fbpx

ชีวิตสัมพันธ์ The Miracles of the Namiya General Store (ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ)

ผมมีเรื่องจะสารภาพครับ

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมอ่านนิยายญี่ปุ่นเรื่อง ‘ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ’ ของฮิงาชิโนะ เคโงะ จบลงด้วยความชื่นชอบประทับใจ และคิดอยู่เสมอว่าหากสบโอกาสเหมาะ น่าจะนำมาเขียนเล่าสู่กันฟัง

โอกาสเหมาะๆ และความอยากจะเขียนถึงนั้นมีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ติดขัดตรงที่ผมไม่สามารถอ่านซ้ำทบทวนอีกรอบ

ผมอ่านนิยายเรื่องนี้โดยการยืมจากหอสมุดกลางจุฬาฯ นะครับ และ ‘ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ’ ก็เป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นล้นหลาม ตลอดเวลา 2-3 ปีที่ผมสิงสถิตในห้องสมุดทุกวัน งานเขียนชิ้นนี้วางอยู่บนชั้นหนังสือ รวมแล้วไม่น่าจะเกิน 10 วัน

มันเป็นหนังสือที่มีคนยืมอ่านอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา แบบหัวกระไดไม่แห้ง

ไม่ใช่เฉพาะแค่ที่หอสมุดกลางจุฬาฯ เท่านั้น ที่ TK Park ซึ่งผมใช้บริการเป็นประจำ ‘คุณนามิยะ’ ก็มีคนยืมและจองคิวยาวเหยียดข้ามปี

ท้ายสุดผมก็นึกได้ว่ามีวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ นั่นคือเดินเข้าร้านหนังสือแล้วจัดการซื้อหามาครอบครองสักเล่ม

เรื่องที่จะสารภาพอยู่ตรงนี้ครับ ขณะอ่านซ้ำรอบที่สอง ผมลืมรายละเอียดต่างๆ ไปเกือบหมด ยกเว้นความลับเกี่ยวกับเงื่อนไขแฟนตาซีในเรื่อง สภาพจึงไม่ต่างอะไรกับการอ่านครั้งแรก

แต่ผลลัพธ์และความรู้สึกในขณะอ่านแตกต่างตรงข้ามกันมาก ความสนุกบันเทิงยังมีอยู่เท่าเดิม แต่ความซาบซึ้งประทับใจนั้นแทบไม่มีเหลืออยู่เลย ซ้ำร้ายผมยังรู้สึกว่าเป็นงานเขียนที่กระป๋องกระแป๋งมากในเชิงวรรณศิลป์ สำนวนโวหารอยู่ในขั้นพื้นๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ มีการเล่าเรื่องแบบอธิบายจนเคลียร์และชัดเจนไปหมดทุกส่วน จนเกือบจะกลายเป็นการป้อนใส่ปากหรือเทศนาชี้นำ

ที่หนักหนาสาหัสสุดและทำให้ผมตระหนกตกใจมากก็คือ ตลอดการอ่าน ผมจับประเด็นไม่ได้ว่าแก่นเรื่องหลักหรือเนื้อหาสาระที่นิยายเรื่องนี้ตั้งใจสื่อสารกับผู้อ่านคืออะไร? นึกไม่ออกเลยว่าจะหยิบยกสิ่งใดมาเขียน

นิยายเรื่องนี้มีความยาว 507 หน้า ตอนที่อ่านใกล้จบ เหลือราวๆ 20 หน้าสุดท้าย ผมร่ำๆ ว่าจะถอดใจยอมแพ้ เตรียมงัดแผนสองมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการเปลี่ยนไปเขียนถึงหนังสือเล่มอื่น

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วผมก็อ่านต่อจนจบ โลกเปลี่ยนไปทันที ผมกลับมาชื่นชอบประทับใจใกล้เคียงกับที่เคยรู้สึกเมื่ออ่านคราวแรก และพบเจอแง่มุมที่สามารถหยิบนำมาเขียนได้

