fbpx
มนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน กฎหมายกับประกาศิตโจร อนาคตของเด็ก หนุ่มสาว คนรุ่นใหม่

มนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน กฎหมายกับประกาศิตโจร อนาคตของเด็ก หนุ่มสาว คนรุ่นใหม่

มนุษย์หรือคน เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับเดรัจฉาน ซึ่งหมายถึงสัตว์นอกเหนือไปจากมนุษย์ มีความเหมือนกันในเรื่องของ… ประทานโทษเถอะ พูดจาประสาชาวบ้านก็คือ กิน ขี้ ปี้ นอน อันเป็นพฤติกรรมธรรมชาติของสัตว์ทั้งหลายที่ต่างต้องบริโภคอาหารเพื่อใช้เป็นพลังงาน ขับถ่ายของเสียจากการย่อยสลายออกจากร่างกาย มีการสืบพันธุ์เพื่อดำรงพงศ์เผ่า และต้องนอนหลับพักผ่อน

คนเราซึ่งถือเป็นสัตว์ประเสริฐ ไม่ว่าจะเชื้อชาติ สีผิวใด จะเป็นขี้ข้า เจ้านายหรือบ่าวไพร่ มีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเป็นอีกอย่างที่เหมือนกันกับเดรัจฉาน

ในทางตรงกันข้าม มนุษย์มีความแตกต่างไปจากสัตว์ทั่วไปตรงที่ลำตัวตั้งตรง เดินเหินวิ่งได้ด้วยสองเท้า มีทักษะการใช้มือ สมองคิดซับซ้อนได้ เข้าใจตรรกะรู้จักใช้เหตุผล มีความสามารถในการเรียนรู้ สร้างสรรค์ ประดิษฐ์คิดค้น ก่อให้เกิดวิทยาการด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษา วิทยาศาสตร์ ศิลปะ วรรณคดี ฯลฯ

ความรู้ที่ได้มาจากการคิด ทำให้คนเรารู้ผิดชอบชั่วดี รู้ว่าอะไรเหมาะ อะไรควร รู้บาปบุญคุณโทษ มีมโนธรรมสำนึก สามารถควบคุมบังคับตนเองได้ ไม่ทำอะไรตามใจอยากสุดแท้แต่สันดานดิบหรือสัญชาตญาณจะสั่งการเช่นสัตว์เดรัจฉานที่นึกจะทำอะไรก็ทำโดยปราศจากความยับยั้งชั่งใจ มีการสร้างกฎเกณฑ์ กติกา มารยาทการอยู่ร่วมกันในสังคม เกิดขนบประเพณี จริยธรรม กฎหมายขึ้นมา

เดรัจฉานอาจจะเกิดมามีชีวิตและอยู่ไปเพียงเพื่อขยายเผ่าพันธุ์ กิน ขี้ ปี้ นอนไม่เลือก ทำทุกอย่างสนองตอบความต้องการของตัวเองเป็นสำคัญ จะถูก ผิด จะอำมหิต โหดเหี้ยม ป่าเถื่อน เลือดเย็นอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าใจได้

แต่ก็นั่นละ จะเอาอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน สมองน้อย

ขณะที่คนเราซับซ้อนกว่านั้น มนุษย์มีเป้าหมายของชีวิต ปรารถนา ต้องการสิ่งที่ดีกว่า นำไปสู่การพัฒนา

จะกินก็มีวัฒนธรรมในการรับประทานอาหาร จะขับถ่ายก็มีห้องน้ำห้องส้วม รู้จักการชำระล้างเพื่อสุขอนามัย จะสืบพันธ์ุเพื่อดำรงพงศ์เผ่าก็มีเรื่องของศีลธรรม จรรยา ความเป็นส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง มิได้หมกมุ่นเอาแต่บ้ากาม หรือติดสัดเหมือนสุนัขเดือนสิบสองอยู่ตลอดเวลา จะหลับนอนก็มีบ้านเรือน อยู่อาศัยภายใต้ชายคา ไม่ได้นอนกลางดินกินกลางทรายเหมือนเช่นเดรัจฉาน

มนุษย์ไม่ได้มีชีวิตอยู่ไปเพื่อตัวเองแต่เพียงเท่านั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยไม่ยอมปล่อยให้สัญชาตญาณหรือสันดานดิบในการเอาตัวรอดมามีอำนาจเหนือกว่ามโนธรรมสำนึก ยอมสูญเสียหรือเสียสละเพื่อผู้อื่นก็มีให้เห็นอยู่มากมาย 

พัฒนาการทางปัญญา ความคิดและอารมณ์ของคน ความสามารถในการปรับเปลี่ยน ดัดแปลงให้เกิดสิ่งที่ดีกว่าขึ้นมา มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ถ่ายทอดอารยธรรม ความเจริญตกทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่าจนปัจจุบัน

