ธีรภัทร เจริญสุข เรื่อง
ภาพิมล หล่อตระกูล ภาพประกอบ
วันที่ 6 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ถือเป็นวันที่ทำให้ชาวอเมริกันถึงกับแตกตื่นตกใจกันทั้งประเทศ เมื่อม็อบกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกเข้าอาคาร US Capitol ที่ถือเป็นจุดศูนย์กลางอำนาจและหัวใจของการปกครองระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา และบุกรุกเข้าไปรื้อค้นห้องทำงานของ ส.ส. และ ส.ว. รวมถึงตั้งเป้าจะก่อเหตุล้มการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ประกาศให้โจ ไบเดน ได้รับชัยชนะ
อาคาร US Capitol เป็นที่ทำการของสภาคองเกรส ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา อันเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยหลักของระบอบประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯ อาคารนี้สร้างขึ้นและเปิดใช้ครั้งแรกในปี 1800 ก่อนที่จะถูกเผาทำลายบางส่วนในช่วงสงครามกับอังกฤษเมื่อปี 1814 หลังจากนั้นในปี 1850 ได้ต่อเติมโดมทรงกลมที่เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นและยังต่อเติมทั้งสองปีกเพื่อขยายพื้นที่ทำงาน จนมีสภาพแบบในปัจจุบัน
อาคาร US Capitol ตั้งอยู่บน Capitol Hill ซึ่งนำชื่อมาจาก Capitoline Hill อันเป็นชื่อเนินเขาที่ตั้งวิหารเทพจูปิเตอร์ของสาธารณรัฐโรมันโบราณ และยังปรากฏอยู่ในธนบัตรใบละ 50 ดอลลาร์สหรัฐ ด้วยสัญลักษณ์และความสำคัญนัยประหวัดดังกล่าว ทำให้อาคาร US Capitol มักถูกเรียกอีกชื่อว่า Temple of Democracy หรือ วิหารแห่งประชาธิปไตย ซึ่งนอกจากความหมายของเนินเขาและอาคารแล้ว ตามสถานที่ต่างๆ และภายในอาคารของ US Capitol ยังประดับประดาไปด้วยเทวรูปโรมัน อนุสาวรีย์ และภาพวาดของผู้นำอเมริกาคนสำคัญในอดีตที่มีลักษณะคล้ายกับเทพเจ้ารายรอบอยู่
อย่างไรก็ดี แม้ว่า US Capitol จะมีความสำคัญทั้งทางการเมืองและทางความเชื่อมากมายเพียงใด แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่เกิดขึ้นจากเงินภาษีของประชาชน จึงเปิดโอกาสให้ประชาชนคนธรรมดาสามารถเข้าชมได้อย่างทั่วถึง ไม่ใช่สถานที่หวงห้ามปกปิดแต่อย่างใด แม้แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติก็สามารถขอเข้าชมอาคารรัฐสภาแห่งนี้ รวมถึงแวะรับประทานอาหารภายในโรงอาหารกระทบไหล่กับ ส.ส. ส.ว. และนักการเมืองอเมริกาได้แบบไม่แบ่งแยก
การเข้าเยี่ยมชมอาคารรัฐสภา US Capitol กระทำได้สองแบบ คือ
1.การขอเข้าชมผ่านสมาชิกสภาในเขตของตนเอง ข้อนี้สามารถทำเรื่องขอเข้าชมได้ผ่านสำนักงานของสมาชิกสภา (ทั้ง ส.ส. และ ส.ว.) ในเขต (Congressional District) และรัฐที่ผู้ขอเข้าชมมีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ เป็นสิทธิของพลเมืองสหรัฐฯ ผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งเท่านั้น
2.การจองเวลาเข้าชมเป็นรอบ ผ่านเว็บไซต์ https://www.visitthecapitol.gov/ ซึ่งสามารถกรอกนัดเวลาเข้าชมได้ในเวลาทำการ วันจันทร์-เสาร์ เวลา 8:30-16:30 น. เว้นวันหยุดขอบคุณพระเจ้า วันคริสต์มาส วันปีใหม่ และวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถขอเข้าชมได้ไม่จำกัด แต่ต้องกรอกประวัติและข้อมูลเบื้องต้นเพื่อตรวจสอบและรับรองความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ในวันเวลาปกติที่ไม่ใช่วันหยุดหรือวันที่จำกัดคนเข้าชม เราสามารถเดินเข้าไปลงทะเบียนเข้าชมได้โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า
ในฐานะที่เราเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถขอเข้าชมได้ตามแบบที่ 2 โดยการเข้าชมจะมีส่วนที่เป็นทัวร์นำชมด้านใน รอบละ 90 นาที หลังจากนั้นเราก็สามารถเดินอยู่ในพื้นที่อาคารส่วนนอก ชมนิทรรศการหมุนเวียน รับประทานอาหาร และซื้อของที่ระลึกจากร้านค้าได้ตามสะดวก ไม่จำกัดเวลาจนกว่าอาคารจะปิดทำการในตอนเย็น

