fbpx
การสบตากับความทรงจำ

การสบตากับความทรงจำ

แมท ช่างสุพรรณ เรื่อง

การสบตากับความทรงจำ memories look at me a memoir, Nobel prize winner 2011

“My life.” Thinking these words, I see before me a streak of light. On closer inspection it has the form of a comet. The brightest end, the head, is childhood and growing up. The nucleus, the densest part, is infancy, that first period, in which the most important features of our life are determined. I try to remember, I try to penetrate that density. But it is difficult to move in these concentrated regions, it is dangerous, it feels as if I am coming close to death itself. Further back, the comet thins out—that’s the longer part, the tail. It becomes more and more sparse, but also broader. I am now far out in the comet’s tail, I am sixty as I write this.”

บนโต๊ะมีแก้วไวน์วางอยู่สองใบ หนึ่งเหลือไว้เพียงร่องรอยสีสัน อีกหนึ่งพร่องเพียงนิด ตรงหน้าฉันคือเจ้าของการอุปมาภาพชีวิตที่กำลังบอกเล่าถึงความทรงจำ

วันนี้ Crusting Pipe จอแจอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ ฉันโชคดีที่ได้โต๊ะติดกระจกใกล้กับลานหน้าร้าน ตำแหน่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นส่วนตัวและการเปิดเผย วง Lotus Classics ที่เป็นแม่เหล็กสำคัญอีกอย่างของร้านและ Covent Garden กำลังบรรเลงเพลงท่วงทำนองสดใส เสียงหัวเราะชอบใจของนักท่องเที่ยวและผู้ชมดังขึ้นเป็นระยะ แต่สมาธิในการรับรู้เรื่องราวและการบอกเล่าทำให้เสียงเหล่านั้นเงียบงัน

เขาเป็นชาวสวีเดน พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เขายังเล็ก แต่การขาดพ่อไม่ได้ทำให้รู้สึกอ้างว้าง ญาติพี่น้องทางแม่ห่วงใยเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี คุณตาของเขาที่เคยเป็นอดีตนักบินอายุมากกว่าเขา 71 ปี เรื่องที่ชวนให้ประหลาดใจในครอบครัวก็คือ คุณตาของคุณตาที่เกิดในปีแห่งการปฏิวัติฝรั่งเศสก็มีอายุห่างกัน 71 ปี เหมือนกัน สองก้าวย่างของช่วงอายุเท่าๆ กันที่ย้อนกลับไปในกาลเวลา สองก้าวยาวๆ ที่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ยาวมาก เราสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์

เมื่ออายุราวหกขวบ เขาพลัดหลงกับแม่กลางเมืองสตอกโฮล์มระหว่างเดินทางไปงานคอนเสิร์ตที่โรงเรียน นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงความตาย

ใจฉันหายวูบไปกับเหตุการณ์ ความหวาดกลัวท่ามกลางคนแปลกหน้า ถ้าเป็นตัวเองจะทำอย่างไร?

หลังสงบลงจากอาการแตกตื่น เขาเลือกที่จะเดินย้อนไปทีละป้ายรถเมล์เพื่อกลับบ้าน ระหว่างที่เดินกลับ ดูเหมือนว่าไม่มีใครสนใจเลยว่าเด็กเล็กๆ มาเดินอยู่คนเดียวในยามมืดค่ำได้อย่างไร เขาจำรายละเอียดของเรื่องราวไม่ได้มากนัก จำได้แต่ว่ามีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับถึงบ้าน ตอนนั้นแม่ของเขากำลังสิ้นหวังอยู่ที่สถานีตำรวจ คนที่พบเขาที่บ้าน คือคุณตาผู้ซึ่งไม่แสดงอาการตกอกตกใจและรับฟังเรื่องราวอย่างสงบ มันทำให้เขารู้สึกอุ่นใจและไม่ตระหนก

จากนั้นเขาก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องพิพิธภัณฑ์แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันขมวดคิ้วนิดๆ อย่างไม่ชอบใจ

