จากการประมาณการขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ปี 2018 แรงงานข้ามชาติในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกมีจำนวนกว่า 11.6 ล้านคน โดย 5.2 ล้านคนเป็นแรงงานหญิงซึ่งเข้ามาทำงานในภาคส่วนต่างๆ เช่น ลูกจ้างทำงานบ้าน อุตสาหกรรมบันเทิง อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้า ภาคก่อสร้างและอื่นๆ
สำหรับประเทศไทย สถิติล่าสุดระบุว่ามีแรงงานข้ามชาติจำนวน 3.9 ล้านคน และส่วนใหญ่เดินทางมาจากประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม
ถึงแม้ว่าแรงงานข้ามชาติเหล่านี้จะเข้ามามีส่วนช่วยในการสร้างเศรษฐกิจและสังคมทั้งประเทศต้นทางและประเทศไทย แต่แรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะแรงงานหญิง ยังคงเผชิญกับปัญหาจากทัศนคติคนในสังคม จนเป็นเหตุให้ถูกกีดกัน เลือกปฏิบัติ รวมถึงเกิดความรุนแรง
ปัญหาเหล่านี้จะลดน้อยลง หากเราเริ่มทำความรู้จัก ‘คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย’ เพื่อมองเห็นความจริงที่ว่า เราทุกคนคือคนเท่ากัน
รับชมคลิปตัวเต็มได้ที่
1.
จากการสำรวจความคิดเห็นของ ILO และ UN Women ระบุว่าคนไทยร้อยละ 40 คิดว่าแรงงานข้ามชาติทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ และอีกกว่าร้อยละ 53 มองว่าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องจ้างแรงงานข้ามชาติที่มีทักษะต่ำ (low-skilled worker) เข้ามาช่วยทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
แต่แท้จริงแล้วหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงประเทศไทย มีความจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานข้ามชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งแรงงานเหล่านี้ช่วยเติมเต็มการขาดแคลนแรงงานในประเทศ จากการรายงานขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) และ ILO ในปี 2017 พบว่า สัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP นั้นมาจากแรงงานข้ามชาติ ถึงร้อยละ 4.3 – 6.6
ภาพ: © ILO/Adri Berger
2.
คนไทยร้อยละ 77 เชื่อว่าแนวโน้มอาชญากรรมในประเทศเพิ่มขึ้นเพราะกลุ่มแรงงานข้ามชาติร้อยละ 60 เชื่อว่าแรงงานข้ามชาติไม่มีจรรยาบรรณในการทำงาน ไว้ใจไม่ได้ และอีกร้อยละ 58 คิดว่าแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำลายวิถีชีวิต วัฒนธรรมที่ดีงามของประเทศ
อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานน้อยมากที่ยืนยันได้ว่าแรงงานข้ามชาติมีแนวโน้มในการก่อเหตุอาชญากรรมมากกว่าคนในท้องที่
ภาพ: © UN Women
3.
คนไทยร้อยละ 52 เชื่อว่าแรงงานข้ามชาติไม่ควรได้รับค่าแรง สิทธิ สวัสดิการที่เท่าเทียมกับคนในประเทศ ทำให้แรงงานข้ามชาติมักถูกเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน นอกจากนี้ แรงงานหญิงข้ามชาติยังเป็นกลุ่มที่ได้รับค่าจ้างต่ำกว่าแรงงานชายเพราะความเชื่อเรื่องระบอบชายเป็นใหญ่ เห็นคุณค่าของงานหรือทักษะของแรงงานหญิงน้อยกว่าชาย
แต่เมื่อถามถึงแรงงานหญิงข้ามชาติโดยเฉพาะร้อยละ 60 ของคนไทยเห็นว่าหากทำงานที่เหมือนกัน ก็ควรได้รับค่าตอบแทนที่เท่ากันกับแรงงานหญิงไทย
ภาพ: © ILO/Nguyễn ViệtThanh
4.