ดีใจจนแทบจะลุกออกจากอ่างน้ำ วิ่งตะโกนว่า ‘ยูเรก้า’ เลยทีเดียว เสียแต่ว่าขณะนั้นกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง นุ่งห่มมิดชิด ผมจึงไม่ได้เลียนแบบอาร์คิมีดีส

หลังจากอ่าน ‘ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ’ จบลง ผมนึกถึง It’s a Wonderful Life หนังอเมริกันปี 1946 ผลงานกำกับของแฟรงค์ คาปรา ซึ่งผมรักมากจนนับเป็น ‘หนังในดวงใจ’

It’s a Wonderful Life เป็นหนังแฟนตาซี เรื่องเริ่มต้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟที่เมืองเล็กๆ ชื่อเบดฟอร์ด ฟอลส์ ชาวบ้านต่างพากันสวดภาวนา ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิช่วยเหลือจอร์จ ไบลีย์ ผู้เป็นที่รักของทุกคนและกำลังประสบเหตุทุกข์ร้อนสาหัส ใกล้จะสิ้นเนื้อประดาตัวจนตัดสินใจจะจบชีวิตตนเอง เดือดร้อนถึงเทวดาบนสรวงสวรรค์ต้องส่งเทวดาไร้อันดับซึ่งยังไม่มีปีกลงมาทำหน้าที่ช่วยเหลือ

และก่อนที่จะช่วยได้ เทวดาไร้ปีกจำเป็นต้องรู้ความเป็นมาทั้งหมดในชีวิตของจอร์จ ไบลีย์เสียก่อน

เรื่องราวถัดจากนั้นคือประวัติชีวิตของจอร์จ ตั้งแต่วัยเด็ก วัยหนุ่ม เรื่อยมาจนกระทั่งถึงคืนที่เขาสิ้นหวังออกจากบ้านไปฆ่าตัวตาย

เป็นชีวิตที่เรียบง่ายปกติตามครรลองทั่วไป มีความสุขพอประมาณตามอัตภาพ มีเรื่องติดลบประการเดียวคือตั้งแต่วัยเยาว์ จอร์จใฝ่ฝันถึงอนาคตของตนเองเอาไว้สวยหรู อยากเป็นวีรบุรุษ สร้างวีรกรรมให้โลกจดจำ อยากท่องโลกกว้างผจญภัย แต่สุดท้ายกลับต้องจมปลักใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิด ไม่มีสิ่งใดเฉียดใกล้ความฝัน เมื่ออาชีพการงานล้มคว่ำไม่เป็นท่า (จากการโดนฉ้อโกง) ความผิดหวังทั้งปวงจึงรุมประดัง จนจอร์จเกิดความคิดแง่ลบว่าชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมาของเขาสูญเปล่า ไร้ความหมาย และปราศจากคุณค่า

จอร์จหนีออกจากบ้าน เตรียมกระโดดลงจากสะพานเพื่อฆ่าตัวตาย ขณะกำลังจะลงมือ เทวดาไร้ปีกที่ปรากฏโฉมเป็นชายชราท่าทางติงต๊องก็ชิงตัดหน้ากระโดดลงน้ำฆ่าตัวตาย จอร์จต้องเปลี่ยนบทบาทจากคนที่กำลังจะจบชีวิตมาเป็นผู้ช่วยชีวิต

บทสนทนาระหว่างชายต่างวัยถัดจากนั้น คือต่างคนต่างถกเถียง อ้างว่าตนเองเป็นผู้ช่วยเหลืออีกฝ่าย จนกระทั่งดำเนินไปสู่ใจความสำคัญ เมื่อจอร์จระบายความขมขื่นผิดหวังออกมาว่า ทั้งชีวิตของเขาล้มเหลว จนกระทั่งรู้สึกว่าไม่ต้องเกิดมาเลยยังจะดีเสียกว่า

ฉับพลันนั้นเอง เทวดาในร่างชายชราก็ดีใจ นึกคิดหนทางช่วยเหลือชายหนุ่มออกมาได้ แล้วก็แยกย้ายจากไป

จอร์จกลับเข้ามาในเมือง พบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป เบดฟอร์ด ฟอลส์ที่ไม่เคยมีตัวเขากำเนิดเกิดมา กลายเป็นแหล่งย่านเสื่อมโทรม อาชญากรรมชุกชุม เพื่อนสาวที่คุ้นเคยกันตั้งแต่วัยเด็กกลายเป็นโสเภณีกร้านโลก, น้องชายที่เคยเป็นทหารและเป็นวีรบุรุษของชาติ จมน้ำตายตั้งแต่ยังเด็ก, ภรรยาของจอร์จ กลายเป็นสาวทึนทึกขึ้นคาน ใช้ชีวิตตามลำพังอย่างเปลี่ยวเหงา ฯลฯ

สรุปคือ หลายสิ่งหลายอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ไปในทางเลวร้าย เพราะปราศจากจอร์จ ไบลีย์ และการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาเคยช่วยเหลือผู้คน ซึ่งดูเผินๆ เหมือนเหตุการณ์ปกติธรรมดา ไม่สลักสำคัญอันใด

เรื่องราวใน It’s a Wonderful Life จะคลี่คลายจบลงอย่างไร ลองไปหาหนังมาดูและติดตามกันเอาเองนะครับ ที่ผมอยากกล่าวถึงก็คือ หนังสะท้อนและเสนอแนวคิดว่า ทุกชีวิตที่เราพบพานเจอะเจอ ล้วนเกี่ยวโยงสัมพันธ์กัน และทุกๆ การกระทำของคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเล็กน้อยปานใด อาจส่งผลกระทบสืบเนื่องติดตามมาอย่างใหญ่หลวงต่อผู้อื่น ถึงขั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต

แง่คิดข้างต้น ใกล้เคียงกันมากกับแก่นเรื่องที่ปรากฏใน ‘ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ’

นิยายเรื่องนี้ ดำเนินเรื่องโดยแบ่งออกเป็น 5 บท แต่ละบทมีเหตุการณ์เนื้อเรื่อง ตัวละคร เนื้อหาแง่คิดแตกต่างกันไป และเป็นเรื่องเล่าที่จบครบถ้วนในตัว

เรื่องแรก ‘คำตอบในกล่องส่งนม’ เล่าถึงชาย 3 คน ซึ่งเพิ่งจะทำการลักทรัพย์มาสดๆ ร้อนๆ และประสบปัญหาขณะหลบหนี จู่ๆ รถยนต์ก็เกิดปัญหาขัดข้องโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงตัดสินใจหลบซ่อนที่บ้านร้างหลังหนึ่ง รอเวลาให้ค่ำคืนผ่านพ้นไป และตระเตรียมจากไปตอนรุ่งเช้า

ที่บ้านร้างซึ่งในอดีตเคยเป็นร้านขายของชำ ทั้ง 3 ได้ประสบเหตุการณ์ประหลาด และตกกระไดพลอยโจน จับพลัดจับผลูกลายเป็น ‘ศิราณีไขปัญหาชีวิต’ ให้กับหญิงสาวที่ไม่เคยพบเจอตัว (และใช้นามแฝง) โดยวิธีสื่อสารผ่านการเขียนจดหมายโต้ตอบ

ปัญหาของหญิงสาวก็คือเธอใฝ่ฝันอยากติดทีมชาติไปแข่งกีฬาโอลิมปิก แต่คนรักกำลังป่วยหนัก เหลือเวลาอีกไม่นานนัก จึงเกิดข้อขัดแย้งให้ต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างการทำตามความฝันกับการใช้เวลาอันมีค่าเพื่อคนรัก

