fbpx
The Wild Pear Tree ความแปลกแยกที่ชื่อว่าพ่อ

The Wild Pear Tree ความแปลกแยกที่ชื่อว่าพ่อ

วจนา วรรลยางกูร เรื่อง

 

หลังจากที่ Nuri Bilge Ceylan ผู้กำกับชาวตุรกี พาเรื่อง Winter Sleep ไปคว้าปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2014 มาได้ ล่าสุดผลงานเรื่อง The Wild Pear Tree ของเขาก็เป็นที่จับตาในคานส์ปี 2018 อีกครั้ง ซึ่งแม้จะพลาดรางวัล แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่น่าจดจำในภาพสะท้อนความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกชายที่ขยายกว้างไปถึงเรื่องความหมายของชีวิต

สิ่งที่โดดเด่นของเรื่องนี้นอกจากภาพอันงดงามหมดจด คือการเดินเรื่องด้วยบทสนทนาตลอดความยาวราว 3 ชั่วโมง

The Wild Pear Tree เล่าเรื่องผ่าน ซีนาน ชายหนุ่มผู้มีปรารถนาแรงกล้าในการเป็นนักเขียน หลังเรียนจบเขากลับไปอยู่กับครอบครัวที่บ้านเกิดในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เมืองชานักกาเลของตุรกี ซึ่งเป็นสมรภูมิในสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นที่ตั้งของม้าไม้เมืองทรอยที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน หมู่บ้านของซีนานอุดมไปด้วยความสวยงามของชนบท ชุมชนขนาดเล็กโอบล้อมด้วยภูเขาลูกย่อมๆ ที่ปกคลุมด้วยไม้ผลัดใบ สะพานเก่าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดรับเสียงร้องของลูกแกะ น่าจะเป็นที่เหมาะสมแก่การหย่อนชีวิตไปบนภาพอันสวยงามเหล่านี้แล้วเริ่มต้นเขียนหนังสือสักเล่ม

“ถ้าเป็นเผด็จการ กูจะสั่งระเบิดมาลงที่นี่ สัญญาเลย” เป็นประโยคที่ซีนานพูดกับเพื่อนเก่าถึงการกลับมาครั้งนี้

การกลับบ้านสำหรับซีนานคือความล้มเหลว หมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่มีใครสนใจวรรณกรรม ช่างไร้ค่าในสายตาบัณฑิตจบใหม่ที่ไม่มีงานทำ การได้พบเพื่อนวัยเด็กอีกครั้งไม่ใช่กลิ่นหอมหวานในความทรงจำ แต่เป็นความขมขื่นที่ต้องรับคำทักทายว่าตัวเองเป็นคนตกงานซานซมกลับมาอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เขาเคยทิ้งไว้ข้างหลัง ในวันที่เดินออกไปเจอโลกกว้าง

เขาพยายามหาทางตีพิมพ์หนังสือเล่มแรก ขณะที่ไร้งาน ไร้เงิน พ่วงมาด้วยหนี้ที่พ่อสร้างจากการติดพนัน เขาแบกหน้าไปหานายทุน เสนอต้นฉบับ ‘The Wild Pear Tree’ ความเรียงส่วนตัวที่ถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

อิดริส พ่อของซีนานเป็นครูในหมู่บ้าน ใช้เวลาว่างระหว่างวันติดหนึบอยู่บนเก้าอี้ในคาเฟ่เพื่อดูพนันม้าแข่ง เขากลายเป็นความน่าอับอายของหมู่บ้านในฐานะครูผู้ควรทำตัวเป็นที่เคารพนับถือ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ อิดริส ทุ่มเทเวลาขลุกอยู่กับงานปศุสัตว์บนที่ดินนอกหมู่บ้านที่ตกทอดมาจากปู่ งานอดิเรกที่ทำอย่างเอาเป็นเอาตายคือการขุดบ่อน้ำบนที่ดินแห้งผากเพื่อหวังพลิกผืนดินให้เป็นสีเขียว บ่อที่ยิ่งขุดลึกลงไปก็ยังไม่มีน้ำสักหยด ยิ่งทำให้เขาเป็นตัวตลกของหมู่บ้านที่จดจ่ออยู่กับการทำอะไรไร้สาระ

เรื่องดำเนินผ่านสายตาอันอหังการของวัยหนุ่ม ซีนานไต่ขึ้นไปบนความผยองของตัวเองแล้วมองชีวิตที่อยู่รายรอบตัวจากมุมมองนั้น เขาพาบทสนทนาในชีวิตประจำวันไปตั้งคำถามกับความไร้สาระในชีวิตคนอื่น โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะอึดอัดใจกับการปะทะทางคำพูด

