fbpx
e-Residency “สาธารณรัฐคนกันเอง” ความฝันใหญ่ของเอสโตเนีย

e-Residency “สาธารณรัฐคนกันเอง” ความฝันใหญ่ของเอสโตเนีย

ใครที่เคยอ่านการ์ตูนชุดไซไฟของ อ.ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ผู้เขียนโดราเอมอน ตอน ”สาธารณรัฐคนกันเอง” (อยู่ในตอนสุดท้ายของ Path of Fujiko F. Fujio เล่ม 2, สนพ. เนชันเอ็ดดูเทนเมนท์) คงตกตะลึงพรึงเพริดไปกับจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดเส้นเขตแดนของซานาดะ มาซารุ เด็กชายปริศนาที่เสนอแนวคิดสร้างประเทศใหม่ซึ่งใครก็ได้สามารถเป็นสมาชิก และใช้ที่ๆ ตนอยู่เป็นเขตแดนเพื่อสร้างโลกที่ปราศจากสงครามให้เกิดขึ้น โดยการทำให้โลกนี้กลายเป็นประเทศใหญ่เพียงประเทศเดียวจากส่วนเล็กๆ ของตน

 

โลกในอุดมคติล้ำยุคราวกับเรื่องไซไฟในการ์ตูนนั้นได้เกิดขึ้นแล้วจากการริเริ่มของประเทศเอสโตเนีย ในโครงการที่เรียกว่า e-Residency หรือผู้พำนักในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่เปิดโอกาสให้คนแทบทุกคนบนโลก ไม่ว่าเชื้อชาติศาสนา มีถิ่นพำนักอยู่แห่งใด หรือแม้กระทั่งคนไร้สัญชาติหรือผู้อพยพลี้ภัย ก็สามารถสมัครเป็นพลเมืองดิจิทัลของเอสโตเนียได้

แนวคิดพลเมืองดิจิทัลของเอสโตเนียเริ่มขึ้นในปี 2007 ได้มีการเสนอแนวคิดที่จะมอบบัตรประจำตัวให้กับผู้ที่ไม่ได้พำนักอยู่ในประเทศเอสโตเนีย เพื่อสร้างประชากรดิจิทัลที่จะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจและเศรษฐกิจในภาพรวม ก่อนที่จะตกผลึกเป็นข้อเสนอต่อรัฐสภาโดยตรงในปี 2014 นำโดย ทาวี ค็อตกา (Taavi Kotka) ซึ่งขณะนั้นเป็นรองผู้อำนวยการระบบสื่อสารสารสนเทศของรัฐ กระทรวงกิจการเศรษฐกิจและสื่อสาร ในชื่อโครงการ “ผู้พำนัก 10 ล้านคนในปี 2025” และจัดประกวดสร้างโปรแกรมที่จะทำให้ระบบนี้เป็นความจริงขึ้นมาในปีเดียวกัน ซึ่งรัฐวิสาหกิจ เอ็นเตอร์ไพรส์ เอสโตเนีย (Enterprise Estonia) ชนะการแข่งขันนี้และสร้างระบบเพื่อเปิดรับพลเมืองดิจิทัลขึ้น

ในวันที่ 1 ธันวาคม 2014 รัฐบาลเอสโตเนีย ได้เปิดตัวโครงการ Estonia e-Residency อย่างเป็นทางการในเว็บไซต์ของ e-Estonia ซึ่งเป็นบริการเว็บไซต์ครบวงจรของรัฐบาล และเปิดรับสมัครพลเมืองดิจิทัลทางออนไลน์ ซึ่งจะให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ e-Resident เปรียบเหมือนเป็นผู้พำนักจริงในประเทศเอสโตเนีย ได้แก่

 

