fbpx
วิธีอ่าน สาวไห้ นวนิยายเล่มแรกสุดของ วิตต์ สุทธเสถียร โดยมิยอมเปิดเผยเนื้อหา

วิธีอ่าน สาวไห้ นวนิยายเล่มแรกสุดของ วิตต์ สุทธเสถียร โดยมิยอมเปิดเผยเนื้อหา

หนังสือน่าตื่นเต้นเล่มหนึ่งซึ่งกำลังจะออกใหม่ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 49 ประจำปี พ.ศ. 2564 ได้แก่ นวนิยายเรื่อง สาวไห้ ผลงานประพันธ์ของวิตต์ สุทธเสถียร จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์แซลมอน

จะว่าไป นี่มิใช่หนังสือใหม่เอี่ยมหรอกครับ เป็นหนังสือเก่าที่ได้รับการนำมาตีพิมพ์ใหม่อีกหน เพียงแต่ทอดช่วงระยะห่างจากการตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกสุดเมื่อราวเดือนตุลาคม พ.ศ. 2486 ยาวนานกว่า 78 ปีทีเดียว


สาวไห้
ปกนวนิยาย สาวไห้ ผลงานของวิตต์ สุทธเสถียร พิมพ์ครั้งล่าสุด พ.ศ. 2564


วิตต์ สุทธเสถียร นักเขียนไทยคนสำคัญผู้ครองบทบาทโลดแล่นในบรรณพิภพช่วงทศวรรษ 2480 และทศวรรษ 2490 โดยเฉพาะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่อยมาก่อนกึ่งพุทธกาล (พ.ศ. 2500) มิอาจปฏิเสธว่า นักอ่านจำนวนไม่น้อยมักคุ้นชื่อเสียงเรียงนามของเขา เนื่องจากเป็นบุคคลที่ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ เอ่ยอ้างพาดพิงในฐานะแรงบันดาลใจ และเยินยอยกย่องสำนวนภาษาเฉพาะตัวของเขา

วิตต์อาศัยกลวิธีเล่าเรื่องและจัดเรียงรูปประโยคแปลกตาอันรับอิทธิพลจากภาษาตะวันตก มิหนำซ้ำ เขาทดลองประดิษฐ์คำศัพท์ใหม่ๆ ที่หลายคำยังใช้กันตราบปัจจุบัน เช่น นางแบบ, ล้ำยุค และมือปืน

วิตต์เคยศึกษาวิชาการหนังสือพิมพ์ในประเทศฟิลิปปินส์ยุคสมัยอยู่ใต้ร่มเงาสหรัฐอเมริกา แต่มิทันร่ำเรียนสำเร็จ สงครามมหาเอเชียบูรพาอุบัติขึ้นเสียก่อน เขาต้องเดินทางระหกระเหินระคนยากเข็ญหวนคืนสู่เมืองไทยประมาณปี พ.ศ. 2485  เริ่มต้นมุ่งมั่นทำงานในแวดวงสื่อสิ่งพิมพ์ สร้างสรรค์งานเขียนทั้งสารคดี นวนิยาย และเรื่องสั้น ชิ้นงานโดดเด่นมักอาศัยฉากประเทศฟิลิปปินส์ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องที่โด่งดังสุดขีดเห็นจะมิพ้น ตระเวนมะนิลา ลงพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ ประชามิตร ระหว่างปี พ.ศ. 2486 และจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์เทพไพศาล ราวๆ พ.ศ. 2487


วิตต์ สุทธเสถียร
วิตต์ สุทธเสถียร
ภาพจาก อนุสรณ์งานเมรุวิตต์ สุทเสถียร


สาวไห้ คือนวนิยายเล่มแรกสุดของวิตต์ สุทธเสถียร หลังกลับมาจากดินแดนแห่งภาษาตากาล็อก และมิแคล้วถือเป็นหนังสือเล่มแรกสุดในชีวิต เนื่องจากเดิมทีงานเขียนของเขาปรากฏในรูปแบบเรื่องสั้นและข้อเขียนจิปาถะตามหน้านิตยสารต่างๆ

