ศาลและระบอบเผด็จการ

ศาลและระบอบเผด็จการ

สมชาย ปรีชาศิลปกุล เรื่อง

 

ศาลทำหน้าที่อย่างไร เมื่อระบอบอำนาจนิยมหรือ “เผด็จการ” ขึ้นมามีอำนาจทางการเมือง ?

โดยทั่วไป คำอธิบายเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของสถาบันตุลาการมักจะเป็นการพิจารณาผ่านกรอบแนวคิดการแบ่งแยกอำนาจ ซึ่งให้คำอธิบายเกี่ยวกับการจัดโครงสร้างของอำนาจรัฐที่แบ่งเป็น 3 ฝ่าย อันประกอบด้วยฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ โดยฝ่ายตุลาการจะทำหน้าที่ชี้ขาดข้อพิพาท โดยมีตัวบทกฎหมายที่ฝ่ายนิติบัญญัติเขียนขึ้นเป็นเครื่องมือในการตัดสิน

เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะมีการกำหนดโครงสร้างและขอบเขตอำนาจของฝ่ายตุลาการที่พึงเป็น อาทิ ความเป็นอิสระในการวินิจฉัย การประพฤติปฏิบัติตน การเลื่อนขั้นลงโทษ การตรวจสอบทบทวนคำวินิจฉัย เป็นต้น

อาจมีความแตกต่างในการจัดวางสถาบันตุลาการในระบบการเมืองของแต่ละประเทศ ดังในระบบประธานาธิบดีและระบบรัฐสภามีการออกแบบสถาบันตุลาการที่แตกต่างกัน หรือการออกแบบระบบศาลเป็นระบบศาลเดี่ยวกับระบบศาลคู่ แม้อาจมีระบบการเมืองคล้ายกัน

การพิจารณาสถานะของศาลทั้ง 2 รูปแบบเป็นสภาวะที่ดูเหมือนจะมีความมั่นคง ไม่แกว่งไกวไปตามสถานการณ์การเมืองหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงจากการเลือกตั้ง จึงดูราวกับว่าสถาบันตุลาการเป็นองค์กรที่สามารถดำรงเป็น “หลัก” โดยไม่ได้ผันแปรไปตามจังหวะของการเมือง

การให้คำอธิบายในลักษณะดังกล่าวเป็นการพิจารณาถึงความหมายและบทบาทของศาลในเชิง Normative Approach (อาจแปลได้ว่า “แนวพินิจเชิงบรรทัดฐาน”) อันมีความหมายถึงคำอธิบายที่เชื่อว่ามีโครงสร้าง ระบบ หรือมาตรฐานบางประการที่ควรจะเป็น หากการออกแบบสถาบันตุลาการในสังคมใดยังไม่สามารถบรรลุถึงบรรทัดฐานดังกล่าวก็ควรจะต้องมีการปรับแก้เพื่อให้บรรลุถึงหลักการนั้น

“สถาบันตุลาการมีความเป็นอิสระโดยไม่สัมพันธ์ใดๆ กับคณะรัฐประหารจริงหรือ”

อย่างไรก็ตาม มีความผันแปรทางการเมืองในโลกแห่งความเป็นจริงที่ส่งผลกระทบต่อศาลอย่างสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มประเทศประชาธิปไตยใหม่ (new democracies) ในประเทศเหล่านี้ ระบบการเมืองมักมีความผันผวนกลับไปกลับมาระหว่างระบอบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลมีที่มาจากเสียงของประชาชน กับการรัฐประหาร ซึ่งรัฐบาลมาจากการยึดอำนาจด้วยกำลัง

แม้พิจารณาในภาพกว้างจะพบว่าผู้ปกครองที่มาจากการยึดอำนาจด้วยการใช้กำลังอาจไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงสถาบันตุลาการในเชิงโครงสร้าง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือดูเหมือนว่าคณะรัฐประหารไม่ได้แทรกแซงการทำหน้าที่ของตุลาการ

แต่จริงแล้ว สถาบันตุลาการมีความเป็นอิสระโดยไม่สัมพันธ์ใดๆ กับคณะรัฐประหารจริงหรือ

งานศึกษาสำคัญชิ้นหนึ่งที่ชี้ให้เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างคณะรัฐประหารกับสถาบันตุลาการคือ Rule by Law: The Politics of Courts in Authoritarian Regimes หนังสือรวบรวมบทความทางวิชาการที่ศึกษาบทบาทและความเกี่ยวข้องของสถาบันตุลาการกับคณะรัฐประหารในหลายประเทศ ตีพิมพ์เผยแพร่ใน ค.ศ. 2008 โดยมี Tom Ginsburg และ Tamir Moustafa เป็นบรรณาธิการ

