fbpx
ฤาฆาตกรจะเป็นมนุษย์ล่องหน? The Invisible Guest

ฤาฆาตกรจะเป็นมนุษย์ล่องหน? The Invisible Guest

‘นรา’ เรื่อง

 

ผมดูหนังสเปนเรื่อง The Invisible Guest แบบบังเอิญพบเจอแล้วลิ้มลองด้วยการเดาสุ่มวัดดวง ไม่รู้จักและไม่ทราบข้อมูลตื้นลึกหนาบางใดๆ มาก่อนเลย เมื่อติดตามไปจนจบลุล่วง ผมก็ไม่ลังเลที่จะยกย่องให้เป็นอีกหนึ่งในหนังแนวฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน สาขาลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมา

 

ควรต้องออกตัวดังเอี๊ยดแรงๆ ไว้ก่อนนะครับว่า งานชิ้นนี้สร้างความยากใจในการเขียนถึงอยู่ 2-3 ประการ เบื้องต้นคือ แนวทางของหนังที่เน้นความบันเทิงเป็นหลัก ค่อนข้างห่างและต่างจากเจตนาในการเลือกหนังมาเขียนถึง ณ เนื้อที่ตรงนี้ ซึ่งมุ่งหมายจะเน้นไปยังการลงลึกด้านเนื้อหาสาระ

The Invisible Guest ไม่สู้จะมีคุณสมบัติตรงกับวัตถุประสงค์ของคอลัมน์สักเท่าไร แต่ที่เลือกหยิบมาเล่าสู่กันฟังก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า เป็นหนังดีมากระดับสมควรอย่างยิ่งยวดแก่การแนะนำเผยแพร่

 

 

อันที่จริงตัวหนังก็มีประเด็นแก่นสารพอให้นำมากล่าวถึงได้เหมือนกัน แต่ก็เป็นสาระปกติตามมาตรฐานของงานท่วงทำนองนี้ อย่างเช่นว่า แนวคิดทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว (หรือว่าตามสำนวนนิยายกำลังภายในว่า “ตาข่ายฟ้ากว้างใหญ่ถี่ยิบเพียงไร ก็ไม่มีรูให้เล็ดลอด”) การถูกเคี่ยวกรำภายในใจโดยสำนึกผิดชอบชั่วดีที่ตัวละครต้องพบเผชิญ และการตั้งคำถามชวนครุ่นคิดเกี่ยวกับระบบหรือกระบวนการยุติธรรม

ประเด็นต่างๆ ข้างต้น  หนังได้เล่าเสนอไปตามเนื้อผ้าดังที่ควรจะมีจะเป็น ไม่เด่นไม่ด้อย อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยทั่วไป สิ่งที่โดดเด่นและน่าสนใจจริงๆ คือ หลายๆ แง่มุมแนบพ่วงรองลงมา ซึ่งมีความคมคาย เย้ยหยัน และสะท้อนถึงความเป็นจริงของชีวิตออกมาได้อย่างชวนให้รู้สึกปวดร้าวสะเทือนใจ (กระทั่งว่าสามารถหยิบนำมาเทียบเคียงกับหลายๆ กรณีในชีวิตจริง ไม่เว้นแม้แต่คดีครึกโครมที่เกิดขึ้นในบ้านเราเมื่อไม่นานมานี้ และยังคงอยู่ในกระดาษความสนใจของสังคมจนถึงปัจจุบัน)

ปัญหาก็คือ แง่มุมเหล่านี้ ถือเป็น ‘เขตอภัยทาน’ ที่ไม่อาจล่วงล้ำก้ำเกิน ไม่พึงแตะต้องหรือกล่าวถึงในบทความวิจารณ์หรือแนะนำหนัง เนื่องจากเกี่ยวข้องโยงใยสู่การเปิดเผยความลับสำหลักสำคัญอย่างแนบแน่น (ซึ่งจะเข้าใจได้ง่ายกว่า ถ้าใช้คำตามสมัยนิยมว่า ‘สปอยล์’) อันถือสากันว่าเป็นบาปหนาสาหัสรุนแรงทางภาพยนตร์เกินกว่าจะยกโทษให้กันได้ง่ายๆ

ตรงนี้เกี่ยวเนื่องถึงความยุ่งยากต่อมา คือ เนื้อเรื่องของหนังดารดาษไปด้วยจุดสุ่มเสี่ยงเปราะบางอ่อนไหวต่อการ ‘สปอยล์’ แทบทั่วทั้งเรื่อง การเล่าเค้าโครงย่นย่อคร่าวๆ จึงเปรียบประหนึ่งเดินฝ่าดงที่เต็มไปด้วยกับระเบิด