สาวไห้  จัดพิมพ์เป็นเล่มเผยแพร่ครั้งแรกปลายๆ ปี พ.ศ. 2486 โดยสำนักพิมพ์จิระพานิช ที่ตั้งอยู่ในเวิ้งนาครเขษมติดกับฝั่งถนนเยาวราช เข้าแท่นพิมพ์ที่โรงพิมพ์สมรรถภาพ ถนนบำรุงเมือง นับเป็นเรื่องอันดับที่ 37 ของสำนักพิมพ์ นักเขียนลือเลื่องผู้เคยออกผลงานกับสำนักนี้ก็มีหม่อมหลวงบุปผา นิมมานเหมินท์ เจ้าของนามปากกา ‘ดอกไม้สด’ กับนวนิยายเรื่อง นันทวัน เมื่อปี พ.ศ. 2485  

นักอ่านไทยยุคระหว่างสงครามจึงได้ตื่นตาสำนวนลีลาของวิตต์กับ สาวไห้ ก่อนจะมาตื่นเต้นเริงโลดกับ ตระเวนมะนิลา เสียอีก แม้ สาวไห้ จะเปิดฉากในกรุงเทพมหานครที่เมืองไทย หาใช่ฟิลิปปินส์ แต่ก็มิวายกำหนดให้ตัวละครเดินทางไปโลดแล่นต่างประเทศ นั่นคือดินแดนอินโดจีนของฝรั่งเศส จนนับว่าเข้าข่าย ‘ไพรัชนิยาย’ อีกเรื่องหนึ่ง

ย้อนไปหลายปีที่แล้ว ช่วงทศวรรษ 2550 แว่วยินเสียงเรียกร้องเนืองๆ ให้มีการนำงานเขียนของวิตต์ สุทธเสถียรมาจัดพิมพ์เผยแพร่ครั้งใหม่ คงเพราะงานของเขาเป็นที่ร่ำลือด้านฝีมือแพรวพราวมานาน ทว่าน่าเสียดายที่นักอ่านยุคปัจจุบันไม่ค่อยมีโอกาสได้ลองสัมผัส คนที่จะได้อ่านจริงๆ ต้องเป็นพวกนิยมคลุกคลีและเสาะแสวงหาหนังสือเก่าๆ

ผมเองเริ่มริอ่านงานเขียนของวิตต์มาตั้งแต่สมัยกลางทศวรรษ 2550 และเพียรพยายามนำมาเขียนถึงบ่อยๆ ผ่านหน้าสื่อต่างๆ ในช่วงปลายทศวรรษ 2550 เรื่อยมา คุณผู้อ่านท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติม ลองหาอ่านบทความของผม เฉกเช่น “ทัศนคติเรื่องญี่ปุ่นในงานเขียนของ ‘วิตต์ สุทธเสถียร’ เจ้าพ่อสำนวนสะวิงคนแรกๆ ของไทย” ลงพิมพ์ใน The MATTER  เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2561 และ “ในร่างทรง “วิตตมิน” ก่อนไปฟิลิปปินส์ของวิตต์ สุทธเสถียร และแรกมีมิกกี้ เมาส์ ณ เมืองไทย” ลงพิมพ์ใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 – 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้น

สำหรับ สาวไห้ ผมสบโอกาสลองอ่านหนแรกประมาณเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 ด้วยความอนุเคราะห์จากคุณธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ ซึ่งเป็นเล่มพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2486 หน้าปกสีเหลือง แสดงภาพหญิงสาวในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาว ลองพลิกดูตัวบทเนื้อหาจะพบการดำเนินเรื่องราวด้วยภาษาไทยยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 สมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม หรือที่คนในแวดวงหนังสือเรียกขานติดปาก ‘ภาษาวิบัติ’


สาวไห้ 2486
ปกนวนิยาย สาวไห้ ผลงานของวิตต์ สุทธเสถียร พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2486


วิตต์เขียนคำอุทิศไว้ใน สาวไห้ ว่า

“ขออุทิสงานชิ้นแรกนี้ไห้นายและคุนหยิงเมธาธิบดี ผู้บังเกิดเกล้าของผู้เขียน.

กับ

“มาลี” เพื่อนรัก”

‘นายและคุนหยิงเมธาธิบดี’ คือพระยาเมธาธิบดี (สาตร สุทธเสถียร) นักการศึกษาผู้นำเข้านิทานอีสปมาสู่สังคมไทยและคุณหญิงอรุณ บิดามารดาของวิตต์

ส่วน ‘“มาลี” เพื่อนรัก’  หลายท่านอาจนึกสงสัยครามครัน เธอคือใครหนอ? ผมเชื่อว่าวิตต์หมายถึงมาลี พันธุมจินดา หญิงสาวผู้เคยประกวดนางสาวไทยประจำปี พ.ศ. 2482 อันเป็นปีแรกที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อมาจากการประกวดนางสยามเป็นนางสาวไทย สอดคล้องกับการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก ‘สยาม’ มาเป็น ‘ไทย’

