fbpx

Poetry: บทกวีคอยร้องแทนเราเมื่อเราเจ็บ

*ชื่อบทความจากท่อนหนึ่งในเนื้อเพลง ‘บทกวี’ โดย Stoondio 

บทความชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาส่วนสำคัญของภาพยนตร์

คุณยายมีจาไปโรงพยาบาลเพราะเธอเจ็บแขน เธอพยายามอธิบายความเจ็บของเธอแต่ไม่สำเร็จ เธอบ่นกับหมอว่าเธอเป็นแบบนี้มาพักหนึ่งแล้ว นึกคำอะไรไม่ค่อยออก หมอบอกว่าแขนของเธอไม่ใช่ปัญหา แต่เรื่องนึกคำไม่ออกต่างหากที่น่ากังวล หลังพบหมอเธอเจอแม่คนหนึ่งร้องให้เป็นบ้าเป็นหลัง ทรุดลงกับพื้นขณะที่ร่างหนึ่งถูกลำเลียงเข้าไป ลูกสาวของหล่อนที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับหลานชายโดดน้ำตาย และระหว่างทางกลับบ้าน ที่ป้ายรถเมล์เธอเห็นโฆษณาเชิญชวนไปเรียนวิชาเขียนบทกวี

ในวัยเกษียณ เธอต้องดูแลหลานชายวัยรุ่นแทนลูกสาวที่ไปทำงานที่ปูซาน เธอหาอาชีพเสริมด้วยการรับจ้างเป็นแม่บ้านชั่วคราวคอยดูแลชายชราที่เป็นอัมพฤกษ์ หลานชายเหินห่างปิดกั้นจากเธอ ระหว่างเข้าเรียนเขียนบทกวี เธอได้ค้นพบความจริงสองเรื่อง เรื่องหนึ่งคือหลานชายเธอและเพื่อนๆ ของเขาอาจเป็นสาเหตุให้เด็กสาวต้องฆ่าตัวตาย และเธอค้นพบว่าเธอเองกำลังป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ 

ท่ามกลางความจำที่ค่อยๆ ลบเลือน มีจาค่อยๆ คลำทางไปอย่างเชื่องช้าท่ามกลางความสำนึกผิดต่อเด็กสาวที่ตาย การต้องหาเงินมาวิ่งเต้นคดีให้หลานชาย และร่างกายที่ร่วงโรย เธอมีเพียงบทกวีที่ยังมาไม่ถึงเท่านั้นที่พอจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ดิ้นรนอยู่ท่ามกลางถ้อยคำที่ค่อยๆ สูญสลายและสร้างความหมายขึ้นมาใหม่จากคำที่เหลืออยู่ ชีวิตที่เหลืออยู่

มนุษย์เป็นศูนย์กลางในหนังของ Lee Chang-dong เสมอ ตลอดเวลาเกือบสามสิบปีเขาทำหนังไปแค่หกเรื่อง ทุกเรื่องเล่าเรื่องความคิดจิตใจของมนุษย์ท่ามกลางความหมิ่นเหม่ทางจริยธรรม Peppermint Candy (1999) เล่าย้อนประวัติศาสตร์ชีวิตของชายคนหนึ่งที่เขาพลันตระหนักรู้ขณะกำลังจะฆ่าตัวตาย Oasis (2002) เล่าเรื่องของคู่รักชายสมองทึบที่รักกับหญิงสาวพิการร่างกายผิดรูป Secret Sunshine (2007) เล่าเรื่องของแม่ที่ลูกสาวถูกฆาตกรรม ความพยายามของเธอในการให้อภัยและหลุดพ้นจากความทุกข์ และ Burning (2018) เล่าเรื่องของนักเขียนหนุ่มคนยากที่ตกอยู่ในห้วงรักและความรู้สึกที่ผสมปนเประหว่างความประทับใจกับความริษยาชายหนุ่มร่ำรวยที่เป็นเพื่อนชายอีกคนของเพื่อนสาวที่เขาตกหลุมรัก และหายตัวไป

