กองบรรณาธิการ The101.world เรื่อง
ภาพิมล หล่อตระกูล ภาพประกอบ
หลังจากเปิดโปรเจ็กต์อย่างเป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะได้มาลุ้นพร้อมๆ กันว่า ‘ความน่าจะอ่าน 2018-2019’ นั้นจะมีเล่มไหนติดโผเข้ามาบ้าง!
จากการสำรวจความเห็นบรรณาธิการและนักอ่านกว่าร้อยคน มีผู้ส่งคำตอบกลับมาทั้งสิ้น 51 คน ทำให้เราได้ลิสต์รายชื่อหนังสือมาทั้งหมด 116 เล่ม ซึ่งเราจะเรียกว่าเป็น ‘The Finalists’ ของความน่าจะอ่าน 2018-2019
ความน่าสนใจคือในลิสต์ทั้ง 116 เล่มนี้ มีเล่มที่ถูกเลือกซ้ำกันอยู่จำนวนหนึ่ง และมีบางเล่มที่ได้รับการแนะนำมากกว่าใครเพื่อน
ถึงตรงนี้ เราขอเพิ่มความตื่นเต้นเข้าไปอีกนิด เพราะทุกคนจะยังไม่รู้ว่า ‘บางเล่ม’ นั้นคือเล่มไหนบ้าง จนกว่าเราจะปล่อยลิสต์ทั้งหมดออกมาครบ โดยเราจะทยอยปล่อยลิสต์หนังสือออกมาทีละชุด ทั้งหมด 3 ชุด โดยแบ่งเป็นชุดละ 17 คน ว่าแต่ละคนเลือกหนังสือเล่มใด ด้วยเหตุผลใดบ้าง
ทั้งนี้ หลังจากปล่อยลิสต์ครบทั้งหมดแล้ว เราจะชวนนักเขียนมาเขียนถึงเล่มที่เป็น ‘Top Highlight’ เป็นบทความรีวิวแบบจัดเต็มว่าเล่มนั้นๆ น่าสนใจอย่างไร ก่อนปิดท้ายด้วยงานเสวนา ‘ความน่าจะอ่าน 2018-2019 : Final Round’
หลังจากที่ได้ทราบ The Finalists ชุดแรก กันไปแล้ว มาลุ้นกันต่อเลยว่าในชุดที่ 2 นี้ จะมีเล่มไหนติดโผเข้ามาบ้าง
สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม)
นักเขียน เจ้าของสำนักพิมพ์ KOOB
เล่มที่แนะนำ :
1. ซอร์บา: Zorba the Greek
ผู้เขียน: Nikos Kazantzakis
ผู้แปล: ธีรศักดิ์ จิรรัตนไพโรจน์
สำนักพิมพ์: สามัญชน
“เนื้อหาเร้าใจ สำนวนแปลเร้าอารมณ์ เขย่าต่อมคนดีในใจให้เกิดสั่นไหว เหมือนซอร์บามาบอกว่า ‘อย่าเป็นคนดีจากการท่องคัมภีร์ แต่จงออกไปดื่มกินชีวิต แล้วพิจารณาเอาเองจากการตกผลึกผ่านประสบการณ์ สำเริงสำราญทุกบท’ นับเป็นหนังสือที่เข้ามาถูกช่วงเวลา ยกให้เป็นอีกเล่มที่ขึ้นหิ้ง ‘หนังสือในดวงใจ’”
2. เทวตำนานในอริยวิถี
ผู้เขียน: เอกชัย สถาพรธนพัฒน์
สำนักพิมพ์: วิภาษา
“เชื่อมโยงเทวตำนาน งานศิลป์ วรรณกรรม วรรณคดี เกร็ดพุทธประวัติ ภูมิปัญญาตะวันออก ผีสางเทวดา ฯลฯ เข้าด้วยอย่างน่าอัศจรรย์ใจ อ่านแล้วได้เห็นรากที่มาของวัฒนธรรมไทยที่สืบเนื่องมาจากอินเดีย พุทธที่เชื่อมกับพราหมณ์ รวมไปถึงความหมายที่ซุกซ่อนไว้ในเรื่องเล่า สัญลักษณ์ และตัวละครต่างๆ อ่านแล้วเดินเที่ยววัดหรืออ่านวรรณคดีได้สนุกกว่าเดิม เรื่องที่เคยมองว่างมงายกลายเป็นสิ่งที่มีสัจธรรมสอนใจซ่อนไว้ ผู้เขียนเรียบเรียงเรื่องยากให้อ่านง่ายจนวางไม่ลง”
3. ความขัดแย้งสิบเจ็ดประการกับจุดจบของระบบทุนนิยม
ผู้เขียน: เดวิด ฮาร์วี
ผู้แปล: ภัควดี วีระภาสพงษ์
สำนักพิมพ์: สวนเงินมีมา
