fbpx

ม็อบหนุ่มสาว อนาคตประเทศไทย และกรอบรูป

ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันมายาวนาน ยิ่งไปกว่านั้นประชากรไทยจำนวนไม่น้อยมีบรรพบุรุษสืบเชื้อสายมาจากเมืองจีน การผสมกลมกลืนทางเชื้อชาติ วัฒนธรรมประเพณี จนแทบจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นไทย ผู้ใดเป็นจีน นำมาซึ่งความรู้สึกเกี่ยวพันเป็นพิเศษกว่าชาติอื่น

ถ้อยแถลงของโฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา เรื่องคัดค้านการกล่าวหาวัคซีนจีนโดยไร้เหตุ อาจเป็นที่สะใจของผู้ปกครองไทยซึ่งล้มเหลวผิดพลาดในการจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ลึกๆ จึงมิได้มีแสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมา

ทำราวกับอมสากกะเบือเอาไว้เต็มปาก ปล่อยให้ตัวแทนรัฐบาลต่างชาติย่ำยี ชี้หน้าประณามฝ่ายตรงกันข้ามทางการเมือง ตลอดจนผู้คนซึ่งมีความคิดเห็นแตกต่างไปจากตัวเอง กระทั่งลืมพิจารณาถึงความถูกต้องเหมาะสม

แต่สำหรับประชาชนคนไทยแล้ว การกระทำดังกล่าวถือเป็นท่าทีการแสดงออกที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง

เนื้อหาสาระของถ้อยแถลงไม่อาจจะแลเห็นเป็นอย่างอื่นไปได้เลย นอกจากไม่เหมาะสม เกินเลย จุ้นจ้าน ก้าวก่ายประชาชนคนไทยและประเทศไทย โดยปราศจากความเคารพซึ่งกันและกัน

ประทานโทษเถอะ มันอะไรกันหนักหนากับการที่ประชาชนชาวไทย นักวิชาการปัญญาชน พ่อค้านักธุรกิจไม่เว้นแม้กระทั่งคณาจารย์แพทย์เองยังอดรนทนไม่ไหว ออกมาแสดงท่าทีและความคิดเห็น เรียกร้องให้รัฐบาลของตัวเองจัดหาวัคซีนที่ดี มีประสิทธิภาพมากกว่าซิโนแวค มาฉีดให้กับพี่น้องเพื่อนร่วมชาติ ท่ามกลางข้อมูลข่าวสารเป็นที่รับรู้ไปทั่วโลก ปรากฏรายงาน ผลการวิจัยในต่างประเทศแสดงให้เห็นประจักษ์ว่า ซิโนแวคมีคุณภาพต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวัคซีน mRNA

ความตามถ้อยแถลงที่ระบุว่า “บางคนและบางองค์กรของประเทศไทยได้ด้อยค่าและใส่ร้ายวัคซีนจีนโดยไม่มีเหตุผล ทำร้ายความหวังดีของฝ่ายจีนในการสนับสนุนประชาชนไทยต่อสู้กับโรคระบาด… และเรียกร้องให้บุคคลและองค์การที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้”                                                    

มองเห็นเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากทวงบุญคุณ

ทั้งๆ เป็นเรื่องธุรกิจ การค้าขายปกติทั่วไป ที่รัฐบาลไทยซื้อวัคซีนซิโนแวคจากบริษัทเอกชนจีนซึ่งเป็นผู้ผลิต โดยชำระราคาสินค้าด้วยเงินงบประมาณอันมาจากภาษีอากรประชาชน มิหนำซ้ำยังซื้อหามาในราคาที่แพงเสียด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับวัคซีน mRNA ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่า ท่ามกลางข้อครหาถึงความไม่ชอบมาพากลในระดับนโยบาย เกี่ยวด้วยการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลไทย

มีใครไปด้อยค่าก็เปล่าเลย วัคซีนประสิทธิภาพต่ำเองเมื่อเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่น แต่กลับพยายามเบี่ยงเบน บิดเบือน โอดครวญเสมือนถูกกลั่นแกล้งลดทอนคุณค่าอันเลอเลิศ

ทำเป็นสนิมสร้อยไปได้ 

เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า คิดว่าประเทศไทยเป็นมณฑลหรือเขตปกครองหนึ่งภายใต้การควบคุมของพรรรคคอมมิวนิวต์จีนหรืออย่างไร ประชาชนจึงวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นอะไรไม่ได้ ต้องสรรเสริญเยินยอรัฐและผู้ปกครองสถานเดียว

