ผ่านไปเกือบ 3 ปีเต็มกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางด้านพรมแดนระหว่างจีนและอินเดีย อันส่งผลให้ทหารของทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุการณ์นี้จุดชนวนให้เกิดความตึงเครียดทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในอินเดียที่มีการเคลื่อนไหวบอยคอตสินค้าจากจีน
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าทั้งจีนและอินเดียเป็นสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในโลก ทั้งสองประเทศมีประชากรรวมกันกว่า 2.8 พันล้านคน และ GDP รวมมากกว่า 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่สำคัญทั้งสองประเทศยังเป็นเพื่อนบ้านที่มีประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ร่วมกันมาอย่างยาวนาน ยังไม่นับรวมว่าปริมาณการค้าระหว่างสองประเทศที่นับวันจะทวีคูณเพิ่มมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันจีนได้กลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอินเดีย แซงหน้าสหรัฐอเมริกาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อพิจารณาในสายสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนและอินเดีย มิติหนึ่งที่ยังคงได้รับความสนใจน้อยมากคือ บทบาทของการลงทุนของจีนในธุรกิจสตาร์ตอัปอินเดีย ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา บริษัทและนักลงทุนรายใหญ่จำนวนมากของจีนได้ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่อุตสาหกรรมสตาร์ตอัปอินเดีย โดยการลงทุนดังกล่าวกระจายไปในหลากหลายภาคส่วน ทั้งการค้าออนไลน์ เทคโนโลยีทางด้านการเงิน การศึกษาออนไลน์ การจัดส่งสินค้าและอาหาร ตลอดจนเกมและการสันทนาการ เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานด้านเศรษฐกิจระบุว่านักลงทุนจีนมีเงินทุนในสตาร์ตอัปยูนิคอร์น (บริษัทสตาร์ตอัปที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันดอลลาร์สหรัฐ) ของอินเดียมากถึง 18 แห่งจากทั้งหมด 30 แห่ง
ลงทุนตลาดอินเดีย – ทุนจีนโต
หลายคนคงเกิดคำถามว่า ในสภาพที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอินเดียตึงเครียดและขัดแย้งจากทั้งการแข่งขันทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซ้ำยังมีข้อพิพาททางพรมแดน เหตุใดจีนจึงตัดสินใจนำเงินลงทุนจำนวนมหาศาลมาทิ้งในมือของประเทศที่จะสร้างผลกระทบต่อจีนเองอย่างอินเดีย หากในอนาคตอินเดียเลือกดำเนินนโยบายเอนเอียงไปหาสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร
แน่นอนว่ามีหลากหลายสาเหตุประกอบกันที่ทำให้จีนเลือกตัดสินใจลงทุนในสตาร์ตอัปของอินเดีย
ประการแรก นั่นอาจเป็นเพราะพื้นฐานแนวนโยบายของจีนให้ความสำคัญกับการแยกเศรษฐกิจและการเมืองออกจากกัน ซึ่งจีนใช้แนวทางนี้ในการดำเนินนโยบายกับอินเดียมาตั้งแต่ช่วงรื้อฟื้นความสัมพันธ์ในยุคเติ้ง-ราจีพ ที่ทั้งสองฝ่ายเลือกวางปัญหาการเมืองและปัญหาพรมแดนไว้เบื้องหลัง โดยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหาทางแก้ไขกันไปตามระบบที่ควรเป็น ในขณะเดียวกัน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจก็ต้องเริ่มและสานต่อเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ปรัชญาการต่างประเทศดั้งเดิมของจีนนี้เองที่อาจมีส่วนสำคัญให้รัฐบาลจีนมิได้ขัดขวางภาคเอกชนให้เข้าไปลงทุนในอินเดีย
ประการที่สอง เราต้องยอมรับว่าอินเดียมีตลาดขนาดใหญ่และมีศักยภาพเพียงพอที่จีนจะต้องให้ความสนใจ ไม่ต่างไปจากประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ที่เริ่มปล่อยให้เงินในประเทศไหลออกไปลงทุนในประเทศกำลังพัฒนาที่มีโอกาสเติบโตสูง ปัจจัยนี้มอบโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับการเติบโตและการขยายธุรกิจสำหรับบริษัทจีนที่เผชิญกับภาวะอิ่มตัวและการแข่งขันภายในประเทศ อินเดียมีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน โดยมากกว่าครึ่งมีอายุต่ำกว่า 25 ปี และมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 700 ล้านคน ทำให้เป็นตลาดออนไลน์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากจีนเท่านั้น นอกจากนี้ อินเดียยังมีชนชั้นกลางขนาดใหญ่ที่กำลังเติบโตด้วย