เราอาจบอกได้ว่าหนังสามเรื่องล่าสุดของเขาล้วนวนเวียนอยู่ในอาชญกรรม ความตาย หรือการหายตัวไปของหญิงสาว เรื่องหนึ่งพูดถึงญาติฝั่งเหยื่อ เรื่องหนึ่งพูดถึงญาติของผู้กระทำ และเรื่องสุดท้ายพูดถึงคนที่อาจเปลี่ยนจากเหยื่อไปเป็นผู้กระทำเสียเอง ‘สภาวะของมนุษย์’ รอบๆ การสูญเสีย อาชญากรรม และความตาย โดยให้ตัวละครที่สับสนมึนงงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในหนังทั้งสามเรื่อง ตัวละครไม่มีวันเข้าใจเรื่องชั่วร้ายที่เกิดขึ้นกับพวกเขาได้ พวกเขาพยายามทำความเข้าใจเพื่อก้าวข้ามการยึดเหนี่ยวตัวเองอยู่กับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ใน Secret Sunshine คือศาสนา ใน Burning คือวรรณกรรม และใน Poetry คือบทกวี และพบว่าถูกสิ่งยิ่งใหญ่เหล่านั้น หักหลัง รื้อทำลายตัวตนของพวกเขาลง

ในกรณีของมีจา หลังจากรับรู้ว่าหลานชายอาจเป็นหนึ่งในเด็กที่ข่มขืนและข่มขู่เด็กสาวยาวนานจนเธอต้องฆ่าตัวตาย สิ่งที่เธอใช้รับมือกับมันคือการเขียนบทกวี ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยเขียนบทกวีมาก่อน ซ้ำยังกำลังสูญเสียความสามารถของการค้นหาถ้อยคำไปทีละน้อยอีกด้วย 

หนังไม่เล่าชีวิตของเธอมากนัก ปล่อยให้ผู้ชมสังเกตผ่านการแต่งกายและนิสัยเล็กๆ น้อยๆ มีจาสวมชุดสวยตลอดเวลา พูดจาสุภาพ ถึงแม้จะชอบเล่นมุก แต่เธอไม่สู้คน เป็นสัตว์สวยงามที่ไม่อาจปกป้องตัวเอง เธอไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับเรื่องยุ่งยาก พอเกิดเหตุขึ้นเธอก็ไม่สามารถพูดคุยกับหลานได้ แม้แต่จะถามออกมายังไม่กล้า เกือบทั้งเรื่องมีจาแวดล้อมไปด้วยพวกผู้ชาย ทั้งคุณตาอัมพฤกษ์ที่เธอไปดูแล และเขาร้องขอบางสิ่งจากเธอ หลานชายที่ไม่ได้แยแสเธอขนาดนั้น และบรรดาผู้ปกครองของแก๊งเด็กที่ทุกคนเป็นพ่อเด็ก กระทั่งครู นักข่าวก็เป็นผู้ชาย หรือแม้แต่อาจารย์และตำรวจที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนบทกวีก็เป็นผู้ชาย 

หนังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้เกียรติเธอ ขณะเดียวกันก็ปฏิบัติต่อเธอในฐานะคนที่ไร้อำนาจที่อยู่ต่ำกว่า สอนเธอ ตะล่อมเธอ และพูดแทนเธอ พวกเขาพูดถึงเหยื่อผู้หญิงว่า “เป็นเด็กตัวเตี้ยหน้าตาธรรมดา” และลับหลังพูดถึงเธอที่งุนงงและงกๆ เงิ่นๆ กับข่าวร้ายว่า “ช่างน่าสงสาร ลูกสาวคงไม่ส่งเงินมาและช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่ากำลังเจอเรื่องใหญ่” ลึกๆ พวกเขาไม่เชื่อว่าเด็กสาวจะเป็นเหยื่อของเหล่าลูกชาย และไม่เชื่อว่ามีจาจะพึ่งพาได้ นักข่าวที่สืบคดีก็เข้าทางเธอ และเมื่อจวนตัว เธอก็ถูกส่งไปต่อรองกับแม่เหยื่อ เพราะ ‘เป็นผู้หญิงเหมือนกัน’

ตลอดทั้งเรื่องเธอจึงเป็นคนคนเดียวที่พูดไม่ได้ ทั้งจากเพราะไม่รู้จะพูดอะไร พูดอย่างไร เพราะไม่มีคนให้พูดด้วย เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น และต้องพูดผ่านวิธีอื่น เธอพูดกับหลานชายผ่านอาหารที่ทำให้เขากิน หรือเมื่อต้องคุยเรื่องอาชญากรรม หลานชายก็แกล้งทำเป็นหลับ เธอจึงต้องพูดผ่านการเอารูปเด็กสาวมาวางบนโต๊ะ เวลาเธอโกรธ เธอจะไม่ตีหลานตรงๆ แต่ไล่ให้เขาไปเก็บบ้าน เมื่อจะบอกลาเธอก็พาเขาไปกินอาหารดีๆ กับบรรดาพ่อๆ เธอแทบไม่แสดงความเห็น นั่งนิ่งเงียบ กับนักข่าว เธอก็โดนหลอกถาม จนเผลอพูดบางอย่างที่ทำให้ต้องโดนดุ เธอพูดด้วยภาษาของเธอ แต่เสียงที่เปล่งออกมา ไม่ถูกนับให้เป็นเสียง คนรอบข้างทั้งหมดพูดด้วยภาษาของพวกผู้ชาย เธอไร้อำนาจเพราะพูดในภาษาแบบผู้ชายไม่ได้ และยิ่งไร้อำนาจมากขึ้นเมื่อค่อยๆ สูญเสียถ้อยคำไปจากความป่วยไข้ ถึงที่สุด บทกวีกลายเป็นภาษาใหม่ของเธอ ภาษาที่ไม่ต้องการความเข้าใจจากคนเหล่านั้นอีกต่อไป

แต่บทกวีไม่ได้เรียบง่ายอ่อนโยนขนาดนั้น มันแข็งขืนและต่อต้าน เธอเข้าเรียนเขียนบทกวี เชื่อมั่นในพลังของมัน เธอเชื่อว่ามันเป็น ‘ภาษา’ ของเธอ พยายามที่จะเขียนบทกวี จ้องมองเงาของแอปเปิล (ซึ่งพบว่าปอกกินอาจจะถูกกว่า) หรือต้นไม้ ถึงขนาดเข้าร่วมฟังการอ่านบทกวี แต่บทกวีไม่เคยมาถึง เธอเขียนข้อความลงในสมุดจด แต่มันยังไม่สามารถเป็นบทกวี มันยังไม่สามารถเปล่งเสียงของเธอออกมาได้

