อายุษ ประทีป ณ ถลาง เรื่อง
ภาพิมล หล่อตระกูล ภาพประกอบ
ในทางการเมือง ถ้าหากประชาธิปไตยหมายถึงการปกครองโดยคนส่วนใหญ่หรือเสียงข้างมาก คุณภาพความเป็นประชาธิปไตยสามารถชี้วัดได้จากสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ความเท่าเทียมกันของผู้คนในสังคม ตลอดจนวัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ฯลฯ
การแจ้งรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคไทยรักษาชาติจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 88 ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
หลายคนอาจจะมองเห็นเป็นปรากฏการณ์ทางประวัติศาสตร์ชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ส่งผลสะเทือนเลือนลั่นไปถึงดวงดาว
นักพูด แกนนำมวลชนบางคน ไม่ต้องแหงนหน้าโก่งคอตะเบ็ง ส่งเสียงจากดินถึงฟ้าอีกต่อไป
สมาชิกพรรค คนรักทักษิณ กองเชียร์ผู้นิยมชมชื่นตระกูลชินวัตร ต่างพากันสรรเสริญเยินยอเห็นเป็นการแก้เกมทางการเมืองแบบเหลือเชื่อเหนือชั้น หมายมั่นปั้นมือว่า นี่ละ จะเป็นไม้เด็ดในการเอาชนะระบอบปกครอง คสช.
แผนการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จักต้องมีอันเป็นไป ล้มคว่ำแหงแก๋ กลายเป็นเพียงความฝันท่ามกลางหมอกควันฝุ่น PM 2.5 ไปในพริบตา
บิ๊กป๊อก บิ๊กป้อม สิ้นฤทธิ์เป็นสมอลล์ แม่ทัพนายทหารเจอกลยุทธ์นี้เข้าถึงกับนะจังงัง เดินกลับคืนกรมกองกันราวกับเป็นแมวเชื่อง
บางคนหยิบยกเอาบทกลอนคำทำนายประเทศไทยยุคศิวิไลซ์…นารีขี่ม้าขาว ขึ้นมาปัดฝุ่นเผยแพร่อีกครั้งหลังจากนารีคนก่อนแอบดอดลัดเลาะช่องทางธรรมชาติเผ่นหนีคำพิพากษาจำคุก 5 ปีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปเมื่อไม่นาน
หลายคนแสดงความรู้สึกครื้นเครง บันเทิงเริงใจออกนอกหน้า เมื่อได้เห็นฝ่ายตรงข้ามซึ่งถูกตราหน้า เรียกขานเป็นพวก ‘สลิ่ม’ ชักดิ้นชักงอ รับไม่ได้กับข่าวลือที่ว่า จะมีราชนิกูลมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคการเมืองนอมินีบางพรรค
แต่สำหรับผู้ซึ่งมีความเชื่อมั่นศรัทธาอุดมการณ์ประชาธิปไตยแท้จริงแล้ว ต้องถือเป็นตลกร้าย หัวร่อไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออกทีเดียวกับการที่พรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อ ‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล’ ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคแต่เพียงรายชื่อเดียว
เป็น ‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล’ อดีตสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และพระเชษฐภคินี ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10
การปรากฏภาพของ ร้อยโท ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ และกรรมการบริหารพรรค อวดโชว์รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคด้วยสีหน้าท่าทาง อารมณ์ความรู้สึกที่แลดูเหมือนกำลังปฏิบัติภารกิจครั้งสำคัญทางประวัติศาสตร์ให้กับประเทศชาติ
ยิ้มกริ่มด้วยความภาคภูมิใจที่สามารถสร้างความประหลาดใจให้กับสังคมได้ถ้วนทั่ว ในท่ามกลางความงุนงงสงสัยใคร่รู้ถึงเจตนาความมุ่งหมายของพรรคไทยรักษาชาติ
จะไม่เซอร์ไพรส์ได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนต่างเชื่อกันว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ธำรงความเป็นกลาง ไม่มีใครคิดหรอกว่าบุคคลระดับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เชื้อพระวงศ์ที่ผู้คนให้ความจงรักภักดีจะลงสู่การเมืองด้วยตัวเอง
