บทความชวนดูงานศิลปะและนวัตกรรมจากโลกที่หนึ่ง ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้สังคมและชีวิตคน ผ่านสายตานักออกแบบมัลติมีเดียจากโลกที่สามในนามกลุ่ม Eyedropper Fill
Eyedropper Fill เรื่อง
กฤตพร โทจันทร์ ภาพประกอบ
ความจริงคืออะไร?
ในยุคสมัยที่มนุษย์เรียนรู้ว่า ‘ความจริง’ ไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว แต่ความจริงแตกต่างไปตามมุมมองและประสบการณ์ของแต่ละคน เมื่อความจริงของเราไม่เหมือนกัน การตามหาและสถาปนาความจริงสูงสุดจึงไม่ใช่สาระสำคัญ การเปิดพื้นที่รับฟังความหลากหลายของความจริงต่างหากที่ใช่
แต่การพูดความจริงในที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป โดยเฉพาะกับบางสังคม ในสังคมที่การพูดความจริงคือเรื่องต้องห้าม การแลกเปลี่ยนและชนกันของความจริงที่แตกต่างอย่างสุดขั้วไม่ได้นำมาซึ่งการรับฟังและข้อถกเถียง แต่กลายเกิดเป็นการทำลายล้างความจริงของอีกฝ่าย หยิบฉวยอาวุธนานาฆ่าฟันความจริงที่ไม่ต้องตรงกับที่ตนเชื่อมาทั้งชีวิต สร้างความกลัวให้ ‘อีกความจริง’ ไม่กล้าเผยตัวออกมา
แต่ความจริงก็คือความจริง และยังคงเฝ้ารอที่จะถูกพูดและถูกรับฟังจากใครบางคน
CAUSE COLLECTIVE คือกลุ่มศิลปิน นักออกแบบ และนักชาติพันธุ์วิทยาที่ทำงานร่วมกันบนความสนใจในประเด็นสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่าง Ryan Alexiev, Jim Ricks และ Hank Willis Thomas เชื่อในการทำให้ศิลปะเป็นเรื่องสาธารณะและมีบทสนทนาของผู้คนรวมอยู่ในนั้น
ในปี 2011 ทั้งสามเริ่มโปรเจ็กต์ In Search of the Truth ด้วยคำถามที่ว่า ‘ความจริง’ ของแต่ละคนคืออะไร?
พวกเขาออกแบบ The Truth Booth ห้องเป่าลมสูง 16 ฟุต รูปทรงบับเบิ้ลคำพูด แปะป้ายคำว่า ‘TRUTH’ ในภาษาต่างๆ พามันเดินทางไปตามเมืองทั่วโลกเพื่อตามหาความจริงในสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่าง
ภายในห้องประกอบด้วยเก้าอี้หนึ่งตัว หน้าจอ และกล้อง ทุกเมืองที่ The Truth Booth เดินทางไป มันจะถูกตั้งไว้ในที่สาธารณะ เชื้อเชิญให้คนที่เดินผ่านไปมาเข้าไปเล่า ‘ความจริง’ ของตัวเอง ด้วยการบันทึกวิดีโอความยาวสองนาที โดยเริ่มต้นเรื่องราวว่า “The truth is…”
ภาพ: CAUSE COLLECTIVE
บทสัมภาษณ์ใน artnet ของ Hank Willis Thomas ผู้ริเริ่มโปรเจ็กต์ ‘บูธแห่งความจริง’ เล่าว่า
“นี่คือช่วงเวลาที่เราต้องฟังเรื่องที่เล่า ‘โดย’ ผู้คนจริง มากกว่าฟังเรื่อง ‘เกี่ยวกับ’ พวกเขาจากปากคนอื่น ในขณะที่สื่อนำเสนอตลอดเวลาว่าผู้คนกำลังรู้สึกอย่างไร สิ่งที่เราทำคือแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับเสียงจากคนจริง ให้คนได้พูดเรื่องสำคัญของพวกเขาออกมาด้วยตัวเอง”
Hank เน้นว่า “พื้นฐานของประชาธิปไตยคือ ‘พื้นที่’ ที่เปิดให้ความคิดที่ไม่เหมือนกันถูกพูดออกมาได้ ขัดแย้งกันได้ ถกเถียงกันได้”
เพราะไม่ว่าขัดแย้งหรือกลมกลืน ก็ล้วนเป็นความสัมพันธ์ที่ยึดโยงมนุษย์ไว้ด้วยกัน
จนถึงปี 2019 The Truth Booth เดินทางไป ‘ฟัง’ เสียงคนจากทั่วโลกมาแล้วกว่า 6,000 คน จากไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อัฟกานิสถาน แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และเดินไปทาง 50 รัฐทั่วอเมริกาเพื่อฟังเสียงและกระตุ้นให้การเปล่งเสียงเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 ด้วยทุนจากการระดมในเว็บ kickstarter.com