ทั้งหมดที่กล่าวมาก็เพื่อจะบอกว่า การที่เด็ก เยาวชน หนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แปลกประหลาด พิสดารอะไรเลย ส่วนใครคือมนุษย์ผู้เป็นสัตว์ประเสริฐ หรือผู้ใดเป็นสัตว์ในร่างของมนุษย์ไม่ขอวิเคราะห์วิจารณ์

ถามจริงๆ เถอะ หากเลือกได้ มีใครอยากจะอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองเผด็จการไฮบริด กึ่งรัฐทหารกึ่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์บ้าง

ความปรารถนา ต้องการสิ่งที่ดีกว่า ถือเป็นธรรมชาติของมนุษย์ โดยแรงปรารถนา ความต้องการสิ่งที่ดีกว่านี่แหละ ขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนา อารยธรรม ความเจริญตามมา 

เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ใครต่อใครต่างพากันยอมรับว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมจริงๆ ผู้คนมีพัฒนาการทางความคิดความเชื่อชนิดที่ทำเอาบางคนตระหนกตกอกตกใจ

เป็นอย่างไรล่ะ พระเพลิงเผาผลาญโชติช่วงชัชวาลย์ออกอย่างนั้น

ประทานโทษ มีที่ไหน อภินิหง อภินิหาร ไม่มีหรอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่ารูปภาพ จะเป็นกระดาษ ผ้า หรือวัสดุอื่นใดที่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์ โดยทั่วไปแล้วอย่างไรเสียย่อมไหม้ไฟ หากไม่มีเงื่อนไขปัจจัยอื่น เช่น เรื่องของออกซิเจน น้ำ ความชื้น มาเกี่ยวข้อง เป็นตัวแปรให้ไม่ติดไฟหรือทำให้เพลิงมอดดับลงก่อนจะวายวอด

ทุกอย่างสามารถอรรถาธิบายได้ด้วยหลักการ เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ หากพร้อมที่จะยอมรับความจริง ไม่มัวงมโข่ง จมปลักอยู่กับอุปาทานหมู่หรือความเชื่อปรัมปราที่ปลูกฝังกันมาช้านานเพื่อประโยชน์ในการควบคุมประชาชนให้เชื่อง จำนนอยู่ภายใต้ระบอบปกครองโดยไม่คิดหืออือใดๆ

บ้านเมืองอื่นเขาออกสำรวจอวกาศ เหยียบดวงจันทร์ วางแผนไปตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคารกันแล้ว แต่ประเทศนี้ยังมอมเมาให้ประชาชนพึ่งพาฟ้าดิน หลงเชื่อในอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ เห็นพืชผ่าเหล่าผ่ากอ ซากสัตว์พิกลพิการ อะไรแปลกประหลาด พิสดารหน่อยต้องดั้นด้นไปบูชา กราบไหว้ ขอหวย

กระทั่งน้ำซึมออกมาจากบ่อเกรอะยังเฮโลเอามาดื่มกิน โดยเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์

มิน่า จึงพยายามปิดหู ปิดตา ปิดปากประชาชน ห้ามมิให้ผู้คนใช้สติปัญญามันสมองคิดในสิ่งที่แตกต่างไปจากกรอบที่จำกัดเอาไว้

ระดมสรรพกำลัง ทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของประชาชน จัดการม็อบปราบปรามผู้ชุมนุมด้วยกำลังทั้งในและนอกรูปแบบ ปฏิบัติการข่าวสารเพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้แลดูเหมือนเด็กเยาวชนหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่เป็นพวกชังชาติ ต้องการโค่นล้มสถาบัน

โหดร้าย อำมหิต

กระเหี้ยนกระหือรือบังคับใช้กฎหมายซึ่งเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยในเจตนารมณ์ ถูกตั้งคำถามถึงความชอบด้วยหลักนิติธรรม ตั้งหน้าตั้งตากวาดล้าง จับกุมคุมขัง ดำเนินคดีเอากับนักเรียนนักศึกษา หนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ซึ่งเรียกร้องต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยอย่างกว้างขวาง

ประทานโทษเถอะ กฎหมายกบิลเมืองนะ ไม่ใช่ประกาศิตโจร ที่จะออกคำสั่งบังคับข่มเหงอย่างไรก็ได้โดยมิพักต้องคำนึงถึงหลักนิติธรรม ไม่แยแสสนใจว่าใครจะยินยอมพร้อมใจยอมรับเป็นกฎหมายหรือไม่ และที่ตราขึ้นมานั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสาธารณชนจริงหรือเปล่า  

มีการปฏิเสธปล่อยชั่วคราว ไม่ให้ประกันตัวแกนนำ ยังผลให้คนเหล่านั้นได้รับการปฏิบัติไม่ต่างไปจากนักโทษซึ่งต้องคำพิพากษาจำคุกแต่อย่างใด