ชีวิตที่ไม่ใฝ่ฝันถึงอุดมการณ์ใด, นักเขียนที่มีชื่อจากการขายความลวง, การฝืนแต่งงานเพื่อแลกความเป็นอยู่สุขสบาย, การอ้างความจำเป็นเพื่อปล่อยมือจากสิ่งที่ต้องการแล้วจมในความทนทุกข์, การอดทนทำงานเลี้ยงครอบครัวเพื่อสุดท้ายกลายเป็นแค่ตัวตลกของทุกคน

ซีนานเชื่อในเจตจำนงเสรีของมนุษย์ที่จะตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่ตอบสนองคุณค่าในการดำรงอยู่ ขณะเดียวกันก็เย้ยหยันชีวิตที่สยบยอมต่อโชคชะตาว่าการจำยอมเป็นทาสในการดำรงอยู่ของตนเองนั้นเป็นสิ่งผิดบาป

 

 

หนึ่งในบทสนทนาเผ็ดร้อนที่สุดของเรื่อง เกิดขึ้นเมื่อซีนานพบนักเขียนที่มีชื่อในท้องถิ่น และเริ่มต้นท้าทายมโนสำนึกของนักเขียนใหญ่ถึงความถูกต้องและการรักษาความบริสุทธิ์ของวรรณกรรม นักเขียนใหญ่หลีกเลี่ยงการปะทะ และพยายามเข้าใจความพลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นตรงหน้าว่าเป็นอาการของคนหนุ่มที่ลุ่มหลงความโรแมนติกจนไร้ทางเยียวยา

อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้คนยอมผ่อนเชือกที่รัดตัวเองไว้กับความถูกต้อง ยอมรับความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากสมการที่ตัวเองตั้งไว้ยามเยาว์

อาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงของชายหนุ่มผู้โกรธโลกตลอดเวลาอย่างซีนาน อาจทำให้เรารู้สึกรำคาญใจอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด หากเราเคยตั้งคำถามต่างๆ นานากับโลกที่ไม่เป็นอย่างที่ควรเป็น

โลกที่โบยตีคนหนุ่มสาวให้เลิกฝันถึงอุดมการณ์อันสูงส่งแล้วอยู่กับความเป็นจริงที่เราไม่ใช่ผู้กำหนด

โลกที่ทำให้เราเลิกตั้งคำถามต่อศรัทธา ก้มหน้ายอมรับศาสนาในฐานะผู้กำหนดโชคชะตาแล้วไม่ต้องรับผิดชอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิตตัวเอง

โลกที่รายล้อมด้วยผู้คนที่เลิกพยายามค้นหาความจริงของชีวิตด้วยตัวเอง

The Wild Pear Tree เป็นหนังพูดเยอะที่แสนอ้างว้าง บทสนทนาค่อยๆ ฉีกตัวละครออกจากสังคมให้กลายเป็นสิ่งผิดที่ผิดทาง เมื่อความขบถนั้นโดดเดี่ยว แปลกแยก ซ้ำยังไม่การันตีผลลัพธ์ที่หอมหวาน

สิ่งที่พ่อของซีนานเผชิญก็ไม่ต่างกัน พฤติกรรมอันผิดแปลกทำให้เขาไม่ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ซีนานพูดถึงพ่อว่า สิ่งที่พ่อทำนั้นเป็นการก่อกบฏเล็กๆ ต่อความไร้สาระของชีวิตแต่ความแปลกแยกที่เกิดขึ้นกับซีนานนั้นไม่อาจทำให้เขานับรวมความแปลกแยกของพ่อว่าเป็นสิ่งเดียวกันได้ กลับใช้สายตาเดียวกันกับสังคมมาตัดสินพ่อของตัวเอง

 

 

ระหว่างการเปิดตัว The Wild Pear Tree ในนิวยอร์กฟิล์มเฟสติวัลเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา Ceylan เผยจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า ระหว่างการกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดในเมืองเล็กๆ ที่ชานักกาเล เขาได้พบครูโรงเรียนประถมที่คนในหมู่บ้านเรียกว่า ‘มาสเตอร์’ ซึ่งมาแต่งงานกับญาติของเขา มาสเตอร์เล่าถึงความทุกข์ยากในชีวิตตัวเองอย่างยิ้มแย้ม และยืนยันว่าตัวเองมีความสุขได้ด้วยการเป็นเจ้าของแกะสิบกว่าตัวบนที่ดินที่ตกทอดมาจากพ่อ มาสเตอร์พา Ceylan พร้อมครอบครัวและญาติๆ ไปเที่ยวที่ไร่ของเขา ซึ่งเป็นวันที่น่าจดจำเมื่อถูกรายล้อมด้วยฝูงแกะ ต้นโอ๊ค ลำคลอง เสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้ง พร้อมฟังเล็คเชอร์จากเจ้าของผืนดินถึงความสวยงามของลูกแกะ เฉดสีของทุ่งหญ้า กลิ่นของดินที่ช่วยจุดประกายชีวิตให้เปล่งปลั่ง

นั่นคือภาพชีวิตอันสวยงามที่หลายคนปรารถนาไม่ใช่หรือ?