หากคนที่เข้ามาเล่าความจริงใน The Truth Booth ยินยอมและยินดีเผยแพร่ความจริงของตัวเองเป็นสาธารณะ วิดีโอนั้นจะถูกอัปโหลดและรวบรวมไว้ในเว็บไซต์ insearchofthetruth.net เราสามารถเลือกฟังความจริงโดยแบ่งตามประเทศ หรือแบ่งตามประเด็นของเรื่องราว มีตั้งแต่เรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์ ความกลัว ความรัก การเปลี่ยนแปลง ศาสนา การศึกษา เงิน ความยุติธรรม อำนาจ การทุจริต สิ่งแวดล้อม เอเลี่ยน ฯลฯ
ภาพ: CAUSE COLLECTIVE
การฟังความจริงของคนจากทั่วโลกทำให้เราเห็นว่า ‘เรื่องสำคัญ’ และ ‘คุณค่า’ ที่เรายึดถือล้วนแตกต่างเรื่องสำคัญของคนในออสเตรเลียอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยของคนในตะวันออกกลาง สิ่งที่นักศึกษาในอเมริกาให้คุณค่าอาจไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับเด็กในเม็กซิโก การฟังความจริงของคนอื่นคลิปแล้วคลิปเล่าไม่ได้ทำให้ความจริงของเราเปลี่ยน แต่มันทำให้ความจริงของเราที่เคยใหญ่คับโลก และเราเชื่อนักหนาว่าความจริงนั้นต้องเป็นความจริงของทุกคนบนโลกด้วยค่อยๆ เล็กลงและเล็กลง
ถ้าบอกว่านี่คือคุณค่าของการฟัง ก็คงไม่ผิดนัก
เมื่อผมมองเข้าไปในแววตาของคนเป็นร้อยๆ ที่กำลังเล่าความจริง ผมเดาว่าสำหรับบางคนในนั้น ภารกิจของพวกเขาที่มีต่อ ‘ความจริง’ ที่เก็บไว้ (หรือบางคนอาจถึงขั้นแบก) ได้สิ้นสุดลง ในวินาทีที่พวกเขาพูดมันออกมาหน้ากล้อง บางคนถอนหายใจเมื่อพูดประโยคอันกระอักกระอ่วนนั้นออกมาจนจบ บางคนน้ำตาไหลออกมาพร้อมความจริง หลายคนเปลี่ยนเป็นยิ้มเมื่อได้เล่า
ถ้าบอกว่านี่คือคุณค่าของการได้พูดก็คงไม่ผิดนักเช่นกัน
ภาพ: CAUSE COLLECTIVE
สำหรับ In Search of the Truth งานศิลปะไม่ได้มีหน้าที่บอกเล่าความจริงจากมุมของศิลปินอย่างงานศิลปะที่เราคุ้นเคย แต่ทำหน้าที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เกิดการบอกเล่าและแลกเปลี่ยนความจริงของคนทุกคนที่เข้ามามีส่วนร่วมกับงานศิลปะ จะพูดว่าในฐานะคนดูก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะทุกคนมีส่วนร่วมสร้าง
ผมไม่แน่ใจว่า หากเราอยู่ในสังคมที่การพูดความจริงเป็นเรื่องปกติและยอมรับได้ The Truth Booth จะยังจำเป็นอยู่ไหม เพราะมันคงดีกว่า หากเราสามารถพูดความจริงของตัวเองออกมาในที่โล่งแจ้งต่อหน้าผู้คนตัวเป็นๆ แทนที่จะพูดมันออกมาคนเดียวต่อหน้ากล้อง
บับเบิ้ลเขียนคำว่า TRUTH ขนาดยักษ์ ตั้งตระหง่านประจันหน้าผู้คนในเมืองทั่วโลกอย่างสง่าผ่าเผย แต่ทว่ามันกลับเป็นสัญลักษณ์ว่า โลกนี้ยังมีอีกหลายความจริงที่เป็นสิ่งต้องห้าม และต้องพูดมันอย่างหลบซ่อน
หากจะมีข้อความสำคัญที่งานศิลปะชิ้นนี้ส่งถึงผม และผมอยากส่งต่อให้สังคมที่เราอยู่ในเวลานี้ที่สุด นั่นคือ เมื่อใครคนหนึ่งกล้าลุกขึ้นมาพูดความจริงด้วยเสียงดังฟังชัด สิ่งที่เราทั้งหลายควรทำ – เช่นเดียวกับที่ The Truth Booth ทำ – ไม่ใช่ลุกขึ้นไล่ล่าฆ่าฟัน แต่ต้องสร้าง ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ให้ความจริงนั้นถูกรับฟัง
ไม่ว่าความจริงนั้นจะเป็นความจริงเดียวกันกับเราหรือไม่ก็ตาม
อ้างอิง
http://www.causecollective.com/projects/httpwww-insearchofthetruth-net/
Hank Willis Thomas Wants to Send ‘The Truth Booth’ to All 50 States Before Election Day