ภาพประกอบจาก kremlin.ru
ในบทความเมื่อเดือนที่แล้ว ผมชวนคิดว่าเราอย่าประเมินสหรัฐฯ และตะวันตกต่ำเกินไป สงครามยูเครนที่ปูตินอาจเคยฝันว่าจะชนะได้อย่างง่ายดายกลับยืดเยื้อมายาวนานกว่าที่ทุกฝ่ายคาดคิด นอกจากนั้น ตรงข้ามกับกระแสในจีนและรัสเซียที่เชื่อว่า สหรัฐฯ อยู่ในช่วงขาลงและโลกตะวันตกมีความแตกแยก สงครามยูเครนก็ได้แสดงให้เห็นความเป็นปึกแผ่นของพันธมิตรตะวันตก พลังของอาวุธทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และสถานะพิเศษที่ยังคงแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐฯ ในระบบการเงินโลก
แต่บทความวันนี้จะชวนคิดเช่นกันว่า อย่าประเมินรัสเซียต่ำเกินไป นักวิเคราะห์หลายคนในสหรัฐฯ มองว่ารัสเซียกำลังพังพินาศในทางเศรษฐกิจ ตัวปูตินเองจะถูกแรงกดดันอย่างหนักทั้งในหมู่ชนชั้นนำและประชาชนจนอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในรัสเซีย มีการกล่าวกันด้วยซ้ำว่า หากสหรัฐฯ ตะวันตก และยูเครนยืนหยัดสู้ต่อไป สุดท้ายปูตินเองจะถูกรีดเลือดจนหมดตัว อย่าลืมว่าทำสงครามแต่ละวันต้องใช้เงินมหาศาล ยิ่งยืดเวลาออกไป สุดท้ายปูตินจะหมดตัวและพังพินาศเพราะสงครามที่ตนก่อขึ้น
แน่นอนครับว่าในสงครามยูเครนครั้งนี้ ปูตินไม่มีทางที่จะชนะขาดอีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่ฉากทัศน์ในฝันของตะวันตกที่ปูตินจะพ่ายแพ้ยับเยินและพังพินาศก็อาจจะไม่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
เราต้องไม่ลืมนะครับว่า รัสเซียเป็นประเทศที่มีความมั่นคงด้านอาหารสูงมาก ในขณะเดียวกัน รัสเซียเองก็ยังขายพลังงานต่อไปได้ เพราะยุโรปยังคงต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย แม้ว่าเศรษฐกิจรัสเซียจะเสียหายอย่างยับเยินจากมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับอดข้าวตายอยู่ไม่ได้ ส่วนที่บอกว่ารัสเซียจะไม่มีเงินรบต่อไปแล้วนั้น ก็อย่าลืมว่าเงินยังไหลเข้ากระเป๋ารัสเซียทุกวันผ่านการขายพลังงาน
บริษัทต่างชาติแบนไม่ขายของในรัสเซีย แต่บริษัทจีนและสินค้าจีนก็พร้อมสวมแทนที่ และหากใครไปย้อนดูประวัติศาสตร์การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาในอดีตจะพบว่า นอกจากการคว่ำบาตรจะไม่เคยเปลี่ยนใจผู้ปกครองแล้ว ยังทำให้ประชาชนของประเทศที่ถูกคว่ำบาตรเกลียดชังตะวันตกไม่แพ้กับที่เกลียดชังผู้นำตัวเอง ยิ่งคนรัสเซียรักศักดิ์ศรีตนสูงมาก การปลุกใจกันภายในว่าถูกตะวันตกรังแกน่าจะได้ใจชาวรัสเซียอยู่ไม่น้อย
นอกจากนี้ รัสเซียยังควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด เพราะฉะนั้นข่าวสารที่ชาวรัสเซียได้รับในแต่ละวันย่อมแตกต่างจากข่าวสารทั่วไปในโลกตะวันตกที่ฉายภาพความโหดร้ายของสงคราม หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ได้เคยรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงว่า พ่อชาวรัสเซียโทรหาลูกที่ติดอยู่ในยูเครน และไม่ยอมเชื่อเรื่องความโหดร้ายของสงครามที่ลูกบอกเล่าให้ฟัง โดยกล่าวหาว่าลูกถูกตะวันตกปั่นหัว
มีการประเมินว่า ชาวรัสเซียอย่างน้อย 70-80% สนับสนุนสงครามและสนับสนุนปูติน และเมื่อเอาสงครามไปผูกกับความภูมิใจในชาติ ใครจะยอมรับว่าชาติเรากำลังทำอาชญากรรมต่อมนุษยชาติได้ล่ะครับ มีแต่จะต้องเชื่อต่อไปว่าเราทำสงครามเพื่อปลดแอกชาวยูเครนออกจากรัฐบาลที่ชั่วร้ายและเพื่อรักษาความมั่นคงของรัสเซียจากการรุกคืบของนาโต้
เคยมีงานวิจัยพบว่า ครอบครัวของทหารที่สูญเสียในสงครามอิรัก แทนที่จะมีความคิดต่อต้านสงคราม กลับมีแนวโน้มสนับสนุนสงคราม เห็นว่าสงครามเป็นสิ่งที่ชอบธรรมและทำไปเพื่อความถูกต้อง คำอธิบายปรากฎการณ์นี้ก็ง่ายๆ คือ หากเชื่อว่าสงครามไม่มีเหตุผลหรือเป็นเพียงผลจากความบ้าของผู้นำ ก็หมายความว่าลูกหลานของเราที่ตายไปนั้นตายไปอย่างสูญเปล่า แต่หากเชื่อว่าสงครามทำไปเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ก็จะภูมิใจได้กับการต่อสู้เสียสละของลูกหลานในสนามรบ ชาวรัสเซียวันนี้เองก็เช่นกัน ข่าวความสูญเสียของทหารรัสเซียในสมรภูมิมีแต่ปลุกความรู้สึกชาตินิยมให้รุนแรงขึ้น
หลายคนมองว่า ปูตินทำสงครามยืดเยื้อไม่ไหวแน่ เพราะต้องเสียเงินทองมากมายกับสงครามในแต่ละวัน แต่ปูตินก็อาจรบไปพักไป รบใหม่พักใหม่ เหมือนเมื่อไม่นานมานี้ ปูตินประกาศว่าการปฏิบัติการรอบที่ 1 เสร็จสิ้นแล้ว ความหมายก็คือจะหยุดบุกต่อ พร้อมส่งสัญญาณหยุดการรุกคืบ แต่ไม่กี่วันต่อมาก็เริ่มทำการโจมตีใหม่
สุดท้ายแม้ปูตินไม่รุกต่อ แต่ก็คงคาทหารไว้ตามพื้นที่ที่ยึดมาแล้ว มีคนบอกว่าเพียงแค่รัสเซียปิดล้อมยูเครนจนไม่มีทางออกทางทะเล เท่านี้แม้จะไม่ชนะ แต่ก็ไม่แพ้เช่นกัน ส่วนยูเครนเองอาจประกาศชัยชนะที่รักษาเมืองหลวงและเมืองสำคัญตอนในไว้ได้และไม่สิ้นชาติ แต่ในอีกทางก็พ่ายแพ้ เพราะหายนะได้มาเยือนเรียบร้อยแล้วและไม่มีทางหมดไปอยู่ดี
ในอดีต มีคนเคยถามลีกวนยูว่าใครจะชนะระหว่างสหรัฐฯ และจีนหากมีสงครามที่ไต้หวัน ลีกวนยูตอบว่าจีนไม่แพ้แน่นอน เพราะถึงแม้สหรัฐฯ จะบดขยี้ทหารจีนได้ด้วยแสนยานุภาพทางการทหารที่เหนือกว่าหลายขุม แต่จีนก็แค่พักรบ แล้วค่อยกลับมาบุกใหม่ เพราะจีนตั้งอยู่ข้างเกาะไต้หวัน สหรัฐฯ จะมารบยืดเยื้อได้นานแค่ไหนกัน สมรภูมิยูเครนวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้ารัสเซียที่อยู่ข้างๆ ยูเครนไม่เลิก ใครจะทำอะไรได้
ตอนช่วงเริ่มต้นสงครามยูเครน จอห์น แมร์ไชเมอร์ (John Mearsheimer) แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก เคยกล่าวไว้ทำนองว่าสงครามครั้งนี้รัสเซียจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เพราะยูเครนสำคัญกับรัสเซียมากกว่าที่ยูเครนสำคัญต่อสหรัฐฯ ดังนั้น ความตั้งใจและเดิมพันของรัสเซียจึงสูงกว่าตะวันตกมาก ถึงแม้รัสเซียจะไม่ชนะ แต่รัสเซียก็จะทำลายยูเครนจนไม่เหลือชิ้นดีและยากมากที่รัฐบาลปูตินจะล่มสลายลงเพราะสงคราม
มองจากมุมปูตินแล้ว ถึงวันนี้เขาจะถูกต้อนจนเข้ามุมจนไม่มีอะไรจะเสียไปได้มากกว่านี้อีก แต่อย่าลืมนะครับว่าการต้อนมหาอำนาจนิวเคลียร์เข้ามุมไม่น่าจะเป็นผลดีกับใครเลย เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะยกระดับสงครามไปสู่สงครามอาวุธชีวภาพหรือสงครามอาวุธนิวเคลียร์
หรือถึงไม่ยกระดับ วันนี้ถ้ารัสเซียยอมถอยยอมเลิกก็มีแต่ความเสียหาย แต่ถ้ารัสเซียรบยืดเยื้อไม่เลิก ไม่รุกคืบ ไม่ยกระดับ แต่คากองทัพไว้ ผลคือ รัสเซียก็ได้อย่างหนึ่งตามที่ต้องการคือ ยูเครนที่พังพินาศลงและไม่ตกอยู่ในอิทธิพลของตะวันตก ขณะเดียวกัน ก็เดิมพันไปด้วยว่า สหรัฐฯ และตะวันตกเองจะอึดและทนต่อผลกระทบต่อมาตรการคว่ำบาตรของตนไปได้นานเพียงใด ท่ามกลางวิกฤตเงินเฟ้อและราคาพลังงานในยุโรปและในสหรัฐฯ
หลายคนอาจคิดว่าตอนนี้ทุกฝ่ายกำลังหาทางลง แต่ผมไม่แน่ใจ ตรงกันข้าม ผมมองว่าทุกฝ่าย โดยเฉพาะรัสเซียต้องการสู้สงครามยืดเยื้อ เดิมพันว่าใครจะอึดกว่ากัน ยูเครนสู้ทนมาถึงจุดนี้ ถ้ายอมถอยแล้วความสูญเสียที่ผ่านมาจะมีความหมายอะไร ส่วนสหรัฐฯ ก็มองว่านี่เป็นการต่อสู้เรื่องหลักการและเดิมพันระหว่างโลกเสรีกับอันธพาล จะยอมถอยหรือประนีประนอมไม่ได้ (และคนไม่น้อยในสหรัฐฯ อาจคิดว่าทนต่อไปอีกหน่อย รัสเซียเองจะพังพินาศก่อน) ส่วนรัสเซียเองก็ย่อมคิดเช่นเดียวกันว่า ถ้าถอยตอนนี้ แล้วความสูญเสียที่ผ่านมาจะมีความหมายอะไร หากอึดต่อไป ไม่แน่ว่าสหรัฐฯ หรือตะวันตกจะทนไหวกับวิกฤตเศรษฐกิจ พลังงาน ยังไม่นับวิกฤตผู้ลี้ภัยที่จะเข้าขั้นหายนะเป็นประวัติการณ์
ฤดูหนาวของสงครามอันเยือกเย็นครั้งนี้จึงอาจจะยาวนานกว่าที่หลายคนคาดการณ์ เราอาจต้องประเมินกันใหม่ว่า แม้รัสเซียไม่มีหนทางชนะแล้ว แต่ก็อาจไม่มีทางแพ้แบบยอมยกธงขาวเช่นเดียวกัน