การศึกษาที่เน้นเรื่องประวัติศาสตร์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในอดีต ความเป็นชาตินิยม อาจทำให้คนส่วนหนึ่งเกิดอคติต่อแรงงานข้ามชาติ
ด้านการนำเสนอข่าวของสื่อ ที่มักเสนอข่าวอาชญากรรม ใช้คำตีตรา เช่น ผิดกฎหมาย โจร ต่างด้าว และเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียว ก็ทำให้ผู้รับสารเกิดภาพจำและความรู้สึกด้านลบต่อแรงงานข้ามชาติ ซึ่งทัศนคติแง่ลบนี้อาจก่อให้เกิดการละเมิดหรือความรุนแรงโดยเฉพาะกับแรงงานหญิงได้
การศึกษาที่ให้คุณค่ากับความหลากหลายและการนำเสนอข้อมูลที่รอบด้านของสื่อสามารถช่วยให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อแรงงานข้ามชาติ และส่งเสริมสังคมให้ไม่ตีตราและไม่เลือกปฏิบัติได้
ภาพ: © ILO/Pichit Phromkade
5.
อคติเรื่องเชื้อชาติ เพศ และมุมมองต่องานบางประเภทที่ไม่นับว่าเป็นงาน หรือถูกมองว่าเป็นงานที่ไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น การทำงานบ้าน ทำให้ลูกจ้างทำงานบ้านที่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานหญิงได้รับค่าจ้างน้อยกว่าที่ควรจะได้รับ ทำงานเกินเวลาโดยไม่มีค่าตอบแทน เพราะนายจ้างถือว่าการให้แรงงานอาศัยร่วมกันในบ้านถือเป็นสวัสดิการที่ดีแล้ว อีกทั้งกฎหมายคุ้มครองแรงงานในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดทำให้แรงงานกลุ่มนี้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิแรงงานบางประการได้ เช่น สิทธิประกันสังคม
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องแรงงานหญิงอาจถูกยกเลิกสัญญาจ้างเมื่อตั้งครรภ์ ไม่มีอิสระในการเดินทาง จึงไม่สามารถได้รับความช่วยเหลือเมื่อเผชิญกับการถูกละเมิดหรือความรุนแรงภายในบ้าน
ภาพ: © UN Women/Ploy Phutpheng
6.
งานศึกษาจาก ILO และ UN Women พบว่า ทัศนคติส่งผลต่อการปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติ รวมถึงสิทธิ โอกาส และการป้องกันความรุนแรงที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับแรงงานหญิง ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันมากขึ้นจะทำให้ลดอคติต่อแรงงานได้
7.
จากผลสำรวจพบว่า ในตอนนี้ คนไทยกว่าร้อยละ 71 เริ่มหันมาสนับสนุนสิทธิการลาคลอดที่เท่าเทียมสำหรับแรงงานหญิงข้ามชาติร้อยละ 83 สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อยุติความรุนแรงต่อแรงงานหญิงข้ามชาติ
ร้อยละ 85 สนับสนุนการเข้าถึงบ้านพักฉุกเฉินหากแรงงานหญิงข้ามชาติได้ถูกละเมิดหรือได้รับความรุนแรง
ร้อยละ 80 ของคนไทยสนับสนุนสภาพการทำงานที่ดีขึ้นของลูกจ้างทำงานบ้าน
และ ร้อยละ 69 สนับสนุนสิทธิแรงงานที่เท่าเทียมสำหรับลูกจ้างทำงานบ้าน
8.
ถึงแม้ว่า ที่ผ่านมา ทัศนคติและแรงสนับสนุนนโยบายเกี่ยวกับการช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่เราเชื่อว่าสังคมไทยจะดีขึ้นได้มากกว่านี้ น่าอยู่สำหรับแรงงานข้ามชาติและคนทุกคนได้มากกว่านี้
ขอเพียงเริ่มเปิดใจทำความรู้จักคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย