วจนา วรรลยางกูร เรื่อง
“กูเป็นเด็กสลัมด้วยใจ แล้วกูนั้นเกิดมาบนดินแดนที่เขาว่าสลัม ไม่สนใจว่าจะมองยังไงแค่อยากจะแร็ปให้คุณได้จำ”
ท่อนหนึ่งจากเพลงแร็ปสดของ บุ๊ค – ธนายุทธ ณ อยุธยา ในภาพยนตร์สารคดี School Town King : แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน ผลงานกำกับของ วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย เล่าเรื่องชีวิตของ บุ๊ค และ นนท์ – นนทวัฒน์ โตมา เด็กสลัมคลองเตย ที่เริ่มหัดทำเพลงแร็ปในร้านเกมและฝันจะเป็นแร็ปเปอร์ระดับประเทศ
หนังเปิดตัวอย่างฉูดฉาดด้วยเพลงแร็ปของบุ๊คและนนท์ พาให้เพลินไปกับจังหวะดนตรีแม้ว่าเนื้อร้องจะสอดแทรกด้วยเรื่องเล่าชีวิตที่ต้องทนอยู่กับความเหลื่อมล้ำและคำดูถูกในฐานะเด็กสลัมคลองเตย จนบางช่วงจังหวะแทบทำให้ลืมว่านี่คือสารคดีชีวิตจริงๆ มันคล้ายกับภาพยนตร์จากเรื่องแต่งของชีวิตแร็ปเปอร์ที่ชื่อเสียงกำลังพุ่งทะยานสู่การเป็นศิลปินใหญ่และถาโถมด้วยความสำเร็จมากกว่า
ภาพยนตร์ค่อยๆ ดึงผู้ชมกลับสู่โลกความเป็นจริง จูงมือพาผู้ชมเดินเข้าไปสำรวจทีละมุมของชีวิตที่สลัมคลองเตย คำหยาบคาย ยาเสพติด แก๊งวัยรุ่นป่วนเมือง บ้านอันแออัดไร้ความเป็นส่วนตัว โรงเรียนที่เต็มไปด้วยการกลั่นแกล้ง ครูถือไม้ไล่หวดเด็กพร้อมคำด่า เหล่านี้คือองค์ประกอบอันไม่สมบูรณ์ที่ยากจะทำให้ชีวิตใครสักคนเติบโตขึ้นมาด้วยคุณภาพชีวิตที่พึงมี
ยังไม่ต้องพูดถึงชีวิตของเด็กผู้ชายที่ใฝ่ฝันจะเป็นแร็ปเปอร์ชื่อดัง ฐานะที่ยากจนและสภาพแวดล้อมย่ำแย่อาจยังไม่บั่นทอนความฝันได้มากเท่าการมีครอบครัวที่ไม่เชื่อมั่นในเส้นทางแร็ปเปอร์ซึ่งพวกเขากำลังจะก้าวเดินต่อไป
วรรจธนภูมิ ผู้กำกับและทีมงาน Eyedropper Fill รู้จักบุ๊คและนนท์ผ่านโครงการ Connext Klongtoey ที่ให้เด็กมาเล่าเรื่องชุมชนของพวกเขาผ่านงานศิลปะ เด็กชายทั้งสองคนเลือกเล่าเรื่องชีวิตของพวกเขาผ่านเพลงแร็ป วรรจธนภูมิเห็นแพสชันและความมุ่งมั่นในการเดินตามความฝันของพวกเขาจึงเริ่มติดตามถ่ายกว่าสามปี จนปรากฏเป็นสารคดีที่ไม่เพียงพูดถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ของเด็กสองคน แต่ยังฉายภาพปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมไทยผ่านชีวิตในชุมชนแออัดที่คลองเตย
“แร็ปเริ้บอะไรพวกนี้ มันยังจับต้องอะไรไม่ได้”
คือสิ่งที่พ่อของบุ๊คมองลูกชายตัวเอง แม้ว่าบุ๊คจะเริ่มเป็นที่สนใจจากสังคม ได้ออกโทรทัศน์ มีสื่อต่างประเทศมาสัมภาษณ์ แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้การันตีความสำเร็จในชีวิต ซึ่งอาจดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับชีวิตที่เริ่มต้นจากติดลบ การพูดถึงความฝันดูจะเป็นเรื่องจับต้องไม่ได้
ไม่น่าแปลกใจที่พ่อแม่ของบุ๊คและนนท์จะตั้งข้อสงสัยถึงสิ่งที่ลูกชายกำลังหมกมุ่น จนเกิดคำถามประเภทว่า ร้องเพลงอะไร, จะเอาอะไรกิน, หาเงินได้เท่าไหร่ หรือกระทั่งคำพูดที่บอกว่า “อย่าเพ้อฝัน”
