อาร์ม ตั้งนิรันดร เรื่อง
Shin Egkantrong ภาพประกอบ
คนจีนชอบจัดงานเฉลิมฉลองและรำลึกวาระสำคัญ โดยจะต้องจัดงานให้ใหญ่โต แถมท่านผู้นำประเทศจะต้องออกมาพูดอะไรให้เป็นข่าวสะเทือนไปทั่วโลก
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ปีที่แล้ว เป็นการเฉลิมฉลองใหญ่ 40 ปี การเปิดและปฏิรูปประเทศของจีน ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์จีนและโลก ในวันนั้น ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงก็ออกมาประกาศว่า จีนจะไม่ยอมให้ใครมาสั่งว่าจีนควรพัฒนาอย่างไร!
พอเปิดศักราชใหม่ เพียงวันที่ 2 มกราคม จีนก็จัดงานเฉลิมฉลองใหญ่อีก คราวนี้เป็นวาระครบรอบ 40 ปี การออกจดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนร่วมชาติในเกาะไต้หวัน ซึ่งจดหมายเมื่อ 40 ปีก่อน เรียกร้องให้รวมชาติอย่างสันติ ในสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงคราวนี้ ก็ทำให้ท่านเป็นข่าวหน้าหนึ่งทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อท่านประกาศยืนยันว่าจะรวมชาติอย่างสันติ แต่ก็พร้อมใช้กำลังถ้าเกิดรวมกันอย่างสันติไม่ได้!
จริงๆ วันที่ 2 มกราคม ยังเป็นวาระสำคัญอีกอย่าง คือเป็นวันครบรอบ 40 ปี การเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับสหรัฐอเมริกา แต่รัฐบาลจีนไม่ได้ฉลองอะไรมาก ก็สงครามการค้ากำลังร้อนระอุอยู่นี่
สำหรับใน ปี ค.ศ.2019 นี้ ถือได้ว่าเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองวาระสำคัญหลายอย่างของจีน แต่เมื่อเรามาดูทีละอย่าง ก็จะพบว่าภายใต้งานใหญ่ที่กำลังจะจัดขึ้น แท้จริงล้วนมีแผลเก่าซ่อนอยู่ใต้พรม
งานใหญ่งานต่อไปที่จะมาถึงก็คือ วันที่ 28 มีนาคม จะเป็นวาระครบรอบ 60 ปี การปลดปล่อยธิเบตออกจากการปกครองของดาไลลามะ รัฐบาลจีนจะต้องประกาศความสำเร็จในการปกครองธิเบต ขณะเดียวกันก็คงคาดเดาได้ว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงคงออกมายืนยันว่าธิเบตเป็นส่วนหนึ่งของจีน
แต่ในวันเดียวกัน ชาวธิเบตที่ลี้ภัยอยู่ทั่วโลกก็คงรำลึกถึงการต่อสู้ที่ล้มเหลวเมื่อ 40 ปีที่แล้ว รัฐบาลจีนเองก็คงจะต้องเพิ่มระดับการเผ้าระวังการประท้วงหรือการก่อความไม่สงบในธิเบตในช่วงวาระสำคัญนี้
ถัดมาในเดือนพฤษภาคม ก็จะเป็นงานยักษ์ คือ การเฉลิมฉลอง 100 ปี ของขบวนการวัฒนธรรมใหม่ 4 พฤษภาคม 1919 ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของจีน นี่เป็นจุดเริ่มต้นการรณรงค์วัฒนธรรมใหม่ โดยนักศึกษาในมหาวิทยาลัยปักกิ่งในสมัยนั้น เดินขบวนเรียกร้องหา ‘คนสองคน’ ได้แก่ นายไซ กับนายเต๋อ โดยนายไซ ก็คือ Science ส่วนนายเต๋อ ก็คือ Democracy ด้วยความเชื่อว่า จีนต้องการวัฒนธรรมใหม่ คือวัฒนธรรมความคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์และประชาธิปไตย
ผลของการเรียกร้องครั้งนั้น ทำให้มีการบุกเบิกการเรียนการสอนความคิดใหม่ๆ ในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง มีการเปิดกว้างทางวิชาการอย่างเสรี ผลที่ตามมาก็คือ เริ่มมีการเรียนการสอนความคิดมาร์กซเป็นครั้งแรกในจีน จนสุดท้ายนำไปสู่การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี ค.ศ.1921
ดังนั้น 100 ปี ของขบวนการวัฒนธรรมใหม่ 4 พฤษภาคม 1919 จึงเป็นหมุดหมายสำคัญที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องเฉลิมฉลองแน่นอน แต่ทราบไหมครับว่า 4 พฤษภาคม ก็เป็นวันที่ซ่อนแผลเก่าเช่นกัน
เพราะในวันเดียวกัน ก็จะเป็นวาระครบรอบ 30 ปี ของเหตุการณ์เทียนอันเหมินอีกด้วย เมื่อ 30 ปี ที่แล้ว นักศึกษาในมหาวิทยาลัยปักกิ่งในยุคนั้นได้ใช้โอกาสวันที่ 4 พฤษภาคม เริ่มต้นประท้วงรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ ต่อมามีนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ในจีนเข้าร่วมจำนวนมาก แต่รัฐบาลจีนในสมัยนั้นไม่ยอมโอนอ่อนตามข้อเรียกร้อง จนนำไปสู่เหตุการณ์เทียนอันเหมินทมิฬ จนปัจจุบัน เหตุการณ์ดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่ถูกห้ามกล่าวถึงในเมืองจีน
ส่วนการฉลองยักษ์ใหญ่ที่สุดในปี ค.ศ.2019 ก็คือ การฉลองครบรอบ 70 ปี การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (พรรคคอมมิวนิสต์จีนชนะสงครามกลางเมือง) ในวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งถือเป็นวันชาติจีน งานนี้จะมีการตรวจสวนสนามทหารครั้งใหญ่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินด้วย
งานวันชาติจีน ต้องการสะท้อนความเป็นปึกแผ่นของคนจีนและชาติจีน แต่ใต้พรมที่ซ่อนอยู่ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า จีนยังเผชิญความท้าทายทั้งในเรื่องความเหลิ่อมล้ำระหว่างชนชั้น ระหว่างภูมิภาค ความขัดแย้งระหว่างความคิดก้าวหน้าและอนุรักษนิยมในประเทศ รวมทั้งระหว่างความคิดเสรีนิยมและความคิดอำนาจนิยมด้วย
ในวันที่จีนฉลองสิ่งที่ดูเหมือนความสำเร็จ แต่แผลเก่าก็ยังคงตามหลอกหลอนอยู่นั่นเอง