เรื่องต่อมา ‘เสียงหีบเพลงปากในยามดึกสงัด’ ว่าด้วยชายหนุ่มชื่อคัตสึโร ซึ่งหลงใหลในเสียงดนตรีและใฝ่ฝันอยากเป็นศิลปินเพลงที่ประสบความสำเร็จ ท่ามกลางการคัดค้านไม่เห็นด้วยของพ่อแม่ซึ่งอยากให้ลูกชายรับช่วงกิจการร้านขายปลา ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วคน

ข้อยุ่งยากใจก็คือ หลังแยกย้ายจากครอบครัวมาใช้ชีวิตในโตเกียวนานหลายปี คัตสึโรก็ยังไม่มีวี่แววเฉียดกรายเข้าใกล้ความสำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเหตุให้ต้องกลับบ้านเกิดไปร่วมงานศพคุณย่า และพบว่าพ่อกำลังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ มีเค้าลางบ่งชัดว่าทนฝืนทำงานที่ร้านขายปลาได้อีกไม่นาน

เรื่องที่ 3 ‘คืนหนึ่งในรถซีวิค’ เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างยูจิ นามิยะ ผู้เป็นพ่อกับลูกชายชื่อทาคายูกิ

ทาคายูกิมีครอบครัว หน้าที่การงานอยู่ในโตเกียว ขณะที่พ่อใช้ชีวิตตามลำพังที่บ้านเกิด ฝ่ายลูกพยายามรบเร้าให้พ่อในวัยชราโยกย้ายไปพำนักอยู่ด้วยกัน แต่กลับถูกยืนกรานปฏิเสธ

เรื่องราวในตอนนี้ เป็นเรื่องของลูกชายที่กังขาข้องใจต่อความคิดและการกระทำของพ่อ ซึ่งแลดูดื้อรั้นและมุ่งมั่นทำในสิ่งที่เล็กน้อยหยุมหยิม จนลูกชายไม่อาจเข้าใจเหตุผลของพ่อ

เรื่องที่ 4 ‘ไว้อาลัยด้วยเดอะบีตเทิลส์’ พูดถึงตัวละครชื่อโคสุเกะ ซึ่งเติบโตมาในครอบครัวฐานะดี พ่อเป็นนักธุรกิจที่กำลังประสบความสำเร็จ ชีวิตความเป็นอยู่หรูหราสุขสบาย จนกระทั่งวันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ธุรกิจประสบปัญหาขาดทุน หนี้สินเพิ่มพูน ครอบครัวตัดสินใจแอบย้ายบ้านเพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหนี้ โคสุเกะเกิดความรู้สึกติดลบกับพ่อแม่ ซึ่งทำให้ทุกอย่างพังทลาย

เรื่องสุดท้าย ‘คำอธิษฐานจากฟากฟ้า’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวชื่อฮารุมิ ซึ่งมี 2 อาชีพที่ต่างกันสุดขั้ว ช่วงกลางวัน เธอเป็นพนักงานบริษัท ทำหน้าที่เบ็ดเตล็ดเหมือนคนรับใช้ อย่างเช่น ชงชา ถ่ายเอกสาร ฯลฯ ได้เงินเดือนต่ำ ไม่มีใครเห็นคุณค่าของงานที่เธอทำ ส่วนยามค่ำคืน ฮารุมิทำงานเป็นสาวนั่งดริงก์ มีรายได้ดี มีแขกประจำ และมีทีท่าว่าจะไปได้สวยบนเส้นทางดังกล่าว

ฮารุมิจึงตัดสินใจว่าจะลาออกจากงานภาคกลางวัน เพื่อทุ่มเทให้กับอีกงานได้เต็มที่ แต่ปัญหาก็คือการบอกล่าวให้คนรอบตัวเข้าใจถึงเหตุผลในการลาออกจากงาน ซึ่งเป็นอาชีพที่ทุกคนยอมรับ มุ่งมั่นกับอีกงานที่มีภาพพจน์ชวนให้มองไปในทางเสื่อมเสีย