เริ่มจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติไปจนถึงพิพิธภัณฑ์รถไฟ เขาเล่าให้ฟังถึงการก่อตัวของความอยากรู้อยากเห็นแห่งวัยเยาว์ และความสนอกสนใจที่นำพาให้ไปประสบกับโอกาสพิเศษที่ผู้ใหญ่ในพิพิธภัณฑ์หยิบยื่นให้ รวมไปถึงคลังสะสมแมลงของตัวเองที่ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน

ฉันคิดถึงพิพิธภัณฑ์แห่งแรกที่เคยไปเมื่อยังเป็นเด็ก แปลกใจที่ไม่รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาในแบบเดียวกัน ในขณะที่ฉันกำลังสงสัยในประสบการณ์พิพิธภัณฑ์ของตัวเอง เขาเปลี่ยนไปพูดเรื่องโรงเรียนประถม

การที่ไม่มีพ่ออยู่ในครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ ทำให้เขารู้สึกแปลกแยก เพราะเพื่อนที่โรงเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากครอบครัวแตกแยก ความเป็นห่วงของคุณครูที่ห้ามไม่ให้เพื่อนล้อเขาในเรื่องนี้ทำให้เขาเสียขวัญ เพราะมันคือการทำให้เขาเป็นคนนอก เขารู้ตัวอยู่บ้างแล้วว่าตัวเขาเองไม่เหมือนกับเพื่อนคนอื่นจากสิ่งที่เขาสนใจ เขาชอบวาดภาพ แม้แต่การชมเชยผลงานการวาดภาพว่าพิเศษกว่าคนอื่นก็เป็นการทำให้ตัวเขาเป็นเหมือนคนนอก เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายของมัน

ฉันสัมผัสถึงอันตรายของความเป็นคนนอกที่เขาพูดถึงได้เมื่อคิดถึงพิธีกรรมในงานวันแม่ที่โรงเรียนต่างๆ จัดขึ้นตั้งแต่ฉันเป็นเด็กจนถึงปัจจุบัน ภาพความซาบซึ้งที่ล้นเกิน ภาพของเด็กที่ไม่มีพ่อแม่มาร่วมงานต้องกราบไหว้เก้าอี้

ครั้งหนึ่งฉันเคยถูกครูฝึกสอนถามในชั้นเรียนว่าทำไมถึงไม่ไปอยู่กับพ่อแม่ ทำไมถึงได้มาอยู่กับตายาย ฉันอึ้งและสับสน แต่ก็ตอบไปตามที่ถูกสอนมา ครูฝึกสอนคนนั้นทำหน้าในแบบที่ฉันยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ ก่อนพูดว่า “พ่อแม่ไม่อยากเลี้ยงมากกว่ามั้ง”

ฉันอยากถามเขาว่าถ้าเขาเจอเหตุการณ์เดียวกับฉัน เขาจะทำอย่างไร แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำด้วยรู้ว่าเป็นไปไม่ได้

ราวกับอ่านใจฉันออกว่าต้องการอะไร เขาเล่าถึงเรื่องที่โดนเพื่อนแข็งแรงกว่าคนหนึ่งระรานกลั่นแกล้งด้วยการใช้กำลังคว้าเหวี่ยง แรกเริ่มเขาตอบโต้อย่างรุนแรง แต่ก็ไม่เป็นผลจนต้องลงไปกองกับพื้นทุกครั้ง สุดท้าย เขาก็คิดถึงวิธีที่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวังได้ นั่นคือการปล่อยใจไม่โต้กลับ ทำตัวเหมือนเศษผ้าที่อีกฝ่ายจะเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอย่างไรก็ได้

ท้ายที่สุดเพื่อนคนนั้นก็หมดความสนใจไปเอง แต่ท้ายที่สุด เขาเองก็สงสัยว่าวิธีการทำตัวเป็นเศษผ้ามีความหมายอย่างไรกับชีวิตในตอนหลัง เขาใช้ศิลปะของการไม่แยแสแต่คงความนับถือตัวเองบ่อยไปหรือเปล่า เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาหลายครั้งก็ไม่ได้ผล

