ปรีดี หงษ์สต้น เรื่อง
เมื่อช่วงเปิดปีใหม่มาสดๆ โลกทั้งโลกก็จับตาไปที่อิหร่านทันที
ผมเข้าใจว่าปัญญาชนนักอ่านทั้งหลายย่อมเสาะแสวงหาอ่านข้อมูลเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และการเมืองอิหร่านสมัยใหม่หลากหลาย เพื่อพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์อันตึงเครียดนี้
ผมใคร่ขอเพิ่มเติมเรื่องราวของอิหร่านอีกสักเรื่องหนึ่ง โดยหวังจะให้ขยายมิติของประเทศนี้ในความรับรู้และความเข้าใจของคนที่ใช้ภาษาไทย ถือว่าเป็นการบอกเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์นะครับ
อิหร่านของผมต่อไปนี้เป็นอีกอิหร่านหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในข่าวสงครามระหว่างประเทศ
อิหร่านของผม
ความเป็นอิหร่านไม่ได้อยู่ในประเทศอิหร่านเท่านั้น มีคนอิหร่านอีกมายมายที่เดินทางและใช้ชีวิตอยู่ตามแห่งหนต่างๆ ทั่วโลก ผมรู้จักกับความเป็นอิหร่านอีกแบบหนึ่งผ่านการใช้ชีวิต และการใช้ชีวิตทำให้เราพบพานกับกัลยาณมิตรซึ่งจะช่วยให้มุมมองของเราเปิดกว้างขึ้น เข้าใจมุมมองของคนที่อยู่ห่างไกลจากจุดตั้งต้นแบบเดียวกับเรา กับโลกของเรา
ความเป็นอิหร่านนี้คือเพื่อนของผมเอง เขาชื่อโชวัน ชัตตัก (Showan Shattak) คนหนุ่มผู้มีความตั้งใจและพลังอันลุกโชน
ปี ค.ศ.1986 พ่อแม่ของโชวันเดินทางจากประเทศอิหร่านมายังประเทศสวีเดน อีกสองปีถัดมาพวกเขาก็ให้กำเนิดเด็กแฝดที่เมืองมัลเมอ เมืองใหญ่ทางใต้สุดของสวีเดน โชวันเติบโตขึ้นในฐานะลูกของผู้ย้ายถิ่นในดินแดนที่ห่างไกลจากบ้านที่พ่อแม่ตนเองจากมา
พอโชวันอายุได้ 13 ปี พ่อแม่ของโชวันหย่าขาดจากกัน สถานการณ์ในชีวิตทำให้เขาแสวงหาพื้นที่ที่เขาจะได้แสดงความรู้สึก ความใฝ่ฝัน พื้นที่ๆเขาจะสามารถปลดปล่อยพลังคนหนุ่มของตัวเองออกมาให้ได้
โชวันเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแฟนคลับสโมสรฟุตบอลมัลเมอ (Malmö FF) และชีวิตจากนั้นของเขาก็มีฟุตบอลเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ
ฟุตบอลกับการเมือง
ในที่สุดเมื่อย่างเข้าวัยหนุ่มเต็มตัว โชวันกับเพื่อนๆ ร่วมกันตั้งกลุ่มแฟนคลับต่อต้านการเหยียดรักร่วมเพศ (Football against Homophobia) และขณะเดียวกันก็เข้าร่วมกลุ่มต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ
โชวันฝากใจไว้กับสโมสรฟุตบอลมัลเมอ เขาเข้าร่วมและช่วยเหลือกิจกรรมต่างๆ ของแฟนคลับสโมสรนี้เสมอ เขาบอกว่าเขาได้พบกับบ้านและครอบครัวของเขาแล้ว

เขารู้สึกได้ว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของอะไรบางอย่างที่ใหญ่กว่าตัวเองแล้ว และนั่นเป็นจุดเชื่อมโยงของแฟนคลับฟุตบอลของมัลเมอและการเมืองของสวีเดน