  • สามารถทำสัญญาในระบบดิจิทัลโดยถือว่าอยู่ในเอสโตเนีย
  • สามารถลงลายมือชื่อในเอกสาร รับรองเอกสาร และสัญญาแบบดิจิทัล
  • ได้รับความคุ้มครองในสัญญาที่ทำตามกฎหมายยุโรป ซึ่งเอสโตเนียอยู่ในยูโรโซน
  • สามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัททางออนไลน์ โดยถือว่าบริษัทนั้นจดทะเบียนในเอสโตเนีย
  • สามารถบริหารบริษัทได้จากทุกมุมโลก
  • สามารถยื่นภาษีเงินได้ของบริษัทครบจบในขั้นตอนเดียวทางเว็บ
  • ดำเนินการด้านการเงินผ่าน e-Banking ไม่ว่าจะรับจ่ายหรือโอน
  • สามารถติดต่อหน่วยงานอื่นของรัฐบาลเอสโตเนียผ่านเว็บพอร์ทัลของรัฐการเอสโตเนียได้ทันที
  • มีอีเมล์แบบเข้ารหัสพิเศษเฉพาะบุคคล @eesti.ee เพื่อใช้ในการติดต่อ
  • มีระบบเข้ารหัสและถอดรหัสเอกสารเฉพาะที่มีความปลอดภัยสูงบริการ

 

โดยบริการทั้งหมดของรัฐการเอสโตเนีย จะสามารถเข้าถึงได้ผ่านบัตร e-Resident ที่เป็น Smart ID รูปแบบเดียวกันกับบัตรประชาชนของชาวเอสโตเนีย ที่รองรับการลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital signature) และการรับรองดิจิทัล (Digital Authentication) เพื่อยืนยันตัวตนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเอสโตเนียและกฎหมายสหภาพยุโรปทุกประการ โดยระบบบัตรนี้ใช้สถาปัตยกรรมเข้ารหัสแบบ 2048 บิท และไมโครชิปกับใบอนุญาตความปลอดภัย (Security Certificate) แบบสองชั้น คือ PIN1 ขนาด 4 หลักสำหรับการยืนยันตัวตน และ PIN2 ขนาด 5 หลักสำหรับการลงลายมือชื่อดิจิทัล

แม้ว่าการเป็น e-Resident ของเอสโตเนีย จะไม่เกี่ยวข้องและไม่ทำให้ได้สถานะพลเมืองในโลกความเป็นจริง รวมถึงไม่ทำให้ได้สิทธิพิเศษทางภาษี สิทธิพำนัก หรือสิทธิการเข้าเมือง การขอวีซ่าของเอสโตเนียและสหภาพยุโรปเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่ชวนดึงดูดใจในการเข้าร่วมเป็น e-resident ของเอสโตเนีย ได้แก่

 

1.ระบบยืนยันตัวตนที่มีความปลอดภัยสูงในโลกออนไลน์

e-Resident ของเอสโตเนีย จะได้รับบัตรประจำตัวแบบ Smart ID ที่มาพร้อมกับเครื่องอ่านที่สามารถเสียบเข้ากับพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์ทุกแบบและระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น Windows, Mac หรือ Linux เพื่อล็อกอินเข้าสู่ระบบ e-Estonia ที่มีความปลอดภัยระดับ NATO ในการจัดการอีเมล, ธนาคารอินเทอร์เน็ต, การทำสัญญา, การเข้ารหัสและลงลายมือชื่อดิจิทัลในเอกสาร ซึ่งระบบดังกล่าวมีการอัปเดตอยู่เป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ

 

2.การได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายสหภาพยุโรป

สัญญาที่กระทำผ่านระบบการเข้ารหัสและลงลายมือชื่อดิจิทัลของ e-Resident จะได้รับการคุ้มครองตามสถานที่ที่ทำสัญญา ตามหลักกฎหมายขัดกัน (Conflict of Law) ของกฎหมายระหว่างประเทศ โดยสามารถเลือกบังคับใช้กฎหมายของเอสโตเนีย ซึ่งปริวรรตตามกฎหมายการค้าของสหภาพยุโรปได้

 

3.การตั้งบริษัทและทำธุรกิจอย่างง่ายดาย

ผู้สนใจดำเนินธุรกิจออนไลน์ โดยเฉพาะสตาร์ทอัป หากใช้ระบบ e-Resident จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในเอสโตเนีย สามารถดำเนินการได้จนเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง โดยใช้การยืนยันตัวตนผ่าน Smart ID และใช้บริการจัดหาสถานที่ตั้ง