อย่างไรก็ตาม ในการเล่าสู่กันฟังเพื่อชี้ชวนให้เห็นถึงความน่าสนใจของหนัง และเพื่อโน้มน้าวเชิญชวนให้ผู้อ่านผ่านตาบทความแล้วอยากเสาะหาหนังมาดู จำเป็นอยู่บ้างที่จะต้องเผยความลับบั่นรอนอรรถรส ซึ่งผมจะพยายามไตร่ตรองโดยถี่ถ้วนและระแวดระวังให้มีและเกิดขึ้นน้อยที่สุด

เรื่องที่ผมจะต้องออกตัวดังเอี๊ยดก็เอวังด้วยประการฉะนี้นะครับ

The Invisible Guest เล่าถึงเอเดรียน ดอเรีย หนุ่มนักธุรกิจระดับนำที่ประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์ มีชีวิตครอบครัวอบอุ่นเพียบพร้อม ฐานะมั่งคั่งร่ำรวย สมบูรณ์แบบในทุกสิ่งทุกด้าน แต่ทั้งหมดนี้กำลังจวนเจียนจะคืบเคลื่อนสู่หายนะอยู่รอมร่อ เมื่อเขาตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าโหดชู้รักสาวสวยชื่อลอรา ที่ลักลอบคบหาพึงใจกันด้วยเพศรสมาได้ไม่นานนัก ในห้องพักโรงแรมหรูหราสำหรับเล่นสกีหิมะบนภูเขา ห่างไกลจากย่านชุมชน

เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนแล้วได้ผลสันนิษฐานว่า เป็นการฆ่าปิดปากจากการที่ดอเรียถูกผู้ตายขู่กรรโชกทรัพย์ พยานแวดล้อมและหลักฐานทั้งหมดที่พบ บ่งชี้ไปทิศทางเดียวกันและผูกมัดจนดิ้นไม่หลุดว่า ดอเรียคือฆาตกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นว่า จุดเกิดเหตุมีลักษณะเป็นห้องปิดตาย ประตูล็อคจากด้านใน หน้าต่างทุกบานปิดสนิท ทางโรงแรมถอดด้ามจับออก เพื่อป้องกันลมหิมะในฤดูหนาว อีกทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ ปรากฏแน่ชัดว่า นอกจากผู้ตายและผู้ต้องสงสัยแล้ว ไม่มีใครอื่นเข้านอกออกในเป็นเวลาหลายชั่วโมง

ข้อแก้ต่างเพียงหนึ่งเดียวจากการให้ปากคำของดอเรียก็คือ ก่อนเกิดเหตุตัวเขาและลอรา ได้รับการติดต่อจากบุคคลลึกลับแสดงหลักฐานบางอย่าง ส่อเป็นนัยว่าล่วงรู้ถึงสัมพันธ์สวาทระหว่างทั้งสอง (ซึ่งต่างฝ่ายต่างแต่งงานแล้ว และมีความสุขพึงพอใจกับชีวิตคู่ของตนเอง การลักลอบคบหานี้อยู่บนเหตุผลเรื่องเซ็กซ์ล้วนๆ โดยไม่มีความรักมาเกี่ยวข้อง) พร้อมทั้งคำขู่เตรียมจะแฉเปิดโปงพฤติกรรมนอกใจนี้ต่อสาธารณชน หากไม่ได้รับเงินค่าปิดปากก้อนใหญ่

ดอเรียกับลอราตกอยู่ในสภาพไม่มีทางเลือกต้องยอมจำนนต่อคำขู่ และเดินทางมายังจุดนัดหมายในห้องพักโรงแรมที่ผู้ขู่กรรโชกตระเตรียมไว้ จนเมื่อผ่านการรอคอยในห้องราวๆ 2 ชั่วโมง ทั้งคู่ก็ได้รับข้อความผ่านทางโทรศัพท์มือถือ จนฉุกใจรู้แน่ว่า ทั้งหมดนี้เป็นหลุมพรางกลลวง จึงตัดสินใจผละหนีให้พ้นจากที่แห่งนั้นโดยไว

ทว่าชั่วขณะเพียงอึดใจต่อมา ดอเรียโดนลอบทำร้ายถูกฟาดท้ายทอยจนสลบหมดสติ เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งก็ได้ยินเสียงตะโกนร้องเรียกและเคาะประตูจากตำรวจ (ซึ่งมาเพราะได้รับโทรศัพท์แจ้งความจากพยานห้องข้างเคียงที่ได้ยินเสียงเอะอะโครมครามและเสียงตะโกนกรีดร้องในห้อง จนสงสัยว่าอาจเกิดเหตุร้ายแรง)