ประการต่อมา ระบบนิเวศการลงทุนของจีนและอินเดียมีความใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมให้นักลงทุนจีนตัดสินใจสนับสนุนสตาร์ตอัปอินเดีย ทั้งสองประเทศมีกลุ่มผู้ประกอบการ วิศวกร และนักประดิษฐ์รุ่นใหม่ที่มีความสามารถจำนวนมาก คนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพเหล่านี้อยู่ในช่วงต้องการปล่อยของเพื่อแก้ไขปัญหาภายในประเทศโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ที่สำคัญ ทั้งสองประเทศยังมีนโยบายและแรงจูงใจที่ดีสำหรับสตาร์ตอัป เช่น การลดหย่อนภาษี การอุดหนุน การบ่มเพาะ การเร่งรัด และการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนชาวจีนยังสามารถใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของตนจากการสร้างธุรกิจสตาร์ตอัปให้ประสบความสำเร็จ เพื่อให้คำปรึกษาและชี้แนะแนวทางแก่คู่ค้าในอินเดียได้อีกด้วย
ประการสุดท้าย อาจกล่าวได้ว่าจีนมองการลงทุนในสตาร์ตอัปของอินเดียไปไกลกว่ามิติทางเศรษฐกิจ กล่าวคือ จีนยังมองไปถึงมิติทางยุทธศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ในการลงทุนด้วย เพราะการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิทัลของอินเดียทำให้จีนสามารถเข้าถึงข้อมูลอันมีค่า เข้าถึงเทคโนโลยี และอิทธิพลเหนือผู้บริโภค ธุรกิจ และผู้กำหนดนโยบายของอินเดียได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น จีนจึงสามารถใช้การลงทุนของตนเพื่อสร้างข้อได้เปรียบในการปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการทูตกับอินเดีย และลดความตึงเครียดในประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงอื่นๆ ได้ด้วย
จะเห็นได้ว่าการตัดสินใจเข้าไปลงทุนในสตาร์ตอัปในอินเดียของจีนนั้นประกอบด้วยหลากหลายปัจจัย ทั้งในมุมมองทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอินเดียมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีน แน่นอนว่าการที่สัดส่วนการลงทุนของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอินเดีย
ทุนจีน: โอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการยกระดับคุณภาพชีวิตในอินเดีย
การลงทุนในสตาร์ตอัปอินเดียของจีนท่ามกลางความขัดแย้งตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายแทบเป็นไปไม่ได้เลย หากปราศจากการอำนวยความสะดวกของรัฐบาลอินเดีย นั่นหมายความฝ่ายอินเดียเองก็ยังคงเล็งเห็นผลประโยชน์สำคัญจากการขยายการลงทุนของจีนเข้ามาในอุตสาหกรรมสตาร์ตอัป มีเหตุผลหลากหลายประการที่ทำให้อินเดียมองว่าการให้จีนเข้ามาส่งเสริมอุตสาหกรรมสตาร์ตอัปคุ้มค่าเพียงพอ
ประการแรก สำหรับประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก การเปิดรับเงินลงทุนจากประเทศจีนคือโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง บริษัทสตาร์ตอัปในอินเดียหลายแห่งเผชิญกับความท้าทายในการระดมทุนจากแหล่งทุนภายในประเทศ เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การไม่ชอบความเสี่ยง อุปสรรคด้านกฎระเบียบ การขาดทางเลือกในการออกแบบกลยุทธ์ และความพร้อมในการร่วมทุนที่จำกัด ยังไม่นับว่าธุรกิจจำนวนมากในอินเดียมีลักษณะผูกขาดและมักได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากฝ่ายการเมือง ฉะนั้น นักลงทุนชาวจีนสามารถเติมเต็มช่องว่างนี้ได้ โดยเสนอเงินทุนจำนวนมากในราคาและเงื่อนไขที่น่าสนใจ นอกจากนี้ นักลงทุนจีนยังสามารถเปิดโอกาสให้สตาร์ตอัปของอินเดียเข้าถึงเทคโนโลยี ความสามารถพิเศษ เครือข่าย ตลาด และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่สามารถช่วยให้สตาร์ตอัปในอินเดียขยายขนาดและประสบความสำเร็จได้