บริษัทเสมือนโดย e-Service Provider ที่จะส่งต่อเอกสารทั้งในรูปแบบดิจิทัลและกระดาษมาถึงผู้ก่อตั้งได้ และขั้นตอนทั้งหมดนั้นใช้เงินเพียงไม่ถึง 190 ยูโร นอกจากนี้ การยื่นบัญชีบริษัท และภาษี ก็สามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนไหนในโลก หรือแม้กระทั่งอยู่นอกโลกก็ตาม (มีนักบินอวกาศ NASA เป็น e-Resident หลายคน)

 

4.ระบบภาษีเข้าใจง่ายและอัตราต่ำ

ภาษีเงินได้ของเอสโตเนียเป็นระบบ Flat rate เท่ากันหมดที่ 20% ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ซึ่งสามารถหักลดหย่อนได้ตามเงื่อนไขต่างๆ ของแต่ละบุคคล และไม่มีภาษีส่วนต่างจากการขายหุ้น หรือ Capital Gain Tax ถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในสหภาพยุโรป ซึ่งภาษี 20% ในส่วนของนิติบุคคลจะคิดก็ต่อเมื่อเกิดการแบ่งส่วนผลกำไร รวมถึงค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจเท่านั้น และสามารถยื่นภาษีผ่านออนไลน์โดยแทบไม่ต้องกรอกข้อมูลใด เพราะระบบทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูลของรัฐแล้ว

คาสปาร์ กอร์จัส (Kaspar Korjus) หัวหน้าทีมและผู้อำนวยการโครงการ e-Residency คนปัจจุบัน ได้สร้างสรรค์ระบบ e-Residency ด้วยวัยเพียง 25 ปี และพัฒนาระบบอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะด้วยการร่วมมือกับชุมชนแฮ็กเกอร์โลก ในการจัดงาน Hack-a-thon แข่งขันเจาะระบบ e-Residency เพื่อปรับปรุงและอุดช่องโหว่เป็นประจำทุกปี และการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาบริการ เช่น การเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ ซึ่งเดิมกฎหมายเอสโตเนียระบุว่าต้องไปพบกับเจ้าหน้าที่ธนาคารและลงลายมือชื่อต่อหน้า ปัจจุบันในเดือนมิถุนายน 2017 รัฐสภาเอสโตเนียได้ลงมติแก้กฎหมายนี้ ทำให้ธนาคาร Holvi ของสวีเดน ซึ่งสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัป เปิดให้สมัครเปิดบัญชีออนไลน์ได้โดยไม่ต้องไปสาขาธนาคารด้วยตัวเอง

หากกังวลเรื่องความโปร่งใสของการขอข้อมูลจากภาครัฐ กฎหมายของเอสโตเนียระบุว่า การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของภาครัฐ ต้องแจ้งวัตถุประสงค์และบันทึกชื่อหน่วยงานและผู้ขอใช้งานทุกครั้ง โดยผู้ถูกขอข้อมูลจะได้รับการแจ้งและให้คำอนุญาต โดยทั้งหมดจะเปิดเผยอย่างโปร่งใสในเว็บไซต์ของรัฐบาล

 

ผู้สนใจสมัครเข้าเป็น e-Resident ของประเทศเอสโตเนียสามารถเข้าสมัครหรือหาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่  ก่อนจะเข้าร่วมเป็นพลเมืองคนหนึ่งใน “สาธารณรัฐคนกันเอง” ที่ยังก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ติดตามเรื่องราวของเอสโตเนียได้ที่นี่

พยัคฆ์ทะยาน โครงการก้าวกระโดดแบบเอสโตเนีย จิตวิญญาณสตาร์ทอัพระดับประเทศ

e-Resident อนาคตอยู่ที่นี่แล้ว แค่เรายังไปไม่ถึงเท่านั้นเอง

MOST READ

Spotlights

14 Aug 2018

เปิดตา ‘ตีหม้อ’ – สำรวจตลาดโสเภณีคลองหลอด

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย พาไปสำรวจ ‘คลองหลอด’ แหล่งค้าประเวณีใจกลางย่านเมืองเก่า เปิดปูมหลังชีวิตหญิงค้าบริการ พร้อมตีแผ่แง่มุมเทาๆ ของอาชีพนี้ที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาเนิ่นนาน

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Aug 2018

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save