เมื่อลงทะเบียนนัดเวลาพร้อมแล้ว เราสามารถเดินทางเพื่อมาเข้าชมได้ทางถนน Pennsylvania Avenue โดยมาได้ทั้งทางรถเมล์และรถไฟใต้ดินสถานี Capitol South ก่อนจะเข้าประตู Capitol Visitor Center ในฝั่ง East Front เพื่อตรวจสิ่งของและฝากกระเป๋าในพื้นที่รักษาความปลอดภัย ก่อนจะเข้าไปรอคิวไกด์ในพื้นที่พักของห้องโถงศูนย์ผู้เข้าเยี่ยมชม
ภายในห้องโถง เราจะได้พบกับรูปปูนปั้นของเทพีแห่งเสรีภาพ ซึ่งเป็นแบบหล่อเดียวกับรูปปั้นสำริดของเทพีองค์เดียวกันที่ประดับอยู่เหนือยอดโดมของอาคารรัฐสภาคอยต้อนรับ
จากนั้น ไกด์ทัวร์จะนำเราเข้าไปฟังบรรยายสรุปในห้องรับรอง เพื่อชมสารคดีบอกเล่าประวัติการก่อสร้างและความสำคัญของอาคารรัฐสภาแห่งนี้ แล้วจึงพาเราออกมาเดินไปตามเส้นทางนำชม เราอาจจะพบเสมียน เจ้าหน้าที่ และนักการเมืองสหรัฐฯ เดินผ่านไปมาเป็นระยะ ก่อนจะเข้าไปถึงจุดศูนย์กลางของอาคาร US Capitol ที่เรียกว่า Rotunda
ในจุด Rotunda ทรงกลมศูนย์กลางใต้โดมของอาคารนี้ มีภาพจิตรกรรมชิ้นใหญ่ที่ชื่อว่า Apothesis of Washington วาดโดย คอนสแตนติโน บรูดินี่ จิตรกรชาวอิตาเลียน-กรีก ซึ่งฉายภาพประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา จอร์จ วอชิงตัน ได้ขึ้นสู่สวรรค์เป็นเทพเจ้า พร้อมกับภาพฉายเทพโรมันกับการพัฒนาอเมริกา

รายรอบโถงวงกลมของ US Capitol Rotunda ยังมีภาพวาดบอกเล่าประวัติศาสตร์ของอเมริกา ตั้งแต่การค้นพบทวีปอเมริกาโดยโคลัมบัส การลงเรือของผู้อพยพพิลกริม การบัพติสม์ของโพคาฮอนทัส การลงนามในประกาศอิสรภาพ การลาออกของจอร์จ วอชิงตัน จนถึงการบินครั้งแรกของพี่น้องตระกูลไรท์
จากนั้นเราจะได้เดินผ่านโถงอนุสาวรีย์ National Statuary Hall ที่ประดับไปด้วยรูปปั้นบุคคลสำคัญต่างๆ ที่แต่ละมลรัฐทั้ง 50 มลรัฐของอเมริกาส่งเข้ามาประดับไว้ในอาคารรัฐสภา โดยบุคคลที่น่าสนใจ เช่น เฮเลน เคลเลอร์ นักการศึกษาผู้พิการจากรัฐอลาบามา กษัตริย์คาเมฮาเมฮาที่ 1 จากรัฐฮาวาย นายพลไอเซนฮาวร์ จากรัฐแคนซัส และโทมัส อัลวา เอดิสัน สุดยอดนักประดิษฐ์ จากรัฐโอไฮโอ เป็นต้น
จากนั้นไกด์จะพาเราเดินตามบันไดลงมาด้านล่างของอาคารที่เรียกว่า The Crypt ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเสาและเพดานโค้งประดับดวงไฟไว้ และเป็นเส้นทางที่บุคคลสำคัญจะใช้เดินผ่านออกไปยังมุขด้านหน้า West Front ซึ่งเป็นเฉลียงจัดพิธี
สาเหตุที่เรียกบริเวณนี้ว่า The Crypt เนื่องจากการก่อสร้างในยุคแรก วางแผนว่าจะใช้พื้นที่ส่วนนี้เพื่อฝังศพของประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน อย่างไรก็ตาม พินัยกรรมของวอชิงตันระบุให้ฝังร่างของตนไว้ที่บ้านไร่บนเขาเวอร์นอน ในรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา หลุมศพใต้อาคารรัฐสภาแห่งนี้จึงว่างเปล่าและประดับดาวทองเหลืองไว้แทน ตรงจุดนี้เองที่นับว่าเป็นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และจัดแบ่งทิศทั้งสี่จากกึ่งกลางใช้ระบุที่อยู่

ในท้ายสุด ไกด์จะนำเรากลับออกมายังโถงรับแขกผู้มาเยี่ยมชมอีกครั้ง จากนั้นเราสามารถเข้ารับประทานอาหารในโรงอาหาร ซึ่งราคาค่อนข้างเป็นมิตรเมื่อเทียบกับร้านค้าด้านนอก แต่รสชาติก็อาจขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละท่าน หรือไปเข้าห้องน้ำ (ซึ่งสามารถคุยได้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตได้เข้าห้องน้ำในรัฐสภาสหรัฐอเมริกา) และเลือกซื้อของที่ระลึก ซึ่งทั้งหมด Made in USA จากร้านขายของที่ระลึกของรัฐสภา
อาคารรัฐสภา US Capitol ที่เป็นทั้งหัวใจของประเทศอเมริกา และระบอบประชาธิปไตยแบบอเมริกัน ยังยืนยงคนทนผ่านกาลเวลาและบททดสอบมายาวนาน แม้จะถูกบุกจู่โจมกี่ครั้งผ่านเวลากว่าสองร้อยปี หากมีโอกาสได้เดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็อยากให้ทุกท่านได้เข้าไปเยี่ยมชมสักครั้ง