ทั้ง 5 เรื่องข้างต้น มีประเด็นแง่คิด รสบันเทิงชวนติดตาม อารมณ์ซาบซึ้งประทับใจ รวมทั้งเนื้อหาแง่คิด แยกขาดจากกันเป็นเอกเทศ

กล่าวโดยรวมคือ ดีตามมาตรฐานแบบนิยายเน้นความบันเทิงทั่วๆ ไป

อย่างไรก็ตาม การที่ ‘ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ’ กลายเป็นงานเขียนประเภทเบสท์เซลเลอร์ ฮิตถล่มทลาย สร้างความประทับใจให้กับนักอ่านทั่วโลก ย่อมต้องมีคุณสมบัติบางอย่างที่พิเศษมากไปกว่านั้น

ผมคิดว่าความพิเศษอันดับแรกคือ การคิดพล็อตและดำเนินเรื่องได้อย่างชาญฉลาด ผูกปมเร่งเร้าความสนใจจากผู้อ่านได้ตลอดเวลา สนุกแบบสามารถอ่านรวดเดียวจบได้สบายๆ

ถัดมาคือ ไอเดียที่สร้างสรรค์มากเกี่ยวกับเงื่อนไขความเป็นแฟนตาซี ซึ่งสามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงเรื่องราวทั้ง 5 บท ‘มีจุดร่วม’ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ประการสุดท้าย ‘ความพิเศษ’ ซึ่งเป็นส่วนที่ผมชอบมากสุดในนิยายเรื่องนี้ก็คือ การสร้างตัวละครมากมาย ผ่านเรื่องเล่าหลายๆ เหตุการณ์ เกิดขึ้นต่างช่วงเวลา และมีเรื่องราวเฉพาะของตนเอง แต่แล้วในระหว่างทางของแต่ละเรื่อง ก็มีการเผยความลับ แสดงความเกี่ยวโยงพัวพันกันอย่างพิสดาร หลายทบหลายชั้น จนกระทั่งท้ายที่สุด เรื่องเล่าทั้ง 5 บท ก็ประกอบรวมกันเป็นนิยายหนึ่งเรื่อง ทุกเหตุการณ์ขับเคลื่อนผลักดันกันอย่างน่าทึ่ง

ความข้องเกี่ยวระหว่างตัวละครที่ขับเคลื่อนซึ่งกันและกันนั้น ขออนุญาตไม่ลงลึกสู่รายละเอียดนะครับ แต่ผู้อ่านข้อเขียนชิ้นนี้ ซึ่งยังไม่เคยอ่าน ‘ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ’ มาก่อน สามารถเข้าใจและนึกภาพคร่าวๆ ได้จากตรงที่ผมกล่าวถึง It’s a Wonderful Life

ในเรื่องเล่าทั้ง 5 บท เนื้อหาแง่คิดมีทั้งที่พูดถึงการเดินตามรอยความฝัน, ความสำเร็จในชีวิตที่ดูเสมือนจะล้มเหลว, การทำสิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่, การทบทวนความหลัง เพื่อสะสางเงื่อนปมในใจ, ชีวิตที่ผ่านพ้นขวากหนามอุปสรรค ด้วยการเป็นฝ่ายรับและการเป็นฝ่ายให้

นี่ยังไม่นับรวมแง่มุมร่วมกันอย่างเช่น ทุกชีวิตย่อมต้องพบเจอเหตุการณ์ที่ยากต่อการตัดสินใจเลือก เป็น ‘ทางแยก’ ที่ชวนให้คิดหนักว่าจะเลือกเส้นทางใด การเปิดใจบอกเล่าปรับทุกข์กับใครบางคน การขอคำแนะนำจากผู้อื่น ซึ่งลึกๆ แล้วคือความปรารถนาอยากสดับรับฟังคำตอบที่สนับสนุนความปรารถนาของตนเอง ฯลฯ