มาลีมิได้สวมมงกุฎ เพราะผู้คว้าตำแหน่งนางสาวไทยคือสตรีสาวมุสลิมชาวยานนาวา นามว่าเรียม เพศยนาวิน (ต่อมาในทศวรรษ 2490 เรียมได้กลายเป็นรานีหรือภรรยาคนที่สองของรายาแห่งรัฐเปอร์ลิศ ประเทศมาเลเซีย) กระนั้น ตำแหน่งรองนางสาวไทยอันดับหนึ่งมิแคล้วเป็นของมาลี


มาลี พันธุมจินดา
มาลี พันธุมจินดา ก่อนเข้าประกวดนางสาวไทย พ.ศ. 2482
ภาพจาก ท่องเที่ยวสัปดาห์ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2482


ประกวดนางสาวไทย พ.ศ.2482
นางสาวไทยและรองนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2482
จากซ้ายไปขวา: มาลี พันธุมจินดา, เทียมจันทร์ วาณิชขจร, เรียม เพศยนาวิน และเจริญศรี ปาศบุตร์


ก้าวย่างลงมาจากเวทีนางงาม มาลีพลันก้าวเข้าสู่แวดวงสื่อสิ่งพิมพ์ ชื่อเสียงของเธอเกรียวกราวลือลั่นบรรณพิภพในฐานะนักหนังสือพิมพ์สาวสวยแห่งทศวรรษ 2480 ยุคนั้นยังมิค่อยปรากฏผู้หญิงที่ยินดียึดถืออาชีพนี้ เริ่มต้นที่หนังสือพิมพ์ สุภาพสตรี รายวันและฉบับพิเศษรายสัปดาห์ ซึ่งประภาศรี ศิริวรสารเป็นผู้อำนวยการ มีคณะกองบรรณาธิการจัดทำเป็นผู้หญิงแทบทั้งสิ้น รวมถึงหนังสือพิมพ์ นครสาร

ล่วงมาทศวรรษ 2490 มาลียังฝากฝีมือประพันธ์เรื่องสั้นไว้หลากหลายชิ้น เช่น “สุดาวดี” ลงพิมพ์ใน ประชามิตร ฉะบับที่ 243 ประจำวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2490 (อันเป็นนิตยสารในเครือสำนักสุภาพบุรุษที่วิตต์มักเขียนเรื่องสั้นและช่วยออกแบบปก บรรณาธิการคือมนูญ วัฒนโกเมร), “ธาตุแท้ของผู้หญิง” ลงพิมพ์ใน สยามสมัย ปีที่ 1 ฉบับที่ 52 ประจำวันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2491 และ “ความหวังบนความพินาศ” ลงพิมพ์ใน สยามสมัย ปีที่ 2 ฉบับที่ 61 ประจำวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 เป็นต้น


นิตยสารประชามิตร
ปก ประชามิตร ฉะบับที่ 243 ประจำวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2490


สยามสมัย
สยามสมัย
ปก สยามสมัย ปีที่ 2 ฉบับที่ 61 ประจำวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 และเรื่องสั้น “ธาตุแท้ของผู้หญิง” ใน สยามสมัย ปีที่ 1 ฉบับที่ 52 ประจำวันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2491


วิตต์ สุทธเสถียรย่อมประทับใจบทบาทนักหนังสือพิมพ์หญิงของมาลี พันธุมจินดา และถ้าอ่านเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในชีวประวัติของเขาจะทราบว่า แม่สาวโฉมแฉล้มเยี่ยงมาลีเคยเป็นที่หมายปองต้องจิตพิสมัยนักเรียนนอกหนุ่มฟ้อรูปหล่อสำรวยเยี่ยงวิตต์เช่นกัน  ครั้นนวนิยายเรื่องแรกสุดได้รับการตีพิมพ์จึงอุทิศให้ ‘“มาลี” เพื่อนรัก’  มิหนำซ้ำ ตัวละครเอกใน สาวไห้ เยี่ยง “กรรนิการ์ บุสราคัม” (เขียนแบบภาษาไทยปัจจุบันจะได้ว่า “กรรณิการ์ บุษราคัม”) ก็เป็นนักหนังสือพิมพ์หญิงหัวก้าวหน้า เธอยังไปปรากฏตัวในนวนิยายเรื่องอื่นๆ ของวิตต์  เช่น วิญญาณเปลือย