สำหรับบางครอบครัวที่มีพร้อม สิ่งที่พ่อแม่ให้ความสำคัญอาจเป็นการทำให้ลูกค้นพบ ‘พรสวรรค์’ ของตัวเอง รู้ว่าชอบอะไร แล้วเดินไปให้สุดความฝันนั้น หากลูกจำเป็นต้องพักการเรียนไปก่อนเพื่อทำสิ่งที่ชอบก็อาจตัดสินใจได้ไม่ลำบากนัก แต่สำหรับครอบครัวที่พ่อหรือแม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงคนในบ้าน คงยากจะนอนหลับให้สนิท หากลูกกำลังจะทิ้งการเรียนแล้วเลือกอาชีพที่ดูหาเลี้ยงตัวเองได้ยาก
เป็นชีวิตที่ไม่มีแผนสอง พลาดก็คือจบ
โอกาสไม่ใช่ของหาง่ายในชีวิตที่ต้องกระเบียดกระเสียร
ถ้าพ่อแม่ของพวกเขาร้องขออะไรได้สักอย่าง คงเป็นการขอร้องให้ลูกเป็น ‘คนธรรมดา’ เพราะการเรียนจบรับเงินเดือนหมื่นห้าแบบคนทั่วไปคือปลายทางที่เด็กหลายคนในชุมชนฝันถึง
การมีความฝันแล้วมุ่งมั่นทุ่มเท กลายเป็นสิ่งไม่มีค่าในสังคมแบบนี้ บุ๊ครู้ว่าเขาต้องการอะไร แต่ระบบที่มีอยู่บีบให้เด็กเดินไปตามทางโดยไม่ตั้งคำถาม ไม่ต้องมีความฝัน แค่เรียนอะไรก็ได้ให้จบ เพื่อไม่ต้องรับค่าแรงขั้นต่ำ และมีโอกาสกอดเงินเดือน 15,000 บาท ซึ่งก็ยังไม่ใช่รายได้ที่สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในเมืองใหญ่ …ระบบที่ไม่สนใจว่าเด็กต้องการอะไร
สารคดีตั้งคำถามใหญ่พุ่งตรงไปยังระบบการศึกษาและความเหลื่อมล้ำในสังคมที่บังคับให้เด็กๆ ฝันที่จะเป็นคนธรรมดา
“ความฝันทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่การเรียนมีโอกาสได้แค่ครั้งเดียว”
คำพูดนี้ออกจากปากเด็กมัธยมต้นที่มุ่งมั่นในการทำเพลงแร็ป เริ่มมีชื่อเสียง และพบว่าโลกไม่อนุญาตให้เขาฝัน
ต่างกับคำพูดในหนังสือฮาวทูของชนชั้นกลางที่ปลุกใจให้คนออกไปทำตามความฝันเมื่อมีโอกาส หรือคำพูดชนิดที่ว่า “จงผิดพลาดให้มากที่สุด” คำพูดเหล่านี้ใช้ได้กับชีวิตที่อนุญาตให้คนล้มเหลว ชีวิตที่ครอบครัวพร้อมสนับสนุนการทำตามความฝัน ยอมโอบกอดเมื่อล้มเหลว ชีวิตที่ไม่ต้องคิดว่าเย็นนี้จะเอาอะไรกิน เพราะมีกับข้าวเต็มโต๊ะรออยู่ที่บ้านเสมอ ชีวิตที่อนุญาตให้เด็กออกไปค้นหาตัวเอง แม้จำเป็นต้องพักการเรียนไปก่อนก็ตาม
เป็นชีวิตที่ไม่ใช่ของบุ๊คหรือนนท์ หากเขาเลือกเดินออกมา นั่นหมายความว่าเขาไม่มีโอกาสจะหวนกลับไปอีกแล้ว
ในสภาพแบบเดียวกัน แม้จะมีเด็กที่เก่งในการทำตามระบบอย่าง ‘วิว’ เพื่อนของบุ๊คและนนท์ ประธานนักเรียนหญิงที่ขยันเรียนเพื่อรักษาตำแหน่งคนเรียนเก่งที่หนึ่งในบ้าน ที่หนึ่งในชุมชน พยายามทำให้ดีที่สุดตามระบบที่ออกแบบมา ชนิดที่ว่าหากเล่นเกมเธอก็คงทำสำเร็จทุกภารกิจที่เกมกำหนด แต่พอมาถึงเส้นชัย ก็อาจพบว่าคนที่จ่ายเงินมากกว่ากลับไม่ต้องทำภารกิจเหล่านั้นก็สามารถมาถึงเส้นชัยได้โดยง่าย
เด็กที่มีความมุ่งมั่นในการเรียนอย่างวิวอาจเข้ามหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังได้ เรียนด้วยเงินกู้ กยศ. จบมารับเงินเดือนหมื่นห้าพร้อมหนี้ก้อนใหญ่ เข้าสู่โลกการทำงานในวันที่คนมีฐานะล้วนส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ได้แต้มต่อเรื่องทักษะภาษาอังกฤษ ได้เห็นโลกกว้างกว่า มีตราประทับจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เป็นการลงแข่งในเกมที่ไม่แฟร์ตั้งแต่ต้น…ชีวิตที่แค่ฝันจะเป็นคนธรรมดาที่มีเงินเดือนหมื่นห้าก็ยากแล้ว
