บทความชวนดูงานศิลปะและนวัตกรรมจากโลกที่หนึ่ง ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้สังคมและชีวิตคน ผ่านสายตานักออกแบบมัลติมีเดียจากโลกที่สามในนามกลุ่ม Eyedropper Fill
Eyedropper Fill เรื่อง
ราว 60 ปีก่อน กำแพงเบอร์ลิน ถูกสร้างขึ้น แบ่งเยอรมนีออกเป็นสองฝั่ง – เยอรมันตะวันออก ภายใต้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์และอำนาจของสหภาพโซเวียต และเยอรมันตะวันตก ภายใต้อุดมการณ์เสรีนิยมและอำนาจของ 3 ประเทศตะวันตก อังกฤษ สหรัฐฯ และฝรั่งเศส
กำแพงสูง 4 เมตร ยาว 155 กิโลเมตร ไม่ได้ขีดคั่นเพียงเขตแดนบนแผนที่ อำนาจปกครอง และอุดมการณ์ แต่ยังแบ่งแยกผู้คน พลัดพรากครอบครัว มิตรภาพและคนรักออกจากกัน หลังกำแพงฝั่งเยอรมันตะวันออกเปรียบเสมือนคุก ผู้คนต้องใช้ชีวิตภายใต้การปกครองที่มีตำรวจคอยสอดส่องและควบคุมพฤติกรรมของประชาชนตลอดเวลา คนที่พยายามหลบหนีไปยังฝั่งตะวันตกร่วมร้อยถูกสังหารตลอดช่วงเวลาเกือบ 30 ปีที่กำแพงคงอยู่ จนกระทั่งวันที่กำแพงเบอร์ลินล่มสลายลงในวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 ประวัติศาสตร์ของกำแพงยังคงถูกใช้เป็นบทเรียนและสัญลักษณ์ เพื่อพูดถึงเรื่องเสรีภาพจวบจนปัจจุบัน
ที่มาภาพ : Associated Press/Lionel Cironneau
เดือนพฤศจิกายนผ่านมา ครบรอบ 30 ปีที่กำแพงเบอร์ลินล่มสลาย ในปีนี้ Heimat – สตูดิโอออกแบบจากเบอร์ลิน สร้างสรรค์แบบอักษร (Font) ชื่อ Voice of the Wall มองเผินๆ เหมือนลายมือเขียนแบบกราฟิตี้ทั่วไป แต่ความพิเศษคือตัวอักษรทุกตัว สร้างขึ้นจากภาพถ่าย ‘ลายมือ’ ที่ผู้คนเคยเขียนไว้บนกำแพงเบอร์ลิน
ที่มาภาพ : https://voiceofthewall.de
ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่กำแพงยังอยู่ ประชาชนฝั่งเยอรมันตะวันออกถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้กำแพง ในขณะที่ฝั่งตะวันตก ศิลปิน แอคติวิสท์ และคนทั่วไป ใช้กำแพงเป็นเหมือนกระดานวาดภาพขนาดใหญ่ สร้างสรรค์ผลงานกราฟิตี้ เขียนถ้อยคำ และวาดภาพ สื่อสารเนื้อหาเกี่ยวกับเสรีภาพ รวมถึงเรียกร้องให้มีการทำลายกำแพง ศิลปินแอคติวิสท์ชาวอเมริกันผู้ล่วงลับอย่าง Keith Haring ก็เคยเขียนภาพความยาวกว่า 300 เมตรลงบนกำแพงนี้เช่นกัน
ที่มาภาพ : Tseng Kwong Chi / https://publicdelivery.org/keith-haring-berlin-wall/
Matthias Storath ผู้อำนวยการฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ของสตูดิโอ Heimat เล่าถึงแรงบันดาลใจของฟ้อนต์ Voice of the Wall จากคำถามที่ว่า “หากกำแพงเบอร์ลินสามารถบอกกล่าวอะไรเราได้ ในวันนี้มันจะบอกเราว่าอะไร ?”
สตรีทอาร์ตและกราฟิตี้เป็นสื่อที่สร้างอิมแพคและขับเคลื่อนสังคมเสมอมา ในฐานะ ‘เสียง’ ของคนในสังคม โดยเฉพาะสังคมที่ไร้เสรีภาพในการแสดงออก ชุดฟ้อนต์นี้จึงสร้างขึ้นให้ทุกคนใช้เพื่อแสดงออกถึงเสรีภาพที่ตัวเองมี ผ่านตัวอักษรที่เปรียบเสมือนเสียงของกำแพงเบอร์ลิน
ที่มาภาพ : https://voiceofthewall.de
เราสามารถดาวน์โหลดชุดฟ้อนต์ Voice of the Wall ไปใช้ได้ ผ่านเว็บไซต์ https://voiceofthewall.de นอกจากนี้ ภายในเว็บไซต์ เรายังสามารถใช้ฟ้อนต์นี้พิมพ์ข้อความของตัวเอง สร้างเป็นภาพและดาวน์โหลดไปใช้เป็นแบนเนอร์ใน facebook, instagram และ twitter ได้
ข้อความประกาศเสรีภาพที่ทุกคนพิมเข้าไป ภายหลังจะถูกรวบรวม นำไปพิมพ์เป็นหนังสือแจกจ่ายให้แก่ผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อส่งเสียงของเราให้กระจายต่อ ทำลาย ‘กำแพง’ – ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น – ที่กีดกั้นคนทั่วโลกจากเสรีภาพต่อไป
ชมวิดีโอแคมเปญ