คุณยาย (ที่จริงต้องระดับคุณทวด) เอ็มมา โมราโน (Emma Morano) เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา ด้วยวัย 117 ปี กับอีก 137 วัน ถือเป็นคนที่มีอายุมากที่สุดในโลกอันดับห้า ทำให้คุณทวดอีกคนหนึ่ง คือ ไวโอเล็ต บราวน์ (Violet Brown) กลายมาเป็นคนอายุมากที่สุดในโลกแทน ด้วยวัย 117 ปี 39 วัน (ในวันที่ได้ตำแหน่ง)
คำถามก็คือ อะไรทำให้คนเหล่านี้สูงวัยได้ถึงขนาดนี้
ถ้าไปดูในลิสต์ 10 อันดับ คนที่มีอายุมากที่สุดในโลก เราจะพบว่าอันดับแรกคือ คุณยาย Jeanne Calment ซึ่งอายุยืนถึง 122 ปี 164 วัน คุณยายเป็นชาวฝรั่งเศส แล้วในลิสต์ 10 อันดับแรกที่ว่านี้ ก็มีคนอเมริกันอยู่ถึง 4 คนด้วยกัน มีอายุตั้งแต่ 116 ปี 276 วัน จนถึง 119 ปี 97 วัน นอกจากนี้ยังมีชาวแคนาดา อิตาลี จาไมกา ญี่ปุ่น และเอกวาดอร์ อีกอย่างละหนึ่งคน
ที่สำคัญ ทั้งหมดเป็นผู้หญิง!
แต่นี่เป็นภาวะอายุยืนของปัจเจก ไม่ได้หมายถึงอายุขัยเฉลี่ยของคนในแต่ละประเทศ แต่ถ้าดูอายุขัยเฉลี่ย ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเป็นตัวเลขขององค์กรไหนอีก เช่น ถ้าเป็นขององค์การอนามัยโลก ญี่ปุ่นจะมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยสวิตเซอร์แลนด์, สิงคโปร์, ออสเตรเลีย และสเปนมาที่ห้า (ไทยอยู่ที่อันดับ 70) แต่ถ้าเป็นลิสต์ของสหประชาชาติ คนฮ่องกงจะอายุเฉลี่ยสูงสุด ตามมาด้วยญี่ปุ่น อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และสิงคโปร์ (ไทยอยู่ที่อันดับ 92)
อย่างไรก็ตาม ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ไม่ได้จะให้มาแข่งกันว่าประเทศไหนคนอายุยืนที่สุด แต่ถ้าย้อนกลับไปดูงานวิจัยในวารสารการแพทย์ออนไลน์อย่าง JM Internal Medicine จะพบว่า เขาบอกเอาไว้ว่าคนที่อายุยืนกว่าคนอื่นนั้น มักจะเป็นพวก Young at Heart คือมี ‘หัวใจ’ ที่เป็นหนุ่มเป็นสาวเกินร้อยกว่าคนทั่วไป
การสำรวจนี้ทำในคน 6,489 คน เป็นกลุ่มที่มีอายุเฉลี่ย 65.8 ปี โดยคนในกลุ่มนี้เกือบทั้งหมด จะรู้สึกว่าตัวเองมีอายุน้อยกว่าอายุจริงตั้งแต่สามถึงสิบปี มีอยู่แค่ 4.8% เท่านั้น ที่คิดว่าตัวเองอายุมากกว่าอายุจริงไปหนึ่งปี แล้วจากนั้น University College of London ก็ติดตามผลคนเหล่านี้ต่อมาอีก 8 ปี
สิ่งที่พบก็คือ คนที่รู้สึกว่าตัวเองอายุน้อยกว่าจริงนั้น เสียชีวิตไปเพียง 14% กว่าๆ เท่านั้น แต่คนที่รู้สึกว่าตัวเองอายุมากกว่าจริง (ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่ามาก) กลับเสียชีวิตไปมากถึง 24% ด้วยกัน ในขณะที่คนที่รู้สึกว่าตัวเองอายุเท่าจริง เสียชีวิตไป 18%
