fbpx
บอกลาเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

บอกลาเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

หากใครมีโอกาสแวะไปตามอุทยานต่างๆ จะพบว่า มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าลดน้อยลงผิดสังเกต

จุดตรวจ จุดเฝ้าระวัง หรือหน่วยพิทักษ์ป่าในพื้นที่หลายแห่ง ก็ปราศจากเจ้าหน้าที่คอยดูแล

เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างชั่วคราวของกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถือเป็นกำลังสำคัญทำหน้าที่เฝ้าป่า ปกป้องผืนป่าแทนคนทั้งประเทศ

คนเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่ในป่าเดือนละ 15-20 วัน เพื่อดูแลปกป้องทรัพยากรธรรมชาติด้วยวิธีการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART Patrol) ที่ต้องใช้บุคลากรในการเดินลาดตระเวนป้องปรามผู้กระทำผิดจากการตัดไม้หรือลักลอบล่าสัตว์ป่า พร้อมเก็บข้อมูลเชิงนิเวศ เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ การขาดบุคลากรเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ผืนป่า และสัตว์ป่าของประเทศ

หลายปีที่ผ่านมาในอุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหลายแห่ง มีจำนวนประชากรสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นมาก อันเป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของพนักงานพิทักษ์ป่า อาทิ จากการสำรวจวิจัยเสือโคร่งในประเทศไทย พบเสือโคร่งในป่าธรรมชาติ 130–160 ตัว

และหากประเมินเฉพาะในพื้นที่กลุ่มป่าตะวันตกเป็นป่าอนุรักษ์ที่มีความต่อเนื่องขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ พื้นที่รวม 11.7 ล้านไร่ หรือ 18,727 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 6 แห่ง และอุทยานแห่งชาติ 11 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัดคือ ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี พบว่าในระยะเวลา 10 ปี ประชากรเสือโคร่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 42 ตัว เป็น 79 ตัว ถือว่าเป็นแหล่งสำคัญของโลกที่มีการอนุรักษ์ถิ่นที่อยู่ในธรรมชาติ ประเทศไทยจึงได้รับคำชื่นชมจากหน่วยงานต่างประเทศ ในฐานะที่ประสบความสำเร็จในการอนุรักษ์เสือโคร่ง ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้วในหลายประเทศ

แต่พอเริ่มต้นปีใหม่ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจำนวนมากกำลังถูกปลดหรือถูกลดเงินเดือนลงจำนวนมาก

นายดำรัส โพธิ์ประสิทธิ์ ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า

“ภาพรวมปีงบประมาณ 2565 กรมอุทยานฯ ถูกปรับลดงบภาพรวมลงไปเฉลี่ย 900 ล้านบาท ซึ่งในช่วงย้อนหลัง 5 ปีมีการปรับลดงบลงมาต่อเนื่อง และมีการปรับลดงบมาต่อเนื่อง ปรับลดมาทุกปี แต่หนักสุดคือปี 2565 …จากปัญหาดังกล่าว กรมอุทยานฯ ให้นโยบายแต่ละอุทยานฯ ไปพิจารณา 2 ทางเลือกคือปรับคนออก และปรับลดเงินเดือนลง ซึ่งจากการไปตรวจเยี่ยมยอมรับว่าสะเทือนใจพอสมควร”

ในปี 2565 อัตราจ้างเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจากเดิม 5,163 ลดลงเหลือ 3,432 คน หายไป 1,731 คน คิดเป็นร้อยละ 33 ด้วยเหตุผลสำคัญคือไม่มีเงินจ้าง

ส่วนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ทางกรมอุทยานฯ จ้างต่อ ก็ถูกปรับลดเงินเดือนจากเฉลี่ยเดือนละ 9,000 บาท เหลือเพียงเดือนละ 7,500 บาท ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบถึงครอบครัวพวกเขาแล้ว ยังส่งผลต่อขวัญและกำลังใจในการทำงานที่หนักและเสี่ยงอันตราย

สมชาย ขันธารักษ์ เจ้าหน้าที่พิทักษ์แห่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเล่าว่า

