ก่อนจะลงมือทำอะไร ขอให้เสียเวลากับการคิดอะไรให้ชัดเจน ทั้งเป้าหมายและวิธีการไปถึงเป้าหมาย และเมื่อลงมือทำแล้ว ผลงานนั้นอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เราคิดเสียอีก

ยิ่งให้เวลากับการคิดให้ชัดเจน จะเสียเวลาลงมือทำงานน้อยลง

8. มีเวลาให้กับคนที่เรารักและรักเรามากๆ

ยิ่งนานวัน จะรู้สึกว่าครอบครัวและคนรักคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แต่การทำงานประจำอย่างหนักมาหลายสิบปี ได้เบียดบังเวลาที่จะให้กับคนรักไปนานพอสมควร ซึ่งเป็นความจำเป็นของชีวิต แต่เมื่อถึงเวลาที่ออกมาทำงานอิสระแล้ว การดูแลคนที่เรารักและรักเราคือโอกาสดีที่สุด

9. คบเพื่อนต่างวัยมากขึ้น

การคบเพื่อนต่างวัย โดยเฉพาะคนที่อายุน้อยกว่า จะช่วยเปิดโลกทัศน์ของเรามาก และที่สำคัญคือช่วยลดตัวตนของเราว่า เมื่อเป็นผู้อาวุโสย่อมจะรู้ดีกว่าคนอื่นที่อายุน้อยกว่า เพราะบางครั้งยิ่งอายุมาก ยิ่งจะรู้สึกว่าไม่รู้อะไรเลยมากกว่า

10. ยิ่งนานยิ่งเชื่อใจธรรมชาติมากกว่ามนุษย์  

ยิ่งนานวันจะรู้สึกว่า ธรรมชาติมั่นคงกับเราเสมอ สิ่งที่เรียนรู้จากธรรมชาติเป็นของจริงเสมอ แต่กับมนุษย์ หลายครั้งและหลายหน ยากแท้หยั่งถึงจริงๆ 

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

4 Aug 2020

การสืบราชสันตติวงศ์โดยราชสกุล “มหิดล”

กษิดิศ อนันทนาธร เขียนถึงเรื่องราวการขึ้นครองราชสมบัติของกษัตริย์ราชสกุล “มหิดล” ซึ่งมีบทบาทในฐานะผู้สืบราชสันตติวงศ์ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร 2475

กษิดิศ อนันทนาธร

4 Aug 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save