“สถาบันตุลาการไม่ใช่ Moral Being หากเป็น Political Being ในแบบหนึ่ง”

ในบทนำของหนังสือ (หน้า 1-22) ทั้งสองได้ชี้ให้เห็นถึงบทบาทของสถาบันตุลาการภายใต้ระบอบอำนาจนิยมในหลายประเด็นสำคัญ ดังนี้

ประการแรก การควบคุมสังคม (Social Control) บทบาทนี้ถือเป็นบทบาทสำคัญของตุลาการภายใต้ระบอบอำนาจนิยม การควบคุมสังคมอาจกระทำด้วยการใช้กฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นๆ รวมถึงการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น กองกำลังทหาร ตำรวจลับ หรือแม้กระทั่งการจัดตั้งศาลพิเศษขึ้นมาสำหรับพิจารณาคดีบางประเภท โดยมีเป้าหมายเพื่อการรักษาอำนาจของคณะรัฐประหารและกำจัดฝ่ายตรงกันข้ามในทางการเมือง

ประการที่สอง การสร้างความชอบธรรม (Legitimation) ความชอบธรรมของคณะรัฐประหารเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการธำรงรักษาอำนาจของตน สถาบันตุลาการเป็นองค์กรที่มีบทบาทในการสร้างความชอบธรรมดังกล่าว หากศาลปฏิเสธที่ให้การรับรองความชอบธรรม การใช้อำนาจของคณะรัฐประหารก็จะสร้างความยุ่งยากให้เกิดขึ้น แต่ในหลายประเทศ ผู้ปกครองจากการรัฐประหารได้เปิดให้ศาลสามารถทำงานต่อไปได้ เพราะศาลมีบรรทัดฐานที่จะไม่โต้แย้งต่อความชอบธรรมของการรัฐประหารที่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด

ประการที่สาม การควบคุมหน่วยงานปกครองและดำรงความร่วมมือระหว่างชนชั้นนำ (Controlling Administrative Agents and Maintaining Elite Cohesion) เนื่องจากหน่วยงานของรัฐอาจมีความอิสระในการปฏิบัติงานของตนในระดับหนึ่ง อันทำให้ผู้นำของระบอบอำนาจนิยมต้องพยายามควบคุมให้หน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ไปในทิศทางเดียวกัน ศาลก็จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างแนวทางปฏิบัติที่ดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน

ประการที่สี่ การสร้างความน่าเชื่อถือในพื้นที่ทางเศรษฐกิจ (Credible Commitments in the Economic Sphere) ผู้ปกครองของระบอบอำนาจนิยมภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดก็ต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจ ผู้ปกครองต้องให้การรับรองต่อการปกป้องหลักการพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจดังเช่นการปกป้องกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล ในกรณีนี้ ผู้ประกอบการทางเศรษฐกิจจะมีสิทธิในการฟ้องคดีหากมีการละเมิดต่อหลักการทางเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม

ไม่เพียงการชี้ให้เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างสถาบันตุลาการกับระบอบอำนาจนิยม งานชิ้นนี้ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามในการควบคุมศาลโดยระบอบอำนาจนิยมว่าสามารถเกิดขึ้นได้ แต่อาจไม่ใช่การเข้าแทรกแซงโดยตรง เช่น การจัดตั้งศาลพิเศษและโอนคดีที่เป็นประเด็นปัญหามาสู่ศาลพิเศษแทนการปล่อยให้ศาลปกติทำหน้าที่ การออกกฎเกณฑ์จำกัดการฟ้องคดีสู่ศาลให้มีความยากลำบากมากขึ้น เป็นต้น งานชิ้นดังกล่าวนี้จึงช่วยเปิดให้เห็นถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างสถาบันทั้งสองในโลกแห่งความเป็นจริงที่ชัดเจน

“บทบาทของสถาบันตุลาการภายใต้ระบอบเผด็จการสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในด้านที่เป็น ‘ตุลาการภิวัตน์’ หรือเป็น ‘ตุลาการวิบัติ’ “

งานเรื่อง Rule by Law: The Politics of Courts in Authoritarian Regimes เป็นประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจบทบาทของฝ่ายตุลาการในเชิงสถาบันได้อย่างไรบ้าง ผู้เขียนคิดว่ามี 3 แง่มุมสำคัญคือ

แง่มุมแรก บทบาทของตุลาการมีความสัมพันธ์กับ “การเมือง” อย่างสำคัญ สถาบันตุลาการไม่ได้หลุดลอยไปจากบริบทของสังคมการเมือง ผู้พิพากษาก็บุคคลที่มีจุดยืน ผลประโยชน์ ความเชื่อ ความเข้าใจ ความคาดหวัง เฉกเช่นเดียวกันกับสามัญชนทั่วไป โดยเฉพาะกรอบความเชื่อที่ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นภายในสถาบันของตนเอง