บทกวีกลายเป็นทั้งการต่อต้านและการหลบหนีจากโลกอันโหดร้าย บทกวีคือการจำสิ่งที่จำไม่ได้แต่ลืมไม่ลง การเลือกถ้อยคำโดยไม่พูดถึงมัน จะว่าไปก็คล้ายกับอาการอัลไซเมอร์ หมอบอกเธอว่าเธอจะเริ่มลืมจากคำนาม จากนั้นเธอจะลืมคำกริยา ถ้อยคำสูญหาย ชีวิตสูญหาย ในแง่นี้ ชีวิตที่คล้ายเรื่องเล่า ที่ประกอบขึ้นจากประโยค ก็ลดรูปลงไปเป็นเพียงบทกวีเข้าจนได้ ชีวิตที่คำนามสาบสูญ เหลือเพียงกริยาอาการของเสียงนกร้อง หรือลูกแอปริคอตที่หล่นจากต้น ชีวิตเธอค่อยๆ กลายเป็นบทกวีที่ต้องปะติดปะต่อและตีความ เธออาจจะยังเขียนบทกวีไม่ได้ แต่คำในหัวเธอได้กลายเป็นบทกวีเสียเอง หากในทางตรงกันข้าม ในชั้นเรียนเขียนบทกวี อาจารย์ให้ทุกคนผลัดกันออกมาเล่าถึงช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต มีจากลับเล่าเรื่องตอนที่เธอยังเล็ก ยังไม่รู้ความ และยังไม่มีความทรงจำ เธอจำได้ว่าพี่สาวเรียกเธอเข้าไปหา เธอคลานเข้าไป เธอบอกว่าวันนั้นเธอแต่งตัวสวยมาก วันนี้เธอยังแต่ตัวสวยและความทรงจำที่ควรถูกลืมกลับย้อนคืนมาขณะที่สิ่งที่ต้องจำกำลังเลือนหาย นี่ใยมิใช่รูปแบบหนึ่งของบทกวี 

บทกวีกลายเป็นสิ่งที่งดงงามและศักดิ์สิทธิ์สำหรับเธอ หนังติดตามเธอไปเข้าร่วมชมรมอ่านบทกวี และพบว่ามีตำรวจคนหนึ่งมาอ่านบทกวีที่งดงาม ขณะเดียวกันก็เล่นมุกตลกลามก ในเวลาต่อมา เธอตามชาวชมรมไปกินเลี้ยงก็เจอกับอาจารย์สอนบทกวีของตัวเอง ที่พูดว่า นี่คือเวลาที่บทกวีกำลังตาย บทกวีกลายเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นและสิ่งที่กำลังตาย ความเชื่อมั่นในบทกวีของเธอจึงเป็นสิ่งไร้ความหมาย เธอเรียนภาษาที่ตายแล้วและเอามันไปต่อรองอะไรกับโลกที่ห้อมล้อมเธอไม่ได้ ทุกคนก็เป็นเหมือนผู้ปกครองของเพื่อนๆ หลานชาย เธอยังคงไม่สามารถพูดได้ด้วยตัวเอง ในฉากหนึ่งเธอเมื่อเธอไม่พอใจต่อมุกตลกของนายตำรวจ สิ่งที่เธอทำคือเล่าให้กวีหญิงคนหนึ่งฟัง และกวีหญิงคนนั้นเป็นคนพูดแทนเธอ ถึงที่สุด บทกวีกลายเป็นเหมือนดอกคาเมเลียสีแดงในห้องตรวจของหมอ เธอชอบดอกคาเมเลียสีแดง เพราะสีแดงในภาษากวีเป็นสีของความเจ็บปวด -เธอบอกหมอเช่นนั้น แต่เธอมาสังเกตแล้วพบว่า มันเป็นดอกไม้ปลอม ปลอมแบบเดียวกับบทกวีที่เธอพยายามจะเข้าหา 

แต่บทกวีก็โอบรับเธอด้วย เพราะบทกวีทำให้เธอได้อยู่กับตัวเอง ใคร่ครวญและครุ่นคิด เธอไปยังที่เกิดเหตุ ยืนดูสะพานที่เด็กสาวกระโดดลงไป หมวกของเธอปลิวลงไปในน้ำ และเธอสัมผัสสายลม เม็ดฝน ในฉากนี้เธอนั่งริมแม่น้ำ ต่อหน้ากระดาษว่างเปล่า แล้วฝนก็ตกลงมา เม็ดฝนบนหน้ากระดาษกลายเป็นเฉกเช่นบทกวี 