เหมาะสมหรือเปล่า
จะไม่นะจังงังกันได้อย่างไร มีใครบ้างอยากวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นให้เป็นที่สุ่มเสี่ยง
แม้จะมีการกล่าวอ้างถึงราชกิจจานุเบกษา ประกาศพระบรมราชโองการ เรื่องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2515 แต่ทูลกระหม่อมหญิงฯ ซึ่งหมายถึงพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ก็หาใช่สามัญชนคนทั่วไปแต่อย่างใดไม่
ยังคงใช้ทรัพยากร ได้รับการปฏิบัติ และปฏิบัติตนเสมือนยังดำรงฐานันดรศักดิ์แทบทุกประการ
อย่าว่ากระไรเลย กระทั่งเอกสารจดแจ้งที่พรรคไทยรักษาชาติเสนอต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง ถ้อยแถลงของหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ตลอดจนแถลงการณ์ที่แจกจ่ายต่อสื่อมวลชน ก็หาได้แสดงให้เห็นว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเป็นสามัญชน หรือได้รับการปฏิบัติเช่นคนทั่วไปแต่อย่างใด
ถ้อยความที่ใช้ ถ้อยคำที่พูด เต็มไปด้วยราชาศัพท์
สมควรหรือไม่ทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจ
อมพระนอนจักรสีห์มาพูดก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าทำไปด้วยเจตนาบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ประสงค์ต้องการที่จะลากโยงไปเอาประโยชน์ทางการเมือง
ขณะที่สมาชิกพรรค สาวก กองเชียร์ซึ่งเข้าไปแสดงความคิดเห็นตามเพจ เฟซบุ๊ก คำก็เรียกทูลกระหม่อม อีกคำก็พระองค์ท่าน ก่อนจะลงท้ายว่าทรงพระเจริญ
มีใครปฏิบัติเสมือนเป็นสามัญชน คนซึ่งมีความเท่าเทียมกัน ก็เปล่าเลย
ที่น่าเศร้าใจ หลายคนเคยอวดโอ่ว่าตัวเองตาสว่างมาก่อนเสียด้วยซ้ำ
ลำพังข่าวเหลือเชื่อเหนือความคาดหมาย สร้างความตื่นตะลึงให้กับสังคมคงไม่หนำใจ มีการเผยแพร่ภาพแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยรักษาชาติ ขณะร่วมทริปชมฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซีย กับ นายทักษิณ ชินวัตร และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตามมาสำทับ
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
ทว่า เย้ยหยันฝ่ายตรงกันข้าม บันเทิงเริงรมย์อยู่ราว 13 ชั่วโมงก็เอวัง เมื่อโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจได้เผยแพร่พระราชโองการ ประกาศ เรื่อง สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ระบุว่า “การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
เปิดช่องเป็นประเด็นนำไปสู่การยุบพรรคตามมา
ถึงตอนนี้ สำหรับพรรคไทยรักษาชาติแล้ว อย่าว่าแต่ชาติเลย แค่พรรคการเมืองของตัวเองก็ดูเหมือนยากที่จะปกปักรักษาให้อยู่รอดปลอดภัยได้
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่กระทำดำเนินการมายังพลิกกลับไปเสริมเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบอบปกครองเผด็จการ ตลอดจนอุดมคติอันเป็นปฏิปักษ์ประชาธิปไตย
กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เล่นเกมสุ่มเสี่ยง ทุ่มเททุกอย่างไปเดิมพันยกเว้นตัวเองและครอบครัว
สู้ไปกราบไป นิรโทษกรรมสุดซอยสร้างเงื่อนไขนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร ปลุกระดมผลักมวลชนไปตายแทนตัวเอง สูญเสียเป็นร้อยบาดเจ็บเป็นพัน ฯลฯ
ทำมาหมดแล้ว …
วิบัติฉิบหายขึ้นมาก็เว้นว่างไปสองสามวัน ก่อนจะกลับมาบอกว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป
เมื่อไรจะตาสว่างแท้จริงกันเสียที …..