แน่นอน ผลการสำรวจนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้มาก ยังต้องสำรวจและวิจัยกันต่อไปว่ามีปัจจัยอะไรทำให้คนเหล่านี้อายุยืนกว่าคนกลุ่มอื่น แต่นักวิจัยก็บอกว่า เป็นไปได้ที่ความรู้สึกว่าตัวเอง ‘อ่อนกว่าวัยหัวใจเกินร้อย’ นั้น จะทำให้มีความอดทนได้มากกว่า และมีเจตจำนงที่จะมีชีวิตอยู่สูงกว่าคนที่รู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว
เขาบอกว่า สิ่งที่เรียกว่า Self-Perceived Age หรืออายุตามที่ตัวเราคิดหรือรับรู้นั้น เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ไปกำหนดอายุของเรา เพราะคนที่คิดว่าตัวเองอายุน้อยกว่าจริง จะมีไลฟ์สไตล์อีกแบบที่ต่างไปจากคนที่คิดว่าตัวเองแก่แล้ว เตรียมเกษียณ รอคอยชีวิตบั้นปลาย
แพทย์คนหนึ่งถึงกับบอกว่า Personality can be tied to your destiny หรือบุคลิกภาพของเรานั้นผูกพันกับชะตาชีวิตของเราไม่น้อยเลยทีเดียว
ซึ่งถ้าไปดูชีวิตของคนที่อายุยืนที่สุดในโลก เช่นคุณยาย Jeanne Calment จะพบว่าคุณยายนี่มีชีวิตวัยรุ่นมากๆ คุณยายไม่ชอบกินแป้ง แต่ชอบกินครีมเอามากๆ ทั้งไอศกรีมและเค้กคือของโปรดปรานของคุณยาย ที่สำคัญก็คือ พออายุ 88 ปีแล้ว คุณยายก็อยู่คนเดียว ไม่ได้พึ่งพาลูกหลานที่ไหน คุณยายไม่เคยใช้เครื่องทำความร้อน และจัดการกับน้ำแข็งและหิมะในฤดูหนาวด้วยตัวเอง คุณยายเพิ่งมามีปัญหาตอนอายุ 110 ปี เพราะปีนั้นหนาวมากจนเกิดน้ำแข็งกัดมือ คุณยายเลยย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา
คุณยายเอ็มมา โมราโน ก็มีชีวิต Young at Heart เหมือนกัน ตอนสาวๆ คุณยายเลิกกับสามีเพราะถูกทำร้าย ทั้งที่ตอนนั้นเป็นยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สองเสียอีก แล้วในสังคมอิตาลี การหย่าร้างเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เธอเป็นคนเด็ดเดี่ยว แถมยังไม่ค่อยเชื่อแพทย์ด้วย เพราะเธอกินไข่วันละสามฟอง หมอเตือนให้ลดเธอก็ไม่ลด ที่สำคัญยังชอบเต้นรำและร้องเพลงอีกต่างหาก
ส่วนคุณยายไวโอเล็ต บราวน์ ที่ตอนนี้ถือเป็นคนที่อายุยืนที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็มีหัวใจเกินร้อยด้วย คนชอบไปถามว่า เธอกินอะไรถึงอายุยืน คุณยายไวโอเล็ตก็ตอบว่า-ฉันกินทุกอย่างแหละ เว้นแต่หมูกับไก่
คุณยายเหล่านี้เป็นหลักฐานยืนยันให้เห็นว่า ถ้าอยากอายุยืนเกินร้อย หัวใจคุณก็ต้องเกินร้อยไปด้วย
เห็นหรือยัง ว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ!
อ่านเพิ่มเติม
บทความ People who feel younger at heart live longer ของ Jen Christensen จาก CNN, April 16, 2015
ข่าว The World’s Oldest Person Is A 117-Year-Old Jamaican Woman Called ‘Aunt V’ ของ
ประวัติของคุณยาย Jeanne Calment อายุยืนที่สุดในโลก
