หลักประกันสุขภาพที่รัก (49) : สู่สังคมสมองเสื่อม Still Alice

หลักประกันสุขภาพที่รัก (49) : สู่สังคมสมองเสื่อม Still Alice

นายแพทย์ประเสริฐ  ผลิตผลการพิมพ์ เรื่อง

 

ผู้ป่วยบ้านเราส่วนใหญ่เป็นโรคสมองเสื่อมในวัยชรา ส่วนมากเกิดจากพยาธิสภาพของหลอดเลือดสมองที่มีปัญหาจากโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน รวมทั้งการสูบบุหรี่

ไม่แน่ใจว่ามีโรคอัลไซเมอร์จริงๆ มากเพียงใด การตลาดขายยารักษาโรคอัลไซเมอร์รุกหนักเสียจนกระทั่งเกิดข้อแคลงใจต่อตัวเลขอุบัติการณ์ของโรคอัลไซเมอร์

 

 

Still Alice เป็นหนังปี 2014 เขียนเรื่องและกำกับโดย Richard Glatzer และ Wash Westmoreland จากนวนิยายชื่อเดียวกันปี 2007 ของ Lisa Genova นำแสดงโดย จูเลียน มัวร์ ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์และรางวัลลูกโลกทองคำในสาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมประจำปี บวกรางวัลจากอีกหลากหลายเวที

ไปหามาดูเถอะ เธอแสดงได้ดีจริงๆ

หนังเล่าเรื่องโรคอัลไซเมอร์ชนิดที่ถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม จูเลียน มัวร์ รับบท ‘อลิซ ฮาวแลนด์’ อาจารย์ด้านภาษาศาสตร์มหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่เริ่มป่วยตั้งแต่ตอนอายุ 50 อเล็ค บอลด์วิน รับบท ‘จอห์น’ สามีซึ่งเป็นแพทย์ ทั้งสองมีลูกสามคน คนโตชื่อแอนนา เป็นนักกฎหมาย แต่งงานแล้วและตั้งครรภ์ คนรองชื่อทอมกำลังเรียนแพทย์ คนสุดท้องชื่อลิเดีย รับบทโดย คริสเตน สจ๊วร์ต สาวทไวไลท์คนนั้น

ลิเดียจบไฮสกูล ไม่เรียนต่อ เธอรักการเล่นละครเวที

หนังฉายให้เห็นการเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์ทีละนิดช้าๆ อลิซกำลังบรรยายแล้ว ‘หยุด’ ไป นึกคำศัพท์ไม่ออก ต่อมาเธอวิ่งออกกำลังกายแล้ว ‘หาย’ ไป ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ทั้งสองอาการเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ต้องขอเตือนว่าอาการทั้งสองอย่างมิใช่ข้อบ่งชี้ว่าความจำเสื่อมเสมอไป

อลิซไปพบแพทย์ทางประสาทวิทยาซึ่งทำงานอย่างมืออาชีพจริงๆ ตรวจอย่างละเอียด ทดสอบการทำงานของสมอง ตามด้วยการตรวจทางรังสีวิทยาตามลำดับขั้น สำหรับคนดูที่เป็นแพทย์จะพบว่าเขาไม่ตรวจข้ามขั้นตอนเลย

อลิซพบว่าตนเองมีอาการมากขึ้นตามลำดับ เธอใช้ไอโฟนเล่นอักษรไขว้ ใช้ไอโฟนเช็คความจำและความรู้ทั่วไปของตนเอง รวมทั้งใช้คอมพิวเตอร์บันทึกคำสั่งฆ่าตัวตายในขณะที่สติสัมปชัญญะยังดีอยู่ หนังสนุกมาก มีรายละเอียดน่าสนใจมากมาย

บทความนี้จะชี้ให้เห็นเรื่องเดียวคือเรื่องร้องไห้

อลิซร้องไห้หนักๆ 3 ครั้ง แต่ละครั้งมัวร์แสดงได้ดีเหลือเชื่อ เป็นการร้องไห้ที่กระแทกกระทั้นคนดูอย่างแรง สำหรับคนที่มีคนรัก รับประกันว่าน้ำตาซึม

อลิซร้องไห้ครั้งแรกเมื่อเธอปลุกจอห์นผู้เป็นสามีขึ้นมาตอนตีสองเพื่อแจ้งข่าวร้าย เธอไปพบแพทย์โดยไม่บอกสามี เมื่อแพทย์ยืนยันการวินิจฉัยแล้วเธอก็นอนไม่หลับ จอห์นฟัง ได้ยิน แต่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ’empathy’ คือร่วมรู้สึก เขาได้แต่พูดว่าไม่มีอะไรหรอก เป็นไปได้อย่างไร ไม่น่าเป็นไปได้ อะไรๆ จะผ่านไปด้วยดี สุดท้ายอลิซระเบิดอารมณ์อย่างรุนแรงว่าทำไมไม่ฟังกันเลย แล้วร้องไห้อย่างสิ้นหวัง

เวลาคนรักพูด ควรตั้งใจฟัง

อลิซร้องไห้อีกครั้งเมื่อเรียกประชุมลูกสามคนพร้อมลูกเขยเพื่อแจ้งข่าวว่าอัลไซเมอร์ที่เธอเป็นนั้นเป็นชนิดถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม ตามหลักการแล้วลูกทั้งสามคนมีสิทธิตรวจทางพันธุกรรมหรือไม่ตรวจก็ได้ แอนนาเลือกที่จะตรวจเพราะเธอกำลังตั้งครรภ์ เธอเป็นประเภทใส่ใจ ในขณะที่ลิเดียเป็นประเภทไม่สนใจและไม่แคร์ ตอนอลิซแจ้งข่าว เห็นใบหน้าซีดเผือดของลูกทั้งสามคน เธอควบคุมความเสียใจไม่ได้ กล่าวโทษตนเอง “แม่ขอโทษ” ร้องไห้

เป็นฉากสั้นๆ ที่แสดงให้เห็นความซับซ้อนของสิ่งที่เรียกว่าข้อมูลทางพันธุกรรม น่าดูมาก

อลิซร้องไห้อีกครั้งเมื่อเธอหาห้องน้ำในบ้านไม่พบ เธอเดินไปเดินมาเดินขึ้นเดินลงจนกระทั่งยืนฉี่ราดตรงนั้น ใบหน้าที่สมเพชตนเอง ความอับอายที่สูญเสียความเป็นมนุษย์ ใบหน้าของสามีที่เดินมาพบ ทั้งหมดนี้เกินคำบรรยาย ไม่มีอะไรที่ทำให้มนุษย์อับอายได้เท่าการปล่อยของเสียออกจากตัวต่อหน้าสาธารณะ

เป็นประเด็นที่วิชาชีพควรระวังป้องกันมิให้เกิดในหอผู้ป่วยใดๆ เลย

อลิซมีปากเสียงกับลิเดียลูกคนเล็กที่ไม่ยอมเรียนต่อเสมอๆ ในขณะที่จอห์นผู้เป็นพ่อเข้าอกเข้าใจมากกว่า เมื่ออาการของอลิซทรุดลงเรื่อยๆ จอห์นจำเป็นต้องจากไปรับงานใหม่ที่ต่างเมือง แผนของเขาคือจะเอาภรรยาไปด้วย เขาไม่คิดจะทิ้งภรรยาให้เป็นภาระแก่ลูกคนใด

จอห์นพาอลิซไปนั่งกินไอศกรีม เขาชี้ชวนให้ดูตึกสูงของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียฝั่งตรงข้าม บอกภรรยาว่าเธอเคยสอนที่นั่น เป็นอาจารย์ที่เก่งที่สุดด้วย

“ยังอยากอยู่ต่อมั้ย” จอห์นถาม

“ชั้นยังไม่เสร็จเลย ต้องไปแล้วหรอ” อลิซเงยหน้าตอบ

ไม่มีใครรู้ว่าจอห์นหมายถึงอะไร กินไอศกรีมเสร็จรึยัง หรือจะย้ายกันไปที่เมืองใหม่รึยัง หรือพร้อมที่จากไปรึยัง

พอๆ กับไม่มีใครรู้ว่าอลิซตอบเช่นนั้นหมายถึงอะไร

เป็นหนังดีสมคำเล่าลือ มีประเด็นมากมายที่สะท้อนถึงระบบสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการดูแลผู้ป่วยที่หมดทางรักษา บางคนอาจจะจับประเด็นที่โรคสมองเสื่อมในวัยชรา บางคนอาจจะจับประเด็นที่โรคอัลไซเมอร์จริงๆ จะอย่างไรก็ตามเรากำลังเผชิญอนาคตที่คนไม่ตายแต่สุขภาพไม่ดี

สปีชของอลิซในที่ประชุมอัลไซเมอร์ตอนเกือบท้ายเรื่องเป็นสปีชของ ‘ผู้ป่วย’ ที่ดีที่สุดครั้งหนึ่ง

หาตอนจบมาดูเอง  และลองวิเคราะห์ชื่อเรื่อง ‘ยังเป็นอลิซอยู่’ หมายถึงอะไร

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Social Issues

9 Oct 2023

เด็กจุฬาฯ รวยกว่าคนทั้งประเทศจริงไหม?

ร่วมหาคำตอบจากคำพูดที่ว่า “เด็กจุฬาฯ เป็นเด็กบ้านรวย” ผ่านแบบสำรวจฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม และความเหลื่อมล้ำ ในนิสิตจุฬาฯ ปี 1 ปีการศึกษา 2566

เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล

9 Oct 2023

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save