ในที่สุดโชวันเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสันนิบาตเยาวชนพรรคสังคมประชาธิปไตยสวีเดน (Social Democratic Youth League) โชวันบอกว่าพ่อของเขาสนับสนุนการเข้าร่วมทางการเมืองนี้ด้วย
ปีที่เขาเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเป็นปีเดียวกับที่จอร์จ ดับเบิลยู บุช นำสหรัฐอเมริกาเข้ารุกรานอัฟกานิสถาน พร้อมทั้งสนับสนุนให้กองกำลังของอิสราเอลบุกดินแดนปาเลสไตน์
โชวันเข้าร่วมการจัดตั้งองค์กรและการประท้วงนโยบายต่างประเทศและรัฐบาลของสหภาพยุโรปผ่านสันนิบาตเยาวชนแห่งนี้ ประสบการณ์ในช่วงนั้นทำให้เขาเรียนรู้การจัดตั้งและคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองมากขึ้น
ขณะเดียวกันความตื่นตัวทางการเมืองของพ่อและแม่ของเขา ก็ทำให้เขารู้จักคนทั้งสองในมุมที่ต่างออกไป ผ่านอีกมุมหนึ่งที่เขาไม่ใช่เพียงลูก ไม่ใช่เพียงสมาชิกครอบครัว แต่เขาเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน เป็นสมาชิกของอะไรที่ใหญ่ไปกว่าครอบครัวของพวกเขาเอง
ในเวลานี้ สันนิบาตเยาวชนพรรคสังคมประชาธิปไตยสาขาทางใต้ ในเมืองมัลเมอร์และเมืองลุนด์ (Lund) ถือว่าเป็นสาขาที่มีจุดยืนทางการเมืองไปทางซ้ายมากที่สุดในประเทศ
ประสบการณ์ที่ซาเลม
การเข้าร่วมทางการเมืองทำให้เขาสร้างความเป็นปึกแผ่นกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่นๆ ใน ค.ศ.2007 เขาเข้าร่วมกับกลุ่ม Autonomous ซึ่งมุ่งสร้างการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นอิสระจากโครงสร้างอำนาจทางการเมืองแบบเดิม
ทุกๆ ต้นเดือนธันวาคมของทุกปี กลุ่มนาซีใหม่ (Neo-Nazi) ในสวีเดนจะมีการรวมตัวเดินขบวนกันที่ซาเลม (Salem) อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองสตอล์คโฮล์ม
โชวันอายุได้ 19 ปีเต็มในปีนั้น และเขาตัดสินใจเดินทางไปที่ซาเลมกับสหายของเขา และสิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาตัดสินใจว่าจะต้องมีการจัดตั้งการเคลื่อนไหวต่อต้านฟาสซิสต์

เขาเริ่มขยับออกจากการเป็นส่วนหนึ่งในสันนิบาตเยาวชนพรรคสังคมประชาธิปไตยสวีเดน และเริ่มเคลื่อนไหวภายใต้องค์กรอิสระต่อต้านฟาสซิสต์ที่ไม่ต้องการอาศัยการนำจากพรรคการเมืองในระบบรัฐสภาที่เป็นอยู่
ปี ค.ศ.2008 เป็นปีที่สวีเดนเจอวิกฤตเศรษฐกิจ และมณฑลทางใต้ของสวีเดนได้รับผลกระทบอย่างหนัก เกิดการประท้วงมากมายในเมืองมัลเมอและลุนด์ โชวันเข้าร่วมในการเคลื่อนไหวตลอดปีนั้น ทั้งในเรื่องต่อต้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล และการต่อต้านการใช้ผู้ย้ายถิ่นเป็นแพะของปัญหาซึ่งเป็นทางออกที่ง่ายของชนชั้นนำและนักการเมืองฝ่ายขวาของสวีเดน
โดยเฉพาะชุมชนชาวอาหรับและชาวยิวในสวีเดนมักจะเป็นเป้าโจมตีเสมอ และโชวันจะอยู่แถวหน้าในการต่อต้านและการพยายามประสานความสัมพันธ์ของคนในชุมชนเอาไว้
ปะทะ
ช่วง ค.ศ.2009 – 2011 กลุ่มขวาจัดในสวีเดน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกลุ่มขวาจัดทั้งหมดในสแกนดิเนเวีย สนับสนุนให้คนของตนออกไปทำร้าย ไปยิงคนที่ดูว่าเป็นเชื้อชาติอื่นๆ ในเมืองมัลเมอ
ท่ามกลางการกระทำอันอุกอาจเหล่านี้ เห็นได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสะสมเชื้อความรุนแรงที่ทำให้เกิดสังหารหมู่ครั้งใหญ่ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2011 ในเมืองออสโลว์ ประเทศนอร์เวย์
โชวันย้ำกับผมว่า ในช่วงเวลาก่อนและหลังจากนั้นมีความเคลื่อนไหวของฝ่ายนิยมนาซีใหม่อย่างสม่ำเสมอ เหตุการณ์นั้นจึงไม่ได้เป็นเอกเทศแยกจากเหตุการณ์อื่นๆ
ในวันที่ 8 มีนาคม 2014 วันสตรีสากล วันนั้นเช่นเดียวกับวันสำคัญอื่นๆ โชวันเข้าร่วมการเดินขบวนประท้วงเรียกร้อง โดยเฉพาะที่จัตุรัสเมิลลัน (Möllevångstorget) ที่เมืองมัลเมอ ถือเป็นศูนย์กลางของความเคลื่อนไหวฝ่ายซ้าย Autonomous ของทางใต้สวีเดน

คืนนั้น เขาและสหายกำลังเดินผ่านผับหนึ่ง และในผับนั้นมีสมาชิกของกลุ่มนาซีใหม่อยู่หลายคน
คืนนั้นทั้งโชวัน แฟนของเขาและเพื่อนที่เป็นผู้หญิงถูกดักโจมตีโดยคนกลุ่มนั้น พวกเขาถูกแทงและทำร้าย เขาได้รับบาดเจ็บที่หัว
โชวันบาดเจ็บสาหัสอยู่ในอาการปางตาย เวลานั้นเขาอายุ 26 ปี
ตำรวจและหลังจากนั้น
7 วันหลังจากนั้น ผู้คนราว 10,000 คนออกมาเดินประท้วงบนถนนของเมืองมัลเมอ สนับสนุนโชวันและสหายของพวกเขา
ในเรื่องของคดี ตำรวจไม่ได้กักตัวผู้ต้องหาหลักเอาไว้ ผู้ต้องหาคนนั้นเดินทางหนีออกไปประเทศยูเครนเพื่อไปร่วมกับกลุ่มนาซีใหม่ที่นั่น แต่ในที่สุดเขาก็ถูกควบคุมตัวโดยอินเตอร์โพลและถูกนำตัวขึ้นศาลในสวีเดนในเวลาต่อมา
ศาลชั้นต้นตัดสินให้เขาพ้นความผิด แต่ศาลฏีกากลับคำพิพากษาให้ต้องโทษจำคุกสถานเบา
กรณีคำตัดสินของศาลเรื่องการทำร้ายโชวันและเพื่อนของเขากลายเป็นที่ถกเถียงสาธารณะในสวีเดน ถึงตำแหน่งแห่งที่ของการเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายต่อต้าน ภายในสังคมที่ไม่ใช่เพียงสวีเดน แต่เป็นทั้งสแกนดิเนเวียและยุโรป
ต่อไป
ผมมีนัดกับโชวันอีกครั้งในอีกไม่นานนี้ เราอาจจะมีโอกาสได้คุยกันถึงอากาศที่อุ่นลง เราอาจจะกินฟาลาเฟลเจ้าอร่อยที่เราชอบด้วยกัน เราอาจจะได้แปลกเปลี่ยนความสนใจในสิ่งที่เราต่างกำลังอ่านอยู่ ผมไม่แน่ใจนัก
แต่นั่นแหละ ท่านผู้อ่านที่รัก
นี่คืออิหร่านของผม