ไม่ค่อยเป็นที่ทราบกันเท่าไหร่ว่ากุหลาบ สายประดิษฐ์ เจ้าของนามปากกา ‘ศรีบูรพา’ มีส่วนเกี่ยวข้องผูกพันกับ สาวไห้  ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผู้เป็นบรรณาธิการอ่านต้นฉบับนวนิยายเรื่องนี้ให้แก่วิตต์คือกุหลาบนั่นแหละ เพียงแต่อาศัยนามแฝง “มกโท” (กุหลาบหมายถึง ‘มะกะโท’) แห่ง ประชามิตร-สุภาพบุรุส  มาเปรยคำปรารภลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2486

“- – – ผู้อ่านของเราที่ได้เคยผ่าน นวนิยายขนาดสั้นของวิตต์ สุทธสเถียร  ไนหนังสือพิมพ์ของเรามาแล้วนั้น คงจะเห็นพ้องกันว่า  นักเขียนผู้นี้กำลังจะก้าวหน้าไปหย่างรวดเร็ว  ไนวิถีการประพันธ์ ถึงกะนั้นก็ดี ความแจ่มจรัดไนวิถีการประพันธ์ของเขา  อาจจะยังไม่กะจ่างพอจนกว่าท่านจะได้พิจารนางานชิ้นไหย่ของเขา คือเรื่อง “สาวไห้” – –

ผู้เขียนได้ระบายชีวิตของสตรีสาวคนหนึ่ง  ซึ่งเมื่อท่านได้อ่านแล้ว บางทีจะอดนำไปเปรียบกับชีวิตสการ์เล็ด โอแฮราไน “กอนวิธเดอะวินด์”  เสียมิได้ และไนการวาดชีวิตอันเปนที่ตรึงไจของสตรีเอกไนเรื่อง “สาวไห้” นี้เอง จะทำไห้ผู้อ่านเล็งเห็นความแจ่มจรัด ไนวิถีการประพันธ์ของนักเขียนผู้นี้หย่างชัดแจ้ง- – -”

ดังได้แจกแจง นวนิยาย สาวไห้ ที่ผมอ่านเป็นเล่มตีพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2486 ตลอดทั้งเรื่อง สองตาจึงจัดเจนต่อภาษาไทยยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จะขอยกบทเปิดมาสำแดงคร่าวๆ

“เมื่อมีการจำกัดน้ำมันเชื้อเพลิง  รถถีบก็เข้ามาหยู่ไนสมัยนิยม.

คนเดินเท้าได้มีโอกาสปล่อยอารมน์ดีกว่าก่อน ท้องถนนน้อยเสียงยานยนต์ และสติถิคนถูกรถยนต์ทับที่สถานีตำหรวดและโรงพยาบาลก็ลดลงหย่างน่าปีติยินดี – –  –

พิกุลเปนเพื่อนสาวคนแรกที่ได้รับรถถีบเปนของขวันไนวันเกิด ต่อมาบันดาเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวทั้งหลายต่างก็ทยอยกันได้หมดชุด เว้นไว้แต่กรรนิการ์  นักเรียนสาวที่ยังคงเปนทารกของคุนพ่อคุนแม่หยู่…”

          ( ‘สติถ’” ในต้นฉบับเรียงพิมพ์ผิด ที่แท้คือ สถิติ – – หมายเหตุของผู้เขียนบทความ)

          ขณะ สาวไห้ พ.ศ. 2564 ที่สำนักพิมพ์แซลมอนจัดพิมพ์ ผมคาดเดาว่าคงปรับเปลี่ยนให้เป็นภาษาไทยแบบปัจจุบันเพื่อความอ่านง่ายคุ้นชิน (ตอนนั่งเขียน ผมยังไม่มีหนังสือเล่มนี้อยู่กับตัว)

ผมคงไม่บอกเล่าเปิดเผยรายละเอียดเนื้อหานวนิยายหรอกครับ เพราะปรารถนาให้คุณผู้อ่านไปอุดหนุนหนังสือมาลิ้มอรรถรสด้วยตนเอง อนึ่ง กลวิธีของผมมิใช่การอ่าน ‘ตัวบท’ แล้ววิเคราะห์วิจารณ์หนังสือให้ทุกๆ ท่านได้ยล แต่คือการอ่านถอดรหัส ‘บริบท’ แวดล้อมหนังสือ แล้วลองนำมาเสนอให้คุณผู้อ่านแลเห็นภาพกระจ่างเพิ่มเติม เพื่อจะได้ไปขะมักเขม้นอ่าน ‘ตัวบท’ อย่างทบทวีความสนุกสนานเพลิดเพลิน