พึ่งพาอาศัยจนตกเป็นเบี้ยล่าง ไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีประเทศซึ่งมีเอกราชอธิปไตยโดยสมบูรณ์

ละเมิดสิทธิมนุษยชนขึ้นมาที รัฐประหารที ประชาคมโลกไม่ยอมรับ ถูกแซงก์ชันจากยุโรปและสหรัฐก็โร่ไปหาจีน แล้วก็ไม่รู้ว่าพิสมัยอะไรกันหนักหนา ตั้งหน้าตั้งตาซื้อตั้งแต่สากกะเบือยันเรือดำน้ำ แทนที่พ่อค้าจะเป็นฝ่ายสำนึกถึงพระคุณของลูกค้า โอละพ่อ ผู้ซื้อกลับเป็นฝ่ายสำนึกบุญคุณของผู้ขาย

เป็นอย่างนั้นไป ผู้คนก่นด่าอย่างใดก็ยังซื้อวัคซีนอาเจ็กอยู่นั่นแหละ

ล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องชัดเจน แต่ยังสามารถลอยหน้าลอยตาบริหารบ้านเมือง โดยที่ใครก็ไปทำอะไรไม่ได้

ฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกับรัฐมนตรีอีก 5 คน ด้วยข้อกล่าวหาว่าล้มเหลว ทุจริต ผิดพลาดบกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดินเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19

อาจจะมีประเด็นความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐให้เป็นที่สนใจของสื่อมวลชน พอทำให้นักการเมืองฝ่ายค้านรู้สึกกระปรี้กระเปร่ากระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง สร้างความคึกคักฮึกเฮิมให้กับผู้คนซึ่งเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาว่าอาจจะนำความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามมา

เว้นเสียแต่เรื่องราวความเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของเยาวชน หนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ขึงป้ายผ้าใหญ่โตใจกลางเมืองหลวง แลเด่นเห็นชัด ไฮด์ปาร์กเผ็ดร้อน เสียงดังขนาดไหนก็ไม่ปรากฏภาพหรือข่าวตามสื่อกระแสหลัก

นอกจากนั้นรายงานข่าว นำเสนอภาพละเอียดยิบ ปั่นให้เกิดดราม่าได้ทุกเรื่อง

โหมประโคมข่าวเอิกเกริกมโหฬาร ชวนให้ตื่นเต้น วิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดอ่านกันราวกับปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นกำลังจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทำเหมือนกับเผด็จการเป็นตะเกียงขาดน้ำมัน กำลังย่ำแย่ ระบอบเก่าใกล้จะล่มสลายอยู่รอมร่อ ขอแต่เพียงโค่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงให้ได้เท่านั้น

บางคนไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นแป้งหรือเฮโรอีน ทั้งลุ้นทั้งเชียร์ออกนอกหน้า

คุยโม้โอ้อวดว่า คราวนี้ข้อมูลเด็ด อาจจะมีเซอร์ไพรส์พรรคร่วมรัฐบาลโหวตสวนมติไว้วางใจ แต่สุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร ก็อิหรอบเดิม

เจ้ามือกินรวบ

สภาผู้แทนราษฎรลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ 5 รัฐมนตรีเสร็จสรรพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาศัยความตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 171 ให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

ปล่อยให้ติ่งการเมืองแยกย้ายกันกลับบ้านตัวเปล่าเล่าเปลือย

ที่เคยอ้างว่าจะผลักดันยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาทั้งฉบับ อาสาปิดสวิตช์ ส.ว. บ้าง ขอจับ คสช. ใส่หม้อไปถ่วงน้ำบ้าง ทำเอาเคลิบเคลิ้ม มีเรี่ยวมีแรงเชียร์ราวกับได้น้ำมันกัญชามาหยด หรือดื่มน้ำใบกระท่อม

ปรากฏที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติเห็นชอบด้วยร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ…. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบเลือก ส.ส. เขต 400 คนและ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 100 คนอีกครั้ง ฯลฯ

กลายเป็นรวมหัวกันริดรอนกิ่งก้าน บอนไซพรรคก้าวไกล ไม่ให้เติบโตขึ้นมาเป็นหอกข้างแคร่ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน

ระบอบที่เป็นอยู่รังแต่นำมาซึ่งความสิ้นหวัง 

ล่วงเลยมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 89 ปีแล้ว นับแต่คณะราษฎรก่อการปฏิวัติเมื่อปี พ.ศ. 2475 หมายจะนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่สังคมประชาธิปไตยเฉกเช่นนานาอารยประเทศ ปรารถนาจะได้ปกครองกันโดยประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย

ทว่า จากวันนั้นจนกระทั่งบัดนี้ ประเทศไทยก็ยังตกอยู่ภายใต้การครอบงำของกลุ่มบุคคลซึ่งรับไม่ได้ทนไม่ไหวกับการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ตัวเองสูญเสียอำนาจและผลประโยชน์ซึ่งทึกทักเอาว่าเป็นของตนมาโดยตลอด

ไม่ยอมรับว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ซึ่งทุกคนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของประเทศ

ดังนั้น แม้จะมีการเลือกตั้งกี่ครั้ง เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีกี่คน ประชาชนลุกฮือขึ้นมาเฉดหัวขับไล่ผู้ปกครองทรราชกี่หน ชาวบ้านราษฎรสูญเสียเลือดเนื้อชีวิต บาดเจ็บล้มตายไปมากมายเพียงใด จนแล้วจนรอดบ้านเมืองนี้ก็ไม่เคยได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง

ประเทศชาติตกอยู่ในวังวน วัฏจักรของการรัฐประหาร ปกครองโดยเผด็จการซึ่งมาจากกองทัพ สลับไปกับการเลือกตั้งลวงโลก การทุจริตคอร์รัปชันและส่วยที่ส่งขึ้นไปตามลำดับชั้นจนกลายเป็นระบบ สร้างความเสียหาย นำความเสื่อมทรุดถดถอยมาให้กับบ้านเมืองอย่างรุนแรง

ส่งผลกระทบต่อทุกคน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และทารกในครรภ์มารดา

เว้นเสียแต่เกิดมาในครอบครัวชนชั้นนำ เศรษฐี หรือมีพ่อแม่ฉ้อราษฎร์บังหลวงจนร่ำรวยมั่งคั่งก็ไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากเหมือนเพื่อนร่วมชาติ

เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย แปลกตรงไหนกับการที่ลูกหลาน เยาวชน หนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยอย่างแท้จริง เพื่อให้ได้มาซึ่งสังคมประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนและประชาชนเป็นผู้ใช้อำนาจนั้น โดยหวังจะเคลื่อนไหวผลักดันให้สำเร็จเสร็จสิ้นลงไปภายในห้วงเวลาที่มีชีวิตอยู่

ไม่ปล่อยให้ตกเป็นภาระของลูกหลานรุ่นต่อๆ ไป ในภายภาคหน้าเหมือนเช่นที่ผ่านมา

ปฏิวัติ 24 มิถุนายน 2475 ก็แล้ว ผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และพฤษภาคม 2535 ก็ยังไม่ได้มาซึ่งประชาธิปไตย มิหนำซ้ำยังถดถอยกลับไปเป็นสังคมราชาธิปไตยอันมีเผด็จการทหารเป็นผู้ปกครอง

หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่แสดงความชิงชังรังเกียจสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า ‘ระบอบปรสิต’ ไม่ต้องการให้ใครมาเกาะกิน ดูดเลือดเนื้อ และทำให้สังคมไทยอ่อนแอ ขี้โรค เฉกเช่นมนุษย์ซึ่งมีพยาธิ หรือปลิงสิงสถิตย์อยู่ภายในร่างกาย

เป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่ความกล้าหาญของคนรุ่นลูกรุ่นหลาน ความปรารถนาจะเห็นแผ่นดินที่งดงามตามอุดมคติประชาธิปไตยกลับได้รับการสนองตอบด้วยคุกตะราง การจับกุมคุมขัง ดำเนินคดีนักเรียนนักศึกษา หนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ทั่วประเทศไปมากกว่าพันคนแล้วในเวลานี้

ประเมินไม่ออกว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า

รู้แต่เพียงว่าบ้านเมืองนี้ไม่เหมือนเดิมมาหลายปีแล้ว เปลี่ยนไปจนกระทั่งบางพื้นที่ต้องถอดภาพเหลือแต่เพียงกรอบรูป โดยที่อำนาจรัฐไม่อาจจะทัดทานได้ 

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save