“มีกำหนดว่า 1 ชุดลาดตระเวนต้องมีอย่างน้อย 5 คน เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องออกลาดตระเวนทุกรอบ เฉลี่ยเดือนนึงก็ 15-20 วัน เมื่อก่อนยังได้สลับกันพัก สลับกันเฝ้าหน่วย ไม่ได้ออกเดินทุกรอบอย่างนี้ พอคนขาด ก็อาศัยไปยืมคนหน่วยอื่นมา พอถึงเวลาเราก็ต้องไปเดินช่วยคืนตามที่ยืมมาด้วย เหนื่อยเหมือนกัน แต่เราก็ต้องยึดเอางานลาดตระเวนเป็นหลัก อย่างงานอื่น เช่น ซ่อมทาง หรืออะไร ก็ต้องปล่อยไปก่อน”

ด้าน ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติยอมรับว่า หลังจากมีการปรับลดกำลังคนไปแล้ว ก็เป็นห่วงพื้นที่การลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ป่ามากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเตรียมติดตามว่าจะส่งผลกับคดีป่าไม้ คดีสัตว์ป่ามากขึ้นหรือไม่ แต่ก็ได้กำชับให้สแกนพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติในภาคเหนือ ภาคอีสาน และโซนป่าตะวันตก

น่าสนใจว่างบของหน่วยงาน กรม กอง ที่เกี่ยวข้องการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี

ในภาพรวม งบประมาณแผ่นดินด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2565 ถูกหั่นลงจาก 16,143 ล้านบาทในปี 2564 เหลือ 8,534 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 47% ซึ่งนับว่าต่ำสุดในรอบ 5 ปี

ดูเหมือนว่างบประมาณด้านการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้คนและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเรื่องน้ำเน่า หมอกควันพิษ อากาศเสีย การล่าสัตว์ ตัดไม้ทำลายป่า และการแก้ไขปัญหาโลกร้อน จะถูกตัดออกมากที่สุด ขณะที่งบประมาณทหารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับแต่การรัฐประหารในปี 2557

รัฐบาลมีเงินจับจ่ายใช้สอยซื้ออาวุธสงครามเป็นว่าเล่นหลายหมื่นล้านบาท ขณะที่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ทำงานหนักปกป้องป่าแทนพวกเราทุกวัน กลับถูกให้ออกจากงาน หรือไม่ก็รับเงินเดือนต่ำกว่าค่าแรงรายวันเกือบเท่าตัว

นี่ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่ว่า

“ผมขอย้ำว่าเราทุกคนไม่มี ‘แผนสอง’ ในเรื่องของการรักษาเยียวยาสภาพภูมิอากาศ เพราะเราจะไม่มี ‘โลกที่สอง’ ซึ่งเป็นบ้านของพวกเราเหมือนโลกนี้อีกแล้ว”

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์นี้ไว้กลางที่ประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2564  เป็นการยืนยันว่าประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือปัญหาโลกร้อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการตัดไม้ทำลายป่า

คำพูดอันสวยหรูกับการกระทำ มักสวนทางกันเสมอ

MOST READ

Social Issues

27 Aug 2018

เส้นทางที่เลือกไม่ได้ ของ ‘ผู้ชายขายตัว’

วรุตม์ พงศ์พิพัฒน์ พาไปสำรวจโลกของ ‘ผู้ชายขายบริการ’ ในย่านสีลมและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดปูมหลังชีวิตของพนักงานบริการในร้านนวด ร้านคาราโอเกะ ไปจนถึงบาร์อะโกโก้ พร้อมตีแผ่แง่มุมลับๆ ที่ยากจะเข้าถึง

กองบรรณาธิการ

27 Aug 2018

Social Issues

21 Nov 2018

เมื่อโรคซึมเศร้าทำให้อยากจากไป

เรื่องราวการรับมือกับความคิด ‘อยากตาย’ ผ่านประสบการณ์ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า คนเคียงข้าง และบทความจากจิตแพทย์

ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์

21 Nov 2018

Social Issues

22 Oct 2018

มิตรภาพยืนยาว แค้นคิดสั้น

จากชาวแก๊งค์สู่คู่อาฆาต ก่อนความแค้นมลายหายกลายเป็นมิตรภาพ คนหนุ่มเลือดร้อนผ่านอดีตระทมมาแบบไหน ‘บ้านกาญจนาฯ’ เปลี่ยนประตูที่เข้าใกล้ความตายให้เป็นประตูสู่ชีวิตที่ดีกว่าได้อย่างไร

ธิติ มีแต้ม

22 Oct 2018

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save