กล่าวโดยสรุป สถาบันตุลาการไม่ใช่ Moral Being หากเป็น Political Being ในแบบหนึ่ง

แง่มุมที่สอง บทบาทของสถาบันภายใต้ระบอบเผด็จการหรือระบอบอำนาจนิยมสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในด้านที่เป็น “ตุลาการภิวัตน์” (เชิงบวก) หรือเป็น “ตุลาการวิบัติ” (เชิงลบ) ผลลัพธ์ดังกล่าวสัมพันธ์กับเงื่อนไขภายในอันหลากหลาย

การกล่าวอ้างถึงบทบาทของสถาบันตุลาการในต่างประเทศในเชิงบวกเพื่อมาเป็นตัวแบบของสังคมไทยโดยปราศจากการพิจารณาถึงบริบท จึงอาจนับเป็นความตื้นเขินทางวิชาการอย่างยิ่ง ราวกับว่าสามารถนำเอาปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศมาจัดวางลงในสังคมอื่นได้อย่างง่ายดาย

แง่มุมที่สาม เฉพาะในบริบทของวงวิชาการในสังคมไทย ก่อนวิกฤตการเมืองในทศวรรษ 2540 “ตุลาการศึกษา” เป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยได้รับความใส่ใจจากนักวิชาการไทยมากนัก ในแวดวงทางด้านนิติศาสตร์ การทำความเข้าใจต่อสถาบันตุลาการมักเป็นไปในแนวพินิจเชิงบรรทัดฐาน ซึ่งเป็นการทาบวัดด้วยบรรทัดฐานที่ปรากฏขึ้นในหลายประเทศหรือตามกรอบคำอธิบายของ “ฝรั่ง” การศึกษาในลักษณะนี้แม้อาจช่วยทำให้เกิดความเข้าใจต่อโครงสร้างของสถาบันตุลาการในโลกตะวันตก แต่ก็มีจุดอ่อนที่ไม่สามารถทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์ของสังคมไทยได้

ขณะที่ทางด้านรัฐศาสตร์ก็แทบไม่ปรากฏการศึกษาสถาบันตุลาการอย่างจริงจังเมื่อเปรียบเทียบกับสถาบันการเมืองประเภทอื่นที่ได้รับความสนใจมากกว่า เช่น พรรคการเมือง ประชาสังคม ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ทหาร เป็นต้น

แต่ภายหลังจากวิกฤตการเมืองในทศวรรษ 2540 เป็นต้นมา ก็มีความสนใจศึกษาและให้คำอธิบายต่อสถาบันตุลาการเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากการศึกษาในแง่มุมทางด้านนิติศาสตร์และทางด้านรัฐศาสตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของการศึกษาเปรียบเทียบ

แม้จะมีความสนใจที่เพิ่มมากขึ้น แต่หากพิจารณาในภาพรวมแล้วสามารถกล่าวได้ว่า “ตุลาการศึกษา” ในแวดวงวิชาการของสังคมไทยยังเป็นพื้นที่ที่เป็นดินแดนลี้ลับ มีเงาสลัว น่าเกรงขาม ซึ่งยังต้องการการศึกษาทำความเข้าใจอยู่อีกหลากหลายแง่มุมในฐานะที่เป็น Political Being ประเภทหนึ่งที่มีบทบาทอย่างสำคัญต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคมการเมืองไทยในห้วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

MOST READ

Politics

16 Dec 2021

สิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับและถูกควบคุมตัว (ตอนที่ 1) : เหตุใดจึงต้องพบศาล และต้องพบศาลเมื่อใด

ปกป้อง ศรีสนิท อธิบายถึงวิธีคิดของสิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับกุมและควบคุมตัว และบทบาทของศาลในการพิทักษ์เสรีภาพปัจเจกชน

ปกป้อง ศรีสนิท

16 Dec 2021

Politics

25 Jan 2024

ผู้พิพากษาอาวุโสมีไว้มากมาย… ทำไม

‘ใบตองแห้ง’ ชวนสำรวจเงินเดือนของเหล่าผู้พิพากษาอาวุโส ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี และชวนตั้งคำถามว่า บทบาทหน้าที่ของผู้พิพากษาอาวุโสเหล่านี้คืออะไร สร้างประโยชน์ใดให้แก่กระบวนการยุติธรรมไทยบ้าง

อธึกกิต แสวงสุข

25 Jan 2024

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save