ต่อมาในฉากที่เธอถูกขอร้องให้ไปต่อรองกับแม่ของเด็กสาว เพราะเธอเป็นคุณยายใจดีน่ารัก เธอไปที่บ้านของเด็ก แม่เด็กเป็นชาวสวนยากลำบากที่ออกไปทำสวนแล้ว เธอออกไปเดินตามหาผ่านสวนแอปริคอต เก็บลูกที่หล่นมาเคี้ยวกิน และเป็นครั้งแรกที่เธอเข้าใกล้รสของบทกวี บทกวีแสนเศร้าสั้นๆ ว่าด้วยแอปริคอตที่ร่วงหล่น ถูกเหยียบย่ำ เพื่อเกิดใหม่ และในฉากนี้เองดูเหมือนเป็นฉากเดียวที่เธอได้ ‘พูดคุย’ จริงๆ ผู้หญิงสองคนคุยกันเรื่องลมฟ้าอากาศ รสชาติของผลไม้และความยากลำบากของการเกษตร บทสนทนาเรื่อยเปื่อยอันรื่นรมย์ จนเมื่อเธอหันหลังจากมาจึงรู้ว่า เธอลืมเรื่องที่เธอต้องมาพูดจริงๆ ไปเสียสนิท 

บทกวีหักหลังเธอ แต่บทกวีก็ปลอบประโลมเธอด้วย ในที่สุดเธอเลือกเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ เท่าที่กำลังของเธอจะมี ไม่ใช่การปกป้องหลานชาย แต่คือจริยธรรมในจิตใจของเธอเองด้วย ความเป็นสัตว์อ่อนแอเพศหญิงของเธอกลายเป็นเครื่องมือเดียวที่เธอมี และเธอจำต้องใช้มัน จำเป็นต้องกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเด็กสาวที่ฆ่าตัวตาย

ในที่สุดเป็นเธอที่เขียนบทกวีมาส่งในวันจบการศึกษา ในฉากสุดท้ายของหนัง เสียงอ่านบทกวีของเธอซึ่งไม่ได้เขียนให้หลานชาย แต่เขียนให้เด็กสาว เสียงของเธอค่อยๆ ถูกกลืนกลายเป็นเสียงของเด็กสาวคนนั้นที่อ่านบทกวีที่เขียนให้เธอ ในทางหนึ่ง ผู้หญิงสองคนเชื่อมโยงกันมาตลอด ผ่านการถูกกระทำจากเพศชายในหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะวิธีการที่มีจาต้องไปหาเงินมาจ่ายค่าเยียวยา บทกวีกลายคำสารภาพ ความปรารถนาดีและเสียงอ้อนวอนจากคนที่พูดไม่ได้และกำลังจะไม่มีภาษาเป็นของตัวเอง หากในทางหนึ่งบทกวีก็เป็นภาษาของการหลีกเลี่ยงการผเชิญหน้า ผ่านทางอุปมาอุปไมยต่างๆ แทนที่จะพูดออกมาตรงๆ แต่ในตอนจบของหนังนี้เอง บทกวีได้นำพาไปสู่การผเชิญหน้าที่แท้จริง ไม่ใช่ระหว่างเธอกับหลานชาย แต่เป็นผู้ชมกับเด็กสาว พยานรู้เห็นกับเหยื่อ

ถึงที่สุดบทกวีกลายเป็นเสียงสะท้อนของสัตว์ที่เจ็บปวด เสียงที่ไม่มีไวยากรณ์ของเหตุผล บทกวีที่ทำหน้าที่ ‘ร้องแทนเราเมื่อเราเจ็บ’ ภายใต้ความอ่อนแอ เปราะบางกำลังตายของมัน บทกวีกลับกลายเป็นไม่กี่ทางเลือกที่เราจะได้พูดออกมาจริงๆ

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

4 Aug 2020

การสืบราชสันตติวงศ์โดยราชสกุล “มหิดล”

กษิดิศ อนันทนาธร เขียนถึงเรื่องราวการขึ้นครองราชสมบัติของกษัตริย์ราชสกุล “มหิดล” ซึ่งมีบทบาทในฐานะผู้สืบราชสันตติวงศ์ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร 2475

กษิดิศ อนันทนาธร

4 Aug 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save