อาร์ม ตั้งนิรันดร เรื่อง
Shin Egkantrong ภาพประกอบ
เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว นายกฯ หลี่เค่อเฉียงของจีนเพิ่งแถลงผลการปฏิบัติงานในปีที่ผ่านมาและแผนงานในปีถัดไปต่อสภาประชาชนจีน
ชาวจีนและชาวโลกต่างจับตามองว่าท่านนายกฯ จะมีแผนรับมือเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงและกำลังเผชิญศึกสงครามการค้ากับสหรัฐฯ อย่างไร
อาจสรุปสิ่งที่น่าสนใจจากรายงานของท่านได้ 4 ข้อครับ
หนึ่ง ท่านยอมรับความผันผวนและตั้งเป้าให้เศรษฐกิจจีนในปีนี้โตต่ำลง โดยตั้งเป้าการเติบโตของจีดีพีในปีนี้ที่ 6-6.5% จะสังเกตได้ว่า ท่านตั้งเป้าเป็นช่วงตัวเลข ซึ่งจะทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อพิจารณาถึงความผันผวนที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก รวมทั้งความไม่แน่นอนว่านโยบายเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลจีนจะสำเร็จเพียงใด
อีกตัวเลขหนึ่งที่ท่านตั้งเป้าไว้อย่างน่าสนใจ คือ สัดส่วนการขาดดุลงบประมาณต่อจีดีพี ซึ่งท่านตั้งเป้าไว้ให้ที่ 2.8% ในปีนี้ ซึ่งถือว่าสูงกว่าปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 2.6% โดยนักวิเคราะห์มองว่า การขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นจะมาจากนโยบายลดภาษีของจีนเป็นหลัก
ภาษาที่ท่านนายกฯ ใช้ในคำแถลง แสดงให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจ โดยท่านกล่าวว่าจีนมีความเสี่ยงและความท้าทายทางเศรษฐกิจที่หนักและซับซ้อนขึ้น ซึ่งมาจากปัจจัยทั้งที่คาดเดาได้และคาดเดาไม่ได้ และจีนต้องเตรียมพร้อมรับมือที่จะต่อสู้ศึกหนักในทางเศรษฐกิจในปีนี้
นับว่าส่งสัญญาณชัดเจนครับว่า เศรษฐกิจจีนคงต้องชะลอตัวต่อไป ไม่สามารถเติบโตร้อนแรงดังในอดีต ภาวะนี้คนจีนเรียกว่าเป็น ‘New Normal’
สอง นโยบายที่โดดเด่นในปีนี้คือ การลดภาษี เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม โดยจะลดภาษี VAT ของผู้ผลิตลง 3% (จาก 16% มาอยู่ที่ 13%) นอกจากนั้น ยังลดภาษี VAT สำหรับบริษัทก่อสร้างและบริษัทขนส่งลง 1% (จาก 10% มาอยู่ที่ 9%)
เป้าหมายหลักของนโยบายลดภาษี เพื่อต้องการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรม เพราะภาคอุตสาหกรรมสามารถส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจได้เป็นลูกโซ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ้างงาน รวมทั้งการลงทุนที่จะเพิ่มสูงขึ้น
รัฐบาลยังมีนโยบายอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ เช่น การลดจำนวนเงินที่นายจ้างจะต้องจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมของลูกจ้าง ลดค่าผ่านด่านทางด่วนระหว่างเมืองต่างๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนทางโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการ นอกจากนั้น รัฐบาลยังตั้งเป้าลดราคาค่าไฟในภาคอุตสาหกรรมลง 10% ลดค่าอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ลง 15% และลดค่าโทรศัพท์มือถือลง 20% เพื่อช่วยลดต้นทุนธุรกิจของผู้ประกอบการ
สาม ท่านไม่ได้กล่าวถึงแผน ‘Made in China 2025′ ในรายงานประจำปี แต่ยืนยันว่าจีนจะเดินหน้าพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรม
การที่ท่านนายกฯ หลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า ‘Made in China 2025’ ก็เพื่อลดความกังวลและลดกระแสว่าจีนจะขึ้นมาแข่งและคุกคามสหรัฐฯ ในด้านเทคโนโลยี ซึ่งก่อนหน้านี้หลายฝ่ายมองว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สหรัฐฯ ก่อสงครามการค้าขึ้น เพื่อทัดทานการผงาดขึ้นมาของจีน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่ใช้คำพูด ‘Made in China 2025’ แต่จีนก็ยังคงยืนหยัดในการดำเนินแผนอุตสาหกรรม เพราะนายกฯ หลี่เค่อเฉียงยังคงแถลงชัดเจนว่า จีนจะเร่งเครื่องสร้างประเทศให้มีความแข็งแกร่งในภาคอุตสาหกรรม โดยหัวใจหลักคือการยกระดับเทคโนโลยี
พูดง่ายๆ ก็คือ ถึงท่านนายกฯ จะเลิกใช้สโลแกน แต่เนื้อหาและความมุ่งมั่นในการยกระดับอุตสาหกรรมยังอยู่ครบในรายงานครับ
สี่ รัฐบาลจีนกลับมาพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ และเปิดช่องทางให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้น
นายกฯ หลี่เค่อเฉียงแถลงว่า ให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถออกพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นเฉพาะกิจ (Special Purpose Bond) ได้ โดยตั้งเป้าจะออกถึง 2.15 ล้านล้านหยวน เพื่อระดมทุนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศ
นักวิเคราะห์มองว่าการออกพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นเฉพาะกิจ เป็นเคล็ดลับและมายากลการเงินใหม่ของรัฐบาลจีน เพราะตามหลักสากล สถิติหนี้ของรัฐบาลจะไม่รวมพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นเฉพาะกิจเหล่านี้ ทำให้คนภายนอกไม่มองว่านี่เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดวิกฤตหนี้ของรัฐบาล
ตัวเลข 2.15 ล้านล้านหยวน สูงกว่าการออกพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นเฉพาะกิจในปีที่แล้วอยู่มาก แต่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความคาดหมายเดิมของตลาด ที่เดิมหลายฝ่ายเคยคิดว่ารัฐบาลจีนอาจพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยตัวเลขที่สูงกว่านี้อีก
ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลจีนพยายามควบคุมการระดมทุนและการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อจัดการกับปัญหาหนี้รัฐบาลที่เพิ่มพูนขึ้นทุกปี และที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าอาจเป็นชนวนก่อให้เกิดวิกฤตการเงินในอนาคต
อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าในปัจจุบัน รัฐบาลจีนมองว่าการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง มีความสำคัญไม่แพ้การรับมือความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตการเงิน ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการหันกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจ และยอมเปิดให้รัฐบาลท้องถิ่นระดมทุนในปริมาณที่สูง โดยใช้เครื่องมือใหม่ๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นเฉพาะกิจ
จากรายงานของท่านนายกฯ หลี่เค่อเฉียง เราจะเห็นว่าความท้าทายพื้นฐานของเศรษฐกิจจีน อยู่ที่จะรักษาสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอย่างไร เพื่อรับมือกับความผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกในขณะนี้ คำแถลงของท่านนายกฯ เปิดลายแทงว่า รัฐบาลจีนจะเลือกใช้เครื่องมือที่หลากหลาย เช่น การลดภาษีหรือการออกพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นเฉพาะกิจ ส่วนที่ว่าผลของนโยบายเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการและเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหรือไม่ คงต้องจับตาวิเคราะห์กันอย่างใกล้ชิดต่อไปครับ