ระบบการศึกษาให้เพียงคำตอบที่ตายตัวแก่เด็ก ภาพ ‘คนดี’ ในระบบการศึกษามีเพียงค่านิยม 12 ประการของรัฐบาลเผด็จการและการท่องจำบทสวดมนต์ในพุทธศาสนา ซึ่งไม่ทำให้เด็กๆ จินตนาการได้ว่าความดีและความเก่งมีหลากหลายรูปแบบ ในมาตรวัดเช่นนี้ เด็กอย่างบุ๊คและนนท์อาจไม่ผ่านคุณสมบัติสักข้อของการเป็นเด็กดีในระบบการศึกษา ทั้งการพูดคำหยาบ หลับในชั้น ไม่ตั้งใจเรียน ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ จนถึงการออกมาตั้งคำถามกับสังคม
บุ๊คและนนท์มีความสามารถโดดเด่นในเรื่องการแร็ป โดยเฉพาะการแร็ปเล่าเรื่องชีวิตตัวเองจากสลัมคลองเตยจนมีสื่อทั้งไทยและต่างประเทศมาสัมภาษณ์ เขาโดดเด่นออกมาจากเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน รู้ตัวดีว่าชอบอะไรและอยากเป็นอะไร พร้อมพุ่งเข้าชนสิ่งนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีความสามารถในการแร็ป แต่หากมองจากระบบการศึกษาไทยแล้ว พวกเขาเป็นเพียงเด็กไม่เก่งและสุ่มเสี่ยงจะเรียนซ้ำชั้น
ภาวะเช่นนี้สร้างความสับสนไม่น้อย ขณะที่โลกภายนอกให้การยอมรับพวกเขา แต่ชีวิตในโรงเรียน พวกเขาถูกมองว่าไม่เอาไหน นั่งหลับในห้อง วิชาการไม่เข้าหัว เมื่อเขาตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะเอาสูตรคำนวณฟิสิกส์ที่เขียนไว้บนกระดานดำหน้าชั้นเรียนไปทำอะไรในชีวิตจริง
สารคดี School Town King เป็นภาพยนตร์ที่พูดถึง ‘ความผิดพลาด’
…เปล่าเลย ชีวิตของเด็กสองคนนี้ไม่ใช่ความผิดพลาด หากแต่เป็นความผิดพลาดที่พวกเราสร้างไว้ในระบบการศึกษา ทั้งวิธีการหล่อหลอมให้เด็กเหมือนออกมาจากตราปั๊มอันเดียวกัน เป็นผู้สยบยอมสังคมอำนาจนิยม ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองในเกมที่ไม่มีวันชนะ ยอมรับการถูกตัดสินด้วยมุมมองที่คับแคบ
เป็นความผิดพลาดที่พวกเราทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมโดยไม่สนใจจะแก้ปัญหา ไม่สนใจว่ากำลังมีหลายชีวิตที่ถูกกดหัวไว้ไม่ให้มีโอกาสจะทำอะไร ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ ไม่มีโอกาสได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่มีโอกาสพัฒนาความสามารถ ไม่มีโอกาสที่จะได้รับการยอมรับ ไม่มีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดี
สังคมที่ทำให้เด็กไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะฝัน
[box]
ภาพยนตร์สารคดี School Town King : แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) Eyedropper Fill และ The101.world มีกำหนดเข้าฉายตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม ที่โรงภาพยนตร์ SF World Cinema Central World
[/box]