อุทิศ เหมะมูล เรื่อง
ไกล… คำรนคำรามอยู่ไกลๆ อุกระอุอยู่ข้างใน เหมือนกำลังจะเกิด กำลังจะแตกดับ วาระกำลังจะมี เหมือนกำลังจะใกล้, ใจ
รำไรเหมือนจะสาง แลบสว่างออกจากคลุ้มมืด ก่อหวอดครั่นครืนเหมือนกำลังจะเดินทัพ ง้างน้าวเตรียมปล่อยคันศร
ระทึกในจดจ่อ เด็ดขาดในโอ้เอ้ คล้ายว่าชักช้า หากแต่รอจังหวะเล็งล็อก ตรงเผง
แล้วจังหวะนั้นก็เคลื่อนผ่านไปต่อหน้าต่อตา หวังว่าโคจรของมันจะเหมือนเข็มนาฬิกา วนเป็นวง ย้อนกลับมา, ไกล… อีกครั้ง
ผมง้างงันในท่านั้น – กำลังจะ – โอ้เอ้ในจดจ่อ เหมือนกำลังจะมา เหมือนกำลังจะใกล้, ไม่รู้กาลจะไป
Love, what did you do to me ?
My only hope is to let life stretch out before me
And break me on this lonely road
I’m made of many things, but I’m not what you are made of*
วนมาไหม ? ใช่หรือเปล่า ?
ที่คำรนคำรามอยู่ไกลๆ อุกระอุอยู่ข้างใน เหมือนกำลังจะเกิด กำลังจะแตกดับ วาระกำลังจะมี เหมือนกำลังจะใกล้ ใช่หัวใจของผมมั้ย ?, ไกล…
Don’t say you ever loved me
Don’t say you ever cared
อย่าทอดทิ้ง ได้โปรดอย่าปล่อยผมไป อย่าเพิ่งไม่สนใจ
เพราะว่ารักกันใช่ไหมถึงต้องส่งเสียง เหลียวมองกันบ้าง แต่ถ้าเงียบและเมินกัน ผมก็ว่าเป็นเพราะรักกันนั่นแหละ
เงียบก็ใช่ มีเสียงก็ใช่ เห็นก็ใช่ ไม่มองก็ใช่ ใกล้ก็ใช่ ไกลก็ใช่เหมือนกัน
งันค้างอยู่ในท่วงท่าโอ้เอ้เช่นนั้น เฝ้ารออยู่อย่างนั้น ให้ไกลวนมาเป็นใกล้
น่าสมเพชมั้ย ? หัวใจที่ไม่ยอมกลับร่างที่ถูกความรักบดขยี้จนผิดรูป และขยับเคลื่อนไม่ได้
Only now do I see the big picture
But I swear that these scars are fine
Only you could’ve hurt me in this perfect way tonight
I might be blind, but you’ve told me the difference
Between mistakes and what you just meant for me
ฉัน ครั่นครืนคำรามจากที่ไกล มองเห็นผมไม่ไปไหน ผมต่างหากที่ไกล…
ไกลเพราะไม่ลุกก้าว ยืนยันจะงันนิ่ง นั่นทำให้ฉันเจ็บปวด และเศร้าใจ
เมื่อไรจะเลิกทำตัวเองเป็นเหยื่อ เป็นผู้ถูกกระทำ
ไม่อาจซัดซ้ำและวนกลับมาหา หากผมยังมองว่าตนเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ร่ำไป
ความรัก… หัวใจ… เสียงเพรียกร้องใฝ่หา… ที่ผมใช้เป็นตัวประกัน เฝ้าทิ่มแทงตัวเอง
กดขึง ตรึงนิ่งคล้ายวางยา ถูกสะกด. อำ
คำ, ถ้อยคำ
สิ่งที่เคยเกิดขึ้น อดีต มโนทัศน์ ปรับเป็นความทรงจำ
หากไม่ได้หมายความตามนั้นจริงๆ อย่าพูดว่าไม่รักกัน อย่าบอกว่าไม่แคร์กัน อย่าป่นคำมั่นหนักแน่นให้กลายเป็นผุยผง ‘เราอย่าเจอกันอีกเลย’
เป็นฝุ่นฝัน อำพราง คำรามครั่นครืนอยู่ที่ปลายฟ้า ขอบฝัน
ไกล… หมายความนั้นรวมตัวเป็นฝุ่นละออง ในเมือง ฉาบกั้นสิ่งที่เคยเห็นไม่ให้เห็น รู้ว่าไม่หายไป แต่มันไกล…
บางทีอยู่ใกล้ๆ แต่คนเรากลับไกลกัน – ระหว่างมองหน้า, ตอนสายตามองกลับไปข้างหลังยังประสาทตา
ปรับภาพที่เห็น ชำระสะสาง รักษาดุลยภาพ ความราบรื่น ฯลฯ
ไกลเพราะเหมือน เพราะรู้จักรู้ใจกันเกินไป, ไกลเพราะรัก
บางครั้งอยู่ในกลุ่ม ในรู้คิด แม้ในอุดมการณ์ชุดเดียว – ก็ไกลกันได้เหมือนกัน
ไกลพระอาทิตย์ขึ้น ตะวันตก ระหว่างคืนและวันที่จะทำใจให้ดีขึ้น
ไกลเป็นละอองหนาทึบไร้จำนวนนับในความฝัน – ฝันถึงฉัน คิดถึงฉัน มันไกล…
พอคว้ามือจะเอื้อมกอดก็ฟุ้งไป ในความมืดคล้ำ
Don’t say you ever loved me
Don’t say you ever cared
My darkest friend
หัวใจของผม มิตรที่มืดคล้ำ คำรนคำรามผ่าน มองเห็นและส่งเสียง, ไกล… ต่อกัน
น้ำฝนจากพายุนั้นรสไม่หวาน
ร่ำไร เงื้อง่านิ่งค้าง เฝ้ารออยู่ไย,
ผมหันไปอีกทิศทางของขอบฟ้า
ผู้ไม่เฝ้ารอคือผู้ปลดตนจากการเป็นเหยื่อกาลเวลาของเขา/เธอนั้นเอง
Bye for good, ฉันหยดรสนั้นจากพายุ
*คำร้องจากเพลง Big Picture ของวง London Grammar อินดี้ป็อปแบนด์จากนอตติงแฮม เพลง Big Picture เป็นซิงเกิลโปรโมทเพลงที่สองของอัลบั้มที่สอง Truth Is a Beautiful Thing (2017) เป็นอัลบั้มที่ตอกย้ำความสำเร็จของวงด้วยการทะยานขึ้น UK Albums Chart ในอันดับที่ 1
เสียงกีตาร์ไฟฟ้าหม่นเศร้า ลอยล่อง ผสานกับเสียงนักร้องนำ Hannah Reid เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แจ่มกระจ่าง การได้ฟังเสียงของเธอในเพลงนี้เหมือนพาเราเหินทะยานไปสู่ที่ที่แปลกหน้า คลุ้มเศร้า แต่เราก็ไม่หวั่นสะทกและกังวลมากนัก เพราะเสียงร้องนั้นช่างเข้มแข็ง แกร่ง และเปี่ยมด้วยความมั่นใจในทิศทาง เสียงโบกบินและทะยาน มากเสน่ห์และพรสวรรค์ ช่วยระงับความกังวลและทำให้เอื้ออุ่นใจ เราตามติดเสียงร้องนี้ทะยานผ่านครึ้มฟ้าอันเศร้าโศก ทึบหนัก จะไม่พลัดตกลงไป ก่อนถึงอีกฟากฝั่ง