เมื่อตำรวจพังประตูเข้ามาในห้องก็พบศพของหญิงสาว และดอเรียในสภาพงุนงงสับสนต่อเหตุการณ์วุ่นวายป่วงทั้งหลายประดามีที่เกิดขึ้น

คำให้การของชายหนุ่มที่ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองนั้น เต็มไปด้วยช่องว่างรอยโหว่ ขาดแคลนความน่าเชื่อถืออย่างถึงที่สุด รวมทั้งโดนร้อยรัดด้วยเงื่อนตายสำคัญ 2 ข้อ คือ สภาพที่เกิดเหตุในลักษณะห้องปิดตาย และเรื่องห้อมล้อมจากต้นจนจบที่มองไม่เห็นใครอื่นอืก นอกจากตัวดอเรียเอง ซึ่งเข้าข่ายมีเหตุแรงจูงใจให้ลงมือก่อการฆาตกรรม

 

 

สถานการณ์โดยรวมเช่นนี้ ตึงมือหนักหนาเกินกว่าที่ทนายประจำตัวของดอเรียจะคลี่คลายสะสางได้ด้วยตนเอง ที่พึ่งสุดท้ายจึงต้องฝากชะตาไว้ในกำมือของทนายความหญิงวัยกำลังจะเกษียณชื่อเวอร์จิเนีย กูดแมน ผู้ช่ำชองสันทัดในการว่าความคดีฆาตกรรมมายาวนานหลายสิบปี โดยมีเกียรติประวัติชนะมาตลอดทุกคดี ไม่เคยพ่ายแพ้

เนื้อเรื่องทั้งหมดที่ผมเล่ามานั้น กินเนื้อความและเวลาในหนังประมาณ 10 นาทีนะครับ เหตุการณ์ที่เหลือต่อมาไปจนกระทั่งจบ ไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้ทั้งสิ้น แต่เล่าอ้อมๆ กว้างๆ เพิ่มอีกนิดได้ว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการทำงานแบบมืออาชีพของยอดทนายความ ในการซักไซ้ไล่เรียงสู่รายละเอียดปลีกย่อยหลายๆ อย่าง ผ่านคำให้การของลูกความ เป็นทั้งการมุ่งสืบเสาะแสวงหาความจริงพร้อมๆ กับลำดับสร้างหนทางต่างๆ นานาในการตระเตรียมรับมือสู้คดีกับฝ่ายอัยการ ท่ามกลางเงื่อนไขที่เสียเปรียบทุกประตู และไม่เห็นวี่แววความเป็นไปได้ว่าจะสามารถเอาชนะได้เลย

ตัวเรื่องอาจสรุปได้ตามคำโปรยบนโปสเตอร์ที่ว่า ‘ทุกเรื่องราวเหตุการณ์ล้วนมี 2 ด้าน แต่ความจริงแท้นั้นมีหนึ่งเดียว’

The Invisible Guest เป็นหนังฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนที่สนุกแบบสะกดตรึงผู้ชมอยู่หมัด ตั้งแต่เริ่มเรื่องไปจนกระทั่งจบ ลุ้นระทึกเร้าใจตลอด โดยไม่มีฉากแอ็คชันหวือหวาหรือลีลาเร่งเร้ากระชากกระชั้นให้เห็นกันเลย จังหวะของหนังดำเนินไปนิ่งเรียบ ฉับไว ส่วนใหญ่เป็นฉากพูดคุยสนทนา

ความตื่นเต้นชนิดละวางสายตาไม่ได้เลย เกิดจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ การเล่นกับสถานการณ์เหนือความคาดหมายหรือเหนือการควบคุมของตัวละคร จนต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเอาตัวรอดด้วยไหวพริบปฏิภาณในฉับพลัน

มีจังหวะใจหายใจคว่ำทำนองนี้อยู่เป็นระยะๆ และผูกสร้างคิดขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง ระดับที่เทียบเคียงหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับผลงานของอัลเฟรด ฮิทช์ค็อค ผู้ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ของหนังแนวตื่นเต้นระทึกขวัญ

ปัจจัยแห่งความสนุกต่อมา เป็นด้วยพล็อตเรื่องที่สุดแสนจะชาญฉลาด หลากด้วยจุดพลิกผันและการล่อหลอก เร่งเร้ากระตุ้นให้ผู้ชมเฝ้าติดตามด้วยความกระหายใคร่รู้ว่า ที่สุดแล้วเรื่องราวจะนำพาไปสู่บทลงเอยเช่นไร? (รวมทั้งการเฉลยปริศนาเกี่ยวกับฆาตกรรมในห้องปิดตาย)