ย่อหน้าข้างต้นทั้งหมดนี้ เมื่อประกอบรวมกับเนื้อความในจดหมายฉบับสุดท้าย มันนำไปสู่อีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งผมชอบมาก

นั่นคือ โอกาสครั้งที่สอง สำหรับการแก้ไขความผิดพลาดในอดีต แง่มุมนี้สะท้อนชัดผ่านเรื่องราวของโจรกระจอก 3 คน ซึ่งกระทำเรื่องเลวร้าย จากนั้นสถานการณ์แปลกประหลาดเฉพาะหน้า ก็ทำให้จำใจต้องแก้ไขปัญหาชีวิตของผู้อื่นไปโดยปริยาย มีโอกาสได้พิจารณาครุ่นคิดถึงความเป็นไปในแง่มุมต่างๆ เพื่อเค้นหาคำตอบที่ดี

ในการนี้ ชายทั้ง 3 มีโอกาสได้ทบทวนทำความเข้าใจชีวิตของตนผ่านปัญหาของผู้อื่น จนเกิดเป็นคำตอบที่ทั้งเข้าท่าและไม่ได้ความ ซึ่งจะส่งผลต่อชีวิตอื่นและโยงใยไปสู่อีกหลายชีวิตหลายทอดในลักษณะเกี่ยวเนื่องเป็นลูกโซ่ จนกระทั่งย้อนกลับมายังจุดเดิมตอนเริ่มต้น

พูดอีกแบบ ‘ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ’ สะท้อนถึง ‘ทางเลือก’ ในการใช้ชีวิต ไม่ว่าปัญหาของแต่ละคนจะหนักหนาผิดแผกต่างกันมากน้อยเพียงไร แต่สิทธิและอิสระในการตัดสินใจ บวกรวมกับจิตสำนึกใฝ่ดีเบื้องลึก มนุษย์ทุกคนล้วนมีอยู่อย่างเท่าเทียม

ผมคิดว่า เงื่อนไขแฟนตาซีในเรื่อง เอาเข้าจริงก็เป็นเพียงแค่ ‘พื้นที่’ หรือ ‘เวที’ สำหรับการแสดงออกแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นโซเชียลมีเดียในยุคอนาล็อก สมัยที่ยังไม่มี Facebook, Instagram หรือ Twitter

ถ้าจะนับเป็นปาฏิหาริย์หรือสิ่งมหัศจรรย์ ก็อยู่ในระดับเปลือกผิวชั้นต้นเท่านั้นนะครับ

ความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องระหว่างชีวิตหนึ่งกับอีกชีวิตหนึ่ง เจตนาดีที่มีต่อกันและกัน การช่วยเหลือเกื้อกูลกันในวิสัยที่พึงกระทำได้ ผลลัพธ์จากสิ่งเล็กๆ ที่คนหนึ่งหยิบยื่นมอบให้อีกคนหนึ่ง จนเกิดเป็นเครือข่ายโยงใย ส่งผลกระทบต่อกันและกันอย่างใหญ่หลวง เหล่านี้ต่างหากที่เป็น ‘ปาฏิหาริย์’ อย่างแท้จริง

ผมจับอกจับใจกับ ‘ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ’ ก็ด้วยเหตุผลนี้ มันเป็นนิยายที่สาธิตอธิบายข้อความในย่อหน้าข้างต้น ออกมาเป็นเรื่องเล่าที่เข้าใจง่าย และเป็นรูปธรรม

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

22 Feb 2022

คราฟต์เบียร์และความเหลื่อมล้ำ

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ เขียนถึงอุตสาหกรรมเบียร์ไทย ที่ผู้ประกอบการคราฟต์เบียร์รายเล็กไม่อาจเติบโตได้ เพราะติดล็อกข้อกฎหมาย และกลุ่มทุนที่ผูกขาด ทั้งที่มีศักยภาพ

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์

22 Feb 2022

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save