กำไลติดตามตัวหรือกำไลอีเอ็มนั้นถูกคิดค้นมาสำหรับผู้ต้องหาที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวให้ออกมาใช้ชีวิตนอกเรือนจำ เป้าหมายคือการลดความแออัดในเรือนจำ และคืนเสรีภาพให้แก่ผู้ต้องหาบางส่วนที่ไม่มีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่นหรือแก่สังคม
แต่ในประเทศไทย กำไลอีเอ็มกลับถูกใช้กับกลุ่มผู้ต้องหาที่ต้องโทษจากคดีการเมือง หรือจากการแสดงความคิดเห็นอันเป็นสิทธิที่พึงมีตามระบอบประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญไทยก็รับรอง
ไม่ว่าจะ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ต้องใส่กำไลอีเอ็มพร้อมเงื่อนไขห้ามออกจากบ้าน 24 ชั่วโมง, ณัฐกรณ์ ชูเสนาะ นักกิจกรรมที่ต้องมาตรา 112 ตั้งแต่อายุ 17 และกำไลอีเอ็มทำให้เขาหางานไม่ได้จนถึงนาทีนี้, ชลธิชา แจ้งเร็ว กับชีวิตที่ต้องสูญเสียโอกาสในการทำงานมากมายเพราะเธอไม่อาจเดินทางขึ้นเครื่องบินได้ และ พริษฐ์ ชิวารักษ์ ผู้ป่วยเป็นโรคเก๊าท์แต่ศาลก็ไม่ยอมให้เขาได้ปลดกำไลอีเอ็มออกจากข้อเท้าอยู่ดี
นี่จึงเป็นหนึ่งในความย้อนแย้งอันเป็นปริศนาของกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ใช้เครื่องมือซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาบนเป้าประสงค์จะคืนเสรีภาพให้แก่มนุษย์ ในการควบคุมเสรีภาพของคนที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการแสดงออก
……………………..
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
เมื่อแสดงออกตามสิทธิ จึงถูกจำกัดเสรีภาพ: ชีวิตภายใต้พันธนาการของกำไลอีเอ็ม
กำไลอีเอ็ม ตรวนแห่งศตวรรษที่ 21 และการถูกพรากอิสรภาพโดยรัฐ