เป็นพล็อตและการดำเนินเรื่องที่เริ่มติดตามแล้ว ก็คาดเดาล่วงหน้าไม่ถูกเลยว่าเหตุการณ์ต่อๆ มาจะหวยออกเบอร์ไหน

หนังหรือนิยายที่เน้นการวางเค้าโครงโลดโผนพิสดาร ล่อหลอกให้ผู้อ่านผู้ชมไขว้เขว แล้วลงท้ายด้วยการตลบหลังเป็นอื่น จนเกิดผลสั่นสะเทือนชวนตื่นตะลึงนั้น เท่าที่ผมได้ตามอ่านตามดูมา พอจะตั้งข้อสังเกตได้ว่า คิดกันได้ไม่ยากเกินปัญญาความสามารถนะครับ ที่ยากมากๆ คือ การคิดและ ทำพล็อตพิสดารออกมา แล้วได้ผลลัพธ์เป็นความแยบยลแนบเนียนเหนือชั้น

 

ส่วนใหญ่ของหนังและนิยายฆาตกรรมที่เน้นพล็อตมหัศจรรย์พันลึก จึงมักจะเหลวไหลเลอะเทอะเมื่อเฉลยหักมุมตอนท้าย โดยมากอาจได้ผลในแง่ของการสร้างความประหลาดใจ แต่ล้มเหลวในการทำให้รู้สึกสมเหตุสมผล

The Invisible Guest ประสบความสำเร็จทั้ง 2 ประการ ทั้งในแง่อารมณ์ความรู้สึก และความแนบเนียนเป็นเหตุเป็นผลเมื่อทบทวนถึงกลลวงที่หนังวางเอาไว้

มีจุดล่อหลอกเด่นชัดอย่างหนึ่ง ซึ่งเจตนาจะลวงทั้งผู้ชมและตัวละครไปพร้อมๆ กัน จนผู้ชมนึกเอะใจสงสัยได้ไม่ยากเมื่อดูจบ และทำให้ผมต้องดูซ้ำเป็นรอบที่สองเพื่อจับหาพิรุธ จนได้พบว่า รายละเอียดตรงจุดนั้น นอกจากจะรัดกุมหนาแน่นไม่หลุดในด้านเหตุผลแล้ว ยังแสดงฉลาดเจ้าเล่ห์ในการล่อหลอกได้เนียนสนิท

ยิ่งไปกว่านั้น หลายจุดที่ผู้ชมไม่ได้เอะใจสงสัยเมื่อดูรอบแรก ในการดูซ้ำซึ่งรู้คำตอบต่างๆ หมดแล้ว ก็พบว่า มีการแทรกใส่เหตุผลคำอธิบายรองรับการหักมุมไว้อยู่เป็นระยะๆ จนทำให้การดูซ้ำ ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความถี่ถ้วนรัดกุมของบทภาพยนตร์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

ความชอบสุดท้ายของผมต่อ The Invisible Guest ก็คือ สิ่งที่เรียกกันว่า conflict หรือปมขัดแย้งในใจของตัวละครหลักๆ ทั้งหมด ซึ่งผูกวางสร้างขึ้นอย่างเข้มข้นชวนติดตาม ส่งผลให้เกิดจังหวะดรามาดีๆ อยู่หลายครา ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ตลอดการติดตามดูหนังเรื่องนี้  ต่อมศีลธรรมและจริยธรรมในตัวของผู้ชมเอง ก็โดนสั่นคลอนโยกไหวไปมา ระหว่างความถูกต้องกับความผิด ความจริงกับการโกหกหลอกลวง ความรู้สึกผิดบาปกับการอยู่รอดปลอดภัย ฯลฯ

พูดด้วยภาษาง่ายๆ คือ ระหว่างดูหนังเรื่องนี้  บางครั้งหนังก็ทำให้ผู้ชมเผลอเชียร์ตัวละครขณะทำเลว บางครั้งก็ทำให้ผู้ชมเรียกร้องความถูกต้องดีงาม

 

แง่มุมนี้เป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นที่หนังทำได้ตื่นเต้นเร้าใจมากๆ

 

 

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

4 Aug 2020

การสืบราชสันตติวงศ์โดยราชสกุล “มหิดล”

กษิดิศ อนันทนาธร เขียนถึงเรื่องราวการขึ้นครองราชสมบัติของกษัตริย์ราชสกุล “มหิดล” ซึ่งมีบทบาทในฐานะผู้สืบราชสันตติวงศ์ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร 2475

กษิดิศ อนันทนาธร

4 Aug 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save