ที่ลานด้านนอกบรรยากาศเริ่มครึกครื้นขึ้นเรื่อยๆ Lotus Classics เอาใจผู้ชมและนักท่องเที่ยวด้วย Summer จาก The Four Seasons ท่วงทำนอง รอยยิ้ม เสียงปรบมือโห่ร้องชอบใจทำให้ฉันคิดถึงบทกวีบทหนึ่งของเขาที่เคยได้ยินมาจากที่อื่น

Allegro

I play Haydn after a black day

and feel a simple warmth in my hands.

The keys are willing. Soft hammers strike.

The resonance green, lively and calm.

The music says freedom exist

and someone doesn’t pay the emperor tax.

I push down my hands in my Haydnpockets

and imitate a person looking on the world calmly.

I hoist the Haydnflag —it signifies:

“We don’t give in. But want peace.”

The music is a glass-house on the slope

where the stones fly, the stones roll.

And the stones roll right through

but each pane stays whole.

หลังจากเล่าเรื่องชีวิตในโรงเรียนประถม เขาก็เล่าถึงชีวิตผ่านหัวข้อของสงคราม ห้องสมุด โรงเรียนมัธยม (Ingmar Bergman ใช้โรงเรียนแห่งนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Hets ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในตัวประกอบ) การไล่ผี และการเรียนภาษาละตินในช่วงมัธยมปลายที่ส่งผลต่อรูปแบบของการเขียนบทกวี ขณะที่ฉันกำลังสนุกตื่นเต้นกับเรื่องเล่า เขากลับจบการเล่าเรื่องไว้เพียงแค่นั้นและทิ้งท้ายการขอตัวไปก่อนด้วยบทกวี

Memories Look at Me

A June morning, too soon to wake,

too late to fall asleep again.

I must go out — the greenery is dense

with memories, they follow me with their gaze.

They can’t be seen, they merge completely into

the background, true chameleons.

They are so close that I can hear them breathe

though the birdsong is deafening.

การบอกเล่าถึงความทรงจำอาจเป็นอะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนของวันเวลาที่ผ่านเลย เป็นหลักฐานของตัวตน เป็นการตั้งคำถามเชิงปรัชญา หรือไม่เป็นอะไรไปมากกว่าการพูดถึงเรื่องราวที่ยังไม่ลืม

แต่ทั้งความหมายเหล่านี้ก็ยังไม่เฉพาะเจาะจงพอที่จะอธิบายความรู้สึกที่มี ฉันนั่งนิ่งสำรวจอารมณ์อยู่นาน ด้วยความไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่กับเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้ ก่อนจะหยิบไวน์ที่เหลือในแก้วมาดื่มเพื่อผ่อนคลาย “ไม่นะ ไม่ นี่มันสั้นเกินไป อย่าใจร้าย อย่าทิ้งกันไว้แค่นี้” ภายในใจของฉันอุทธรณ์

สิ่งที่เขานำเสนอคือสภาวะแวดล้อมที่เป็นเบ้าหลอมตัวตนและความคิดของเด็กชายคนหนึ่งในสวีเดนที่ผ่านชีวิตช่วงสงคราม โลกในวัยเรียนไม่มีอะไรไปมากกว่าบ้าน โรงเรียน เพื่อน และความสนใจส่วนตัว แต่ช่วงวัยสั้นๆ นี้เองที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อชีวิตที่เหลือ

ในภาพความทรงจำที่ถูกแบ่งออกเป็นแปดหัวข้อ ประเด็นที่สำคัญที่สุด คือการศึกษาซึ่งแฝงอยู่ในทุกเหตุการณ์ การบอกเล่าของเขาไม่ได้เป็นการชี้ให้เห็นว่าการศึกษาสำคัญอย่างไร หากเป็นการแสดงให้เห็นว่าความรู้ดึงดูดเขาอย่างไร และความรู้ทำให้เขาต้องประสบกับสิ่งใดจากผู้คนรอบข้าง ทั้งวัยเดียวกันและต่างวัย ความรู้โดยตัวมันเองในแง่หนึ่งก็ก่อให้เกิดปัญหา เพราะความรู้ก่อให้เกิดประโยชน์ ทำให้บางครั้งเราละเลยผลด้านลบที่เกิดขึ้นต่อคนอื่น และจากคนอื่น