ประการต่อมาคือ การลงทุนจากจีนมีส่วนอย่างสำคัญต่อการกระตุ้นให้ระบบนิเวศสตาร์ตอัปอินเดียขยายตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านการเรียนรู้จากเพื่อนร่วมงาชาวจีน และขยายกรอบความคิดสร้างสรรค์ในหมู่ผู้ประกอบการชาวอินเดีย ปัจจัยนี้ยังสามารถส่งเสริมวัฒนธรรมในการริเริ่มสร้างนวัตกรรมและการแบกรับความเสี่ยง ซึ่งสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ชาวอินเดียจำนวนมากในการไล่ตามความฝันในการเป็นผู้ประกอบการหรือสร้างสตาร์ตอัป
ประการสุดท้ายคือ การลงทุนของจีนส่งผลให้อินเดียได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มมากยิ่งขึ้นจากการขยายตัวของระบบนิเวศสตาร์ตอัป เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนจะช่วยให้ภาคบริการหลายส่วนเติบโตและมีมูลค่าเพิ่มยิ่งขึ้น เช่นภาคการศึกษา ภาคบริการด้านสุขภาพ ภาคการเกษตร ภาคการเงิน และภาคธุรกิจบันเทิง รวมทั้งเอื้อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลผ่านการถ่ายโอนเทคโนโลยีและ know-how จากจีน อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการจ้างงาน สร้างรายได้จากภาษี เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและชื่อเสียงระดับโลกของอินเดียด้วย
แม้อินเดียจะทราบดีถึงผลประโยชน์จากเปิดให้จีนเข้ามาลงทุนในสตาร์ตอัปภายในอินเดีย แต่ปฏิเสธไม่ได้ได้ว่าปัญหาความตึงเครียดระหว่างสองประเทศช่วงหลังปี 2020 เป็นต้นมา ส่งผลให้อินเดียตระหนักมากขึ้นถึงการพึงพาการลงทุนจากจีนที่มากเกินไป ส่งผลให้ทางเลือกในนโยบายต่างประเทศของตนเองน้อยลง
กระจายความเสี่ยง-ลดการพึ่งพาจีน-ส่งเสริมผู้ลงทุนที่หลากหลาย: กลยุทธ์ส่งเสริมสตาร์ตอัปอินเดีย
อินเดียทราบดีว่าเหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ฉะนั้นผลประโยชน์เหล่านี้ไม่ได้ปราศจากต้นทุนและความเสี่ยง การลงทุนของจีนในธุรกิจสตาร์ตอัปอินเดียยังก่อให้เกิดความท้าทายต่อความมั่นคงแห่งชาติ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล อำนาจอธิปไตยทางดิจิทัล และความเป็นอิสระเชิงกลยุทธ์ของอินเดีย
อิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนที่มีต่อเศรษฐกิจดิจิทัลอินเดียอาจทำให้จีนเข้าถึงข้อมูล เทคโนโลยี และอิทธิพลเหนือผู้บริโภค ธุรกิจ และผู้กำหนดนโยบายของอินเดียได้ ที่สำคัญจีนยังสามารถใช้การลงทุนเป็นเครื่องมือในการผลักดันผลประโยชน์และวาระทางการเมืองในภูมิภาคได้อีกด้วย นอกจากนี้ การลงทุนของจีนอาจสร้างการพึ่งพาและความเปราะบางสำหรับบริษัทสตาร์ตอัปในอินเดีย ซึ่งอาจส่งผลต่อศักยภาพด้านนวัตกรรมและความยืดหยุ่นในอนาคตได้
ดังนั้น อินเดียจึงเริ่มแสวงหาแนวทางที่สมดุลมาใช้ในการจัดการกับการลงทุนของจีนในบริษัทสตาร์ตอัปมากขึ้น ในด้านหนึ่ง อินเดียให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการลงทุนของจีนก็จริง แต่ในขณะเดียวกัน อินเดียก็เสริมสร้างกรอบและกลไกการกำกับดูแลสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูล เทคโนโลยี สื่อ และโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ อินเดียยังผลักดันนโยบายใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการกระจายแหล่งเงินทุนและเทคโนโลยีที่หลากหลายด้วยการมีส่วนร่วมกับผู้เล่นระดับโลกอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป และอิสราเอล นอกจากนี้ อินเดียยังเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพของตนเองโดยลงทุนเพิ่มเติมในการวิจัยและพัฒนา (R&D) ระบบนิเวศนวัตกรรม การพัฒนาทุนมนุษย์ และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
นโยบายการส่งเสริมสตาร์ตอัปในเวลานี้ของอินเดียจึงไม่ได้ปฏิเสธการลงทุนของจีน เพราะอินเดียทราบดีว่า ช่วงเวลานี้ เงินลงทุนของจีนสำคัญมากต่อสตาร์ตอัปจำนวนมากที่อยู่ในช่วงตั้งไข่ แต่ในขณะเดียวกันอินเดีย ก็เพิ่มกฎระเบียบเพื่อลดทอนอิทธิพลของนักลงทุนจีนที่มีเหนือสตาร์ตอัปของตนเอง ในขณะเดียวกันก็เร่งผลักดันให้นักลงทุนภายในประเทศเข้าไปมีบทบาทมากขึ้น พร้อมๆ กับสร้างแรงจูงใจจากนักลงทุนชาติอื่นให้เข้ามาลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงที่จีนจะครอบงำอุตสาหกรรมสตาร์ตอัปของอินเดีย