เปล่าเลย คนในหมู่บ้านมองชายคนนั้นอย่างไร้ค่า คนที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต ทำตัวเป็นเด็กที่ชื่นชมตัวเองกับการมีแกะสิบตัว แต่ชายคนนั้นไม่ได้ใส่ใจกับสายตาค่อนขอดของคนอื่น สิ่งนี้ทำให้ Ceylan นึกถึงพ่อของตัวเอง ‘สิ่งมีชีวิตอันล้ำค่าแต่โดดเดี่ยวจนน่าเศร้า’ คนที่มองคุณค่าในการดำรงอยู่ของตัวเองต่างจากสิ่งที่สังคมคาดหวัง กลับต้องถูกตัดสินในกรอบของจารีตให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอันน่าอับอายของสังคม สิ่งนี้ทำให้มนุษย์ปฏิเสธความเป็นจริงภายในของตัวเอง ซ่อนความแปลกแยกนั้นไว้ภายใน ปฏิบัติดุจมันเป็นโรคร้ายแห่งชีวิต และที่สุดคือการปกปิดด้วยการแสดงออกในรูปแบบที่ดูแปลกประหลาดไร้สาระ

Ceylan ตัดสินใจสร้างภาพยนตร์จากเรื่องนี้ เขาไปพบ Akin ลูกชายมาสเตอร์ที่หวังจะเป็นครูตามพ่อแต่สอบไม่ผ่าน จึงไปทำงานกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เขายังค้นพบความโดดเดี่ยวของ Akin ชายหนุ่มพูดน้อยผู้ลุ่มหลงในโลกหนังสือ จนกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมในสังคมชนบทที่อยู่ห่างไกลจากคำว่า ‘วรรณกรรม’

เขาขอให้ชายหนุ่มเขียนบันทึกความทรงจำที่มีต่อพ่อเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับบทภาพยนตร์ หลายเดือนต่อมา Ceylan ได้รับต้นฉบับที่บรรจุเรื่องราวระหว่างชายหนุ่มกับพ่อในน้ำเสียงสำนึกผิด ปราศจากการยกย่องตัวเองและเปิดเผยความอ่อนแอของตัวเองอย่างไร้ปราณี จนหยิบมาพัฒนาเป็นบทภาพยนตร์ความยาว 3 ชั่วโมง

 

 

The Wild Pear Tree ให้ความสำคัญต่อการมองชีวิตที่แตกต่างกันของช่วงวัย ความขบถของม้าหนุ่มที่เปี่ยมกำลังวังชาถูกซ้อนทับกับความขบถของม้าแก่ที่เห็นโลกมาทั้งชีวิต สิ่งที่แตกต่างคือการมองตัวเองด้วยความเป็นจริง อันเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับคนหนุ่มที่จะพูดถึงความอ่อนแอของตัวเอง แม้เขาต้องการเสาะแสวงความจริงทุกแง่มุมในโลก แต่เรื่องหนึ่งที่ยากจะหาคำตอบคือความจริงภายใน

ซีนานสะท้อนภาพความเป็นมนุษย์อันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เย่อหยิ่ง เอาเป็นเอาตายในการต่อสู้กับการถูกตัดสินด้วยมุมมองของคนอื่น แต่ก็ใช้สายตาของตัวเองพิพากษาคนอื่นโดยไม่รู้ตัว เช่นที่เขาดูแคลนที่พ่อหมกมุ่นอยู่กับการพนันม้าแข่ง หล่อเลี้ยงชีวิตด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ขณะที่ซีนานก็เล่นพนันในชีวิตตัวเอง หวังผลลัพธ์เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ จนพาชีวิตไปไต่บนเส้นลวดแห่งความเสี่ยง

ในทางกลับกันม้าแก่อย่างอิดริสที่ถูกดูแคลนถึงความไม่มีแก่นสาร กลับเป็นคนที่ซึมซาบความละเอียดอ่อนของชีวิต ชื่นชมกับสิ่งที่โลกหันหลังให้ และไม่พยายามตัดสินความไร้สาระของชีวิต เป็นมุมมองจากความเข้าใจว่ามนุษย์มีธรรมชาติอันแปลกประหลาดแตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือการยอมรับและชื่นชมมัน

เราต่างมีชีวิตที่บิดเบี้ยว โดดเดี่ยว และแปลกแยก แต่ก็เป็นเราเองนี่แหละที่ดื่มกินความไม่สมบูรณ์นี้อย่างเอร็ดอร่อย

 

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

4 Aug 2020

การสืบราชสันตติวงศ์โดยราชสกุล “มหิดล”

กษิดิศ อนันทนาธร เขียนถึงเรื่องราวการขึ้นครองราชสมบัติของกษัตริย์ราชสกุล “มหิดล” ซึ่งมีบทบาทในฐานะผู้สืบราชสันตติวงศ์ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร 2475

กษิดิศ อนันทนาธร

4 Aug 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save