อาจเป็นเพราะนอกจากการเป็นกวี เขายังเป็นนักจิตวิทยาที่ทำงานกับเด็กมีปัญหามาตลอด เหตุการณ์ที่เขาบอกเล่าจึงเป็นภาพสะท้อนของปัญหาที่พบเห็นได้บ่อยจากความรู้สึกที่เด็กมีต่อโรงเรียน ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงน่ารักของครู เป็นนักเรียนที่ไม่พึงปรารถนา เป็นคนที่เพื่อนไม่ชอบเพราะรู้ดีเกินไปในบางวิชา

ไม่เพียงแต่ฉันที่ประสบปัญหา เพื่อนบางคนต้องเดินหลังค่อมเพราะตัวสูงกว่าคนอื่น หรือเพราะมีหน้าอกอวบอิ่มก่อนใคร และมีเพื่อนบางคนที่สูญเสียความมั่นใจเพราะการลงโทษด้วยความไม่แยแสหรือไม่ชอบขี้หน้าของครู

เขาอาจเป็นเรือที่เข้าเทียบฝั่งอย่างสง่างามจากการเดินทางยาวไกล หากสิ่งที่เขาอยากให้ผู้คนจ้องมองกลับเป็นภยันตรายในท้องทะเล

แต่ประเด็นของ coming of age ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฉันกระวนกระวายใจ ฉันอาจพบเห็นเรื่องราวที่คล้ายคลึงกันมากมายได้ไม่ยากนัก เพราะชีวิตในโรงเรียนคือทางผ่านที่คนส่วนใหญ่ต้องผ่าน  แล้วอะไรคือความกระวนกระวายที่แท้จริง

ลักษณะพิเศษของบทกวีคือทุกองค์ประกอบนั้นถูกนับ ไม่มีสิ่งใดฟุ่มเฟือยไร้ค่า (อย่างน้อยก็ในสายตากวี) คำที่ใช้ สัมผัสที่ส่งต่อ การเว้นจังหวะที่เลือก ทุกอย่างมีความหมายที่เชื่อมโยงถึงกัน ไม่เพียงแต่ภายในตัวบทเอง หากเชื่อมโยงไปถึงภายนอก บทกวีส่วนใหญ่จึงมีสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้พื้นผิวมากว่าความหมายเพียงถ้อยคำที่สอดคล้องกันไป ภาพที่เกิดขึ้นจากคำของบทกวีจึงมีลักษณะของพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปตามสายตาของผู้รับรู้

การเลือกแบ่งหัวข้อตามเหตุการณ์หรือสถานที่ของเขา ทำให้ความทรงจำมีลักษณะกึ่งบทกวีกึ่งบทความที่ถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกัน โดยแต่ละหัวข้อสะท้อนถึงกัน การสะท้อนที่ทำให้คิดถึงลำดับและอนุกรมหลากรูปแบบในคณิตศาสตร์ การสะท้อนที่ให้ความรู้สึกว่าถูกจับจ้องด้วยหัวข้อนั้นๆ และภาพที่สะท้อนออกมาจากสายตาที่มองมาคือภาพของตัวเอง

การมองที่ถึงจุดหนึ่งทำให้ความทรงจำทั้งหมดของเขาไม่มีความสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดของการบอกเล่า คือการเป็นกระจกอุปลักษณ์ให้เราสำรวจตัวเองผ่านเรื่องราวที่เป็นสากล ไม่ว่าเราจะอยู่หนใด ภาพเก่าๆ ในสวีเดนของเด็กชายคนนี้จะทำให้เราเห็นตัวเองในสถานที่ของเรา

ในจดหมายฉบับหนึ่ง Emily Dickinson เขียนถึงความหมายบทกวีไว้ว่า

“If I read a book and it makes my whole body so cold no fire can warm me I know that is poetry. If I feel physically as if the top of my head were taken off, I know that is poetry. These are the only way I know it. Is there any other way?”