ถ้าจะมีสิ่งที่อยากแย้มพรายสักนิดๆหน่อยๆ ก็ใคร่บ่งชี้ว่าในเรื่อง สาวไห้ สะท้อนปณิธานการเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ดี การเป็นบรรณาธิการ และมารยาทในการเขียนข่าวโดยคำนึงผลกระทบของแหล่งข่าว ผมยังสังเกตเห็นประเด็นเล็กๆ ซึ่งวิตต์สอดแทรกไว้คือความสัมพันธ์เชิงพิศวาสระหว่างครูหนุ่มผู้มาสอนหนังสือที่บ้านกับลูกศิษย์สาว มองเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ผมคิดว่าวิตต์เจตนาไม่น้อยที่จะถ่ายทอดสู่สังคมไทย กระทั่งเขานำมาขยายความกลายเป็นเรื่องสั้น “ธิดาลอยตายอยู่ในบ่อ” ลงพิมพ์ใน สยามสมัย ปีที่ 1 ฉบับที่ 12 ประจำวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2490 พอพิจารณาบริบททางประวัติศาสตร์ห้วงยามนั้นจะพบกรณีโศกนาฏกรรมอันมีต้นตอมาจากลักษณาการทำนองเดียวกับประเด็นของวิตต์

น่าปีติยินดียิ่งที่ผลงานวรรณกรรมแห่งวันวานของวิตต์ สุทธเสถียรเรื่อง สาวไห้ ได้นำกลับมาตีพิมพ์ใหม่อีกครา ไม่เพียงเป็นนวนิยายเล่มแรกสุดในชีวิตผู้ประพันธ์ หากยังเป็นเล่มแรกสุดที่ได้นำมาตีพิมพ์ภายหลังมรณกรรมของผู้ประพันธ์เนิ่นนาน 32 ปี (วิตต์อำลาโลก 14 เมษายน พ.ศ. 2532)

คุณผู้อ่านมิควรพลาดการเสาะหามาจดจ่อสายตาเลยเชียว !


เอกสารอ้างอิง

ท่องเที่ยวสัปดาห์. (ธันวาคม 2482)

มาลี พันธุมจินดา. “ความหวังบนความพินาศ.” สยามสมัย 2 ฉ. 61 (12 กรกฎาคม 2491)

มาลี พันธุมจินดา. “ธาตุแท้ของผู้หญิง.” สยามสมัย1 ฉ.52 (10 พฤษภาคม 2491)

มาลี พันธุมจินดา. “สุดาวดี.” ประชามิตร ฉ. 243 (7 กันยายน 2490)

มาลี พันธุมจินดา สนิทวงศ์ฯ, คุณหญิง.““ข้อประทับใจในคุณรองฯ” จากชาวสุภาพสตรีและนครสาร.” ใน

งานพระราชทานเพลิงศพ นายรองสนิท โชติกเสถียร ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันอาทิตย์ที่

18 มกราคม พุทธศักราช 2524, กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัดอรุณการพิมพ์, 2524

วิตต สุทธสเถียร. สาวไห้. พระนคร: จิระพานิช, 2486

วิตต์ สุทธเสถียร. “ธิดาลอยตายอยู่ในบ่อ.” สยามสมัย1 ฉ.12 (4 สิงหาคม 2490)

อรสม สุทธิสาคร. ดอกไม้ของชาติ จากเวทีความงามสู่เวทีชีวิต อัลบั้มชีวิต ๑๓ นางสาวไทย.

กรุงเทพฯ : รวมทรรศน์, 2533.

อนุสรณ์งานเมรุวิตต์ สุทธเสถียร ณ วัดธาตุทอง กรุงเทพฯ วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2533.

กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ด่านสุทธา, 2533

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

4 Aug 2020

การสืบราชสันตติวงศ์โดยราชสกุล “มหิดล”

กษิดิศ อนันทนาธร เขียนถึงเรื่องราวการขึ้นครองราชสมบัติของกษัตริย์ราชสกุล “มหิดล” ซึ่งมีบทบาทในฐานะผู้สืบราชสันตติวงศ์ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร 2475

กษิดิศ อนันทนาธร

4 Aug 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save