ตลกร้ายกับท่าทีของรัฐบาลไทย ต่อสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา เมื่อกระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ “เรียกร้องให้มีการคลี่คลายสถานการณ์ และปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัว รวมทั้งขอกระตุ้นให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หาทางออกร่วมกันโดยสันติวิธี ด้วยการพูดคุยกันผ่านช่องทางที่สร้างสรรค์ใดๆ เพื่อเมียนมาและประชาชนเมียนมา”        

บ้านตัวเองไม่ยอมทำความสะอาดแต่กลับเสนอหน้าไปแนะนำคนอื่นเขากวาดบ้าน

คงลุ้นช่วยเผด็จการผู้น้องสุดกำลังอยู่หรอก ตามประสามีหัวอกเดียวกัน ต่างก็เป็นผู้นำกองทัพซึ่งได้อำนาจมาจากการโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนเหมือนๆ กัน ไม่เช่นนั้นวันที่ประชาคมโลกต่างประณามการทำรัฐประหารของนายพลมิน อ่อง หล่าย คงไม่แสดงท่าทียอมรับรัฐบาลทหารเมียนมาออกนอกหน้า เป็นชาติแรกที่ให้การต้อนรับขับสู้รัฐมนตรีต่างประเทศรัฐบาลเผด็จการนุ่งโสร่ง มิหนำซ้ำเป็นฝ่ายเชื้อเชิญมาพบเองอีกด้วย

กลายเป็นผลงานอัปยศของผู้ปกครองเผด็จการจ๊ะจ๋าบนเวทีประชาคมโลกเลยทีเดียว         

ถึงตอนนี้ ไม่รู้เหมือนกันจะต้องมีเด็ก เยาวชน นักเรียนนักศึกษา หนุ่มสาว คนรุ่นใหม่อีกกี่คนที่ต้องเสียสละ ถูกจับกุมคุมขัง เอาอิสรภาพของตัวเองไปสังเวยให้กับการเคลื่อนไหว เรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในสังคมไทย

เมื่อไรผู้ปกครองและชนชั้นนำซึ่งกินรวบได้ประโยชน์จากระบอบเก่าจึงจะรับฟังเสียงประชาชน

น่าเสียดายกับกระแสที่พุ่งขึ้นสูง ภาพลูกหลาน เยาวชน หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่เรือนแสนออกมารวมตัวชุมนุมกันกลางกรุงเทพมหานครสร้างหวังถึงโอกาสที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในบ้านเมืองของเรา ก่อนจะแผ่วลงด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ

ลำพังอำนาจรัฐเผด็จการ ชนชั้นนำ และพลังล้าหลังที่มีอิทธิพลครอบงำสังคมไทยมาช้านานก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ยังต้องเผชิญกับการปลุกปั่นบั่นทอนความเข้มแข็งการเมืองภาคประชาชน จากบุคคลและขบวนการทั้งที่ทราบฝ่ายและไม่ทราบฝ่าย

บ้างอ้างว่าถ้าหากไม่ขยับเพดานไปไกล เอาเพียงแค่ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วโฟกัสไปยังการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็คงสำเร็จไปนานแล้ว

ทำราวกับปัญหาของประเทศนี้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล เอาพล.อ.ประยุทธ์ ออกไปเพียงคนเดียวเท่านั้น ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินขึ้นมาทันทีทันใด

หัวร่อไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออกกับความคิดความเชื่อมั่นว่า จะสามารถผลักดันให้เกิดการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ได้ด้วย ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยลืมไปเสียฉิบว่า ที่เคยลนลาน แสดงท่าทีคล้ายกับจะยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั่น ไม่ใช่เป็นเพราะผู้คนออกมาเดินเต็มท้องถนนหรอกหรือ

ถึงตอนนี้เมื่อม็อบอ่อนแรงแล้วเป็นอย่างไรก็เห็นๆ กันอยู่

บ้างก็ศรัทธาการเมืองในระบบรัฐสภา มีความหวังกับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาลแล้วเป็นไง

สื่อกระแสหลักที่มีเสียงดังต่างพากันเซ็นเซอร์ตัวเอง ทำให้ประเด็น ‘ตั๋วช้าง’ กลายสภาพเป็น ‘ตั๋วมด’ ไปโดยปริยาย ทั้งๆ ที่เนื้อหาสาระของการอภิปราย สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาแท้จริงของประเทศชาติบ้านเมือง สอดคล้องกับสิ่งที่หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่เคลื่อนไหวเรียกร้องต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามที จะปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งอย่างไรก็ไม่ได้ทำให้ระบอบเก่ามีความชอบธรรมขึ้นมาได้

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save