ภาษากวีของเขาทำให้ฉันรู้สึกวังเวงใจ

เขาชื่อ Tomas Tranströmer (โทมัส ทรอนสทรอเมอร์) เขาเป็นกวีมาตั้งแต่ยังวัยรุ่น ในปี 1990 โรคหลอดเลือดในสมองทำให้ร่างกายซีกขวาของเขาเป็นอัมพาตและสูญเสียความสามารถในการพูด มีเรื่องเล่าที่ทั้งน่าเชื่อถือและไม่น่าเชื่อถือว่าชื่อของเขาได้รับการเสนอเข้ารับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมมาตั้งแต่นั้น เรื่องเล่าความทรงจำ Memories Look at Me ของเขาถูกเขียนขึ้นหลังอาการเจ็บป่วยในปี 1993 นี่อาจเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้บันทึกความทรงจำของเขาสั้นเหลือเกิน

หลังจากอยู่ในรายชื่อของผู้มีสิทธิ์ได้รับรางวัลมากว่ายี่สิบปี เขาก็ได้รับรางวัลโนเบลในปี 2011 พร้อมกับเสียงค่อนขอดว่าเขาเป็นกวางเรนเดียร์ดึกดำบรรพ์เจ้าของบทกวีที่ไม่มีใครอ่านนอกจากคนที่พูดภาษาเดียวกัน และได้รางวัลเพียงเพราะเขาเป็นคนสวีเดน

ไม่มีใครที่จะรู้ดีแก่ใจว่าเขาได้รางวัลเพราะเป็นคนสวีเดนหรือไม่นอกจากคณะกรรมการ แต่ความจริงอย่างหนึ่งที่อาจจะลบเสียงค่อนขอดได้ คือบทกวีของเขาได้รับแปลเผยแพร่เป็นภาษาต่างๆ กว่าหกสิบภาษา

ในการบรรยายของ Peter Handke เนื่องในโอกาสได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2019 เขาเลือกจบการบรรยายที่ประกอบไปด้วยบทกวีและเรื่องเล่าสั้นๆ ที่มีอิทธิพลต่อตนเองในฐานะนักประพันธ์ด้วยบทกวีชื่อ Romanska Bågar ของ Tranströmer เป็นภาษาสวีดิช (น่าเสียดายที่ Tranströmer ไม่ได้รับรู้เหตุการณ์ด้วยตนเองเพราะเขาจากไปเมื่อปี 2015)

ความประทับใจในความลึกซึ้งของบทกวีบทนั้นนำพาให้ฉันได้มีโอกาสมานั่งอยู่ตรงนี้และสบตากับความทรงจำที่จ้องมองมา

Romanesque Arches

Inside the huge Romanesque church the tourists jostled in the half darkness.

Vault gaped behind vault, no complete view.

A few candle flames flickered.

An angel with no face embraced me

and whispered through my whole body:

“Don’t be ashamed of being human, be proud!

Inside you vault opens behind vault endlessly.

You will never be complete, that’s how it’s meant to be.”

Blind with tears

I was pushed out on the sun-seething piazza

together with Mr. and Mrs. Jones, Mr. Tanaka, and Signora Sabatini,

and inside each of them vault opened behind vault endlessly.

หมายเหตุ – บทกวีทุกบทใช้สำนวนแปลของ Robin Fulton

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

4 Aug 2020

การสืบราชสันตติวงศ์โดยราชสกุล “มหิดล”

กษิดิศ อนันทนาธร เขียนถึงเรื่องราวการขึ้นครองราชสมบัติของกษัตริย์ราชสกุล “มหิดล” ซึ่งมีบทบาทในฐานะผู้สืบราชสันตติวงศ์ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร 2475

กษิดิศ อนันทนาธร

4 Aug 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save