“เริ่มจากคำถามต่อระบบทุนนิยมที่กำลังหมุนโลกไป ไม่ใช่แค่บ่นหรือก่นด่า แต่พาเราไปสำรวจรากที่มา วิธีคิด วิถีชีวิต และโครงสร้างที่อุ้มชูระบบทุนนิยมเอาไว้ ขุดลึกลงไปตั้งแต่ความหมายของ ‘เงิน’ และ ‘ทุน’ อ่านแล้วเหมือนปลาที่กระโดดขึ้นไปเหนือน้ำแล้วมองแผ่นน้ำนี้กว้างๆ จนเห็นตัวเองว่ายวนอยู่ในนั้น เห็นปัญหา ข้อกังวล ซึ่งผู้เขียนเองได้ชวนคิดถึงทางออกไว้ในช่วงท้ายของทุกบท อ่านแล้วเครียดนิดๆ แต่เป็นความเครียดที่มีประโยชน์”
ธัชชัย ธัญยวัลย
นักเขียน เจ้าของสำนักพิมพ์ ArtyHOUSE
เล่มที่แนะนำ :
1. ความลับ
ผู้เขียน: ฮิงาชิโนะ เคโงะ
ผู้แปล: บุญชู ตันติรัตนสุนทร
สำนักพิมพ์: Maxx Publishing
“มีประเด็นเพศอันสุ่มเสี่ยงระหว่างบิดา กับบุตรสาว”
2. เรื่องเล่าของสาวรับใช้ (The Handmaid’s Tale)
ผู้เขียน: Margaret Atwood
ผู้แปล: จุฑามาศ แอนเนียน
สำนักพิมพ์: Library House
“มีประเด็นเกี่ยวกับเสรีภาพ และเผด็จการที่น่าสนใจ”
3. สะกดความคิด สะกิดพฤติกรรม
ผู้เขียน: Richard H. Thaler, Cass Sunstein
ผู้แปล: นรา สุภัคโรจน์
สำนักพิมพ์: วีเลิร์น (WE LEARN)
“เป็นหนังสือที่ทุกคนควรอ่าน เพื่อจะได้มีไอเดียในการพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตมากขึ้น”
พิพัฒน์ พสุธารชาติ
เจ้าของสำนักพิมพ์ Illuminations Editions
เล่มที่แนะนำ :
1. ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ : วิวัฒนาการรัฐไทย
ผู้เขียน: กุลลดา เกษบุญชู มี้ด
ผู้แปล: อาทิตย์ เจียมรัตตัญญู
สำนักพิมพ์: ฟ้าเดียวกัน
2. เขียนชนบทให้เป็นชาติ
ผู้เขียน: เก่งกิจ กิติเรียงลาภ
สำนักพิมพ์: มติชน
3. เสียดินแดนมลายู… ประวัติศาสตร์ชาติฉบับ Plot Twist
ผู้เขียน: ฐนพงศ์ ลือขจรชัย
สำนักพิมพ์: ศิลปวัฒนธรรม
กิตติพล สรัคคานนท์
นักเขียน เจ้าของสำนักพิมพ์พันหนึ่งราตรี
เล่มที่แนะนำ :
1. แผ่นดินที่สิ้นสูญ (The Waste Land)
ผู้เขียน: T. S. Elliot
ผู้แปล: กรกิจ ดิษฐาน
สำนักพิมพ์: ปล่อยสำนักพิมพ์
“เป็นบทกวีชิ้นสำคัญที่เพิ่งได้รับการแปลเป็นภาษาไทย และจัดพิมพ์ออกมาครั้งแรก”
2. จบเกม
ผู้เขียน: Julio Cortázar
ผู้แปล: สว่างวัน ไตรเจริญวิวัฒน์
สำนักพิมพ์: ผีเสื้อ
“ความเลิศล้ำอำไพของเรื่องสั้น ศิลปะการเขียนเรื่องสั้นที่พิสดารและล้ำสมัย สามารถพบได้ในงานของคอร์ตาซาร์เล่มนี้ เอเมน”
3. คำสรรภาพ (The Confessions)
ผู้เขียน: นักบุญออกุสติน
ผู้แปล: วิกิจ สุขสำราญ
สำนักพิมพ์: คบไฟ
“นี่คืองานชิ้นสำคัญที่เป็นแม่แบบของงานปรัชญาและวรรณกรรมมากมาย ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาไทยอย่างประณีตงดงาม”
ขจรฤทธิ์ รักษา
นักเขียน เจ้าของสำนักพิมพ์บ้านหนังสือ
เล่มที่แนะนำ :
1. รักเมื่อคราวห่าลง
ผู้เขียน: Gabriel García Márquez
ผู้แปล: รัชยา เรืองศรี
บรรณาธิการ: มนตรี ภู่มี
สำนักพิมพ์: บทจร
“เฟมินา ดาซา อายุ 72 โฟเรนติโน อารีซา อายุ 76 เขาเป็นลูกนอกสมรส พ่อเป็นหุ้นส่วนของบริษัทเดินเรือที่ร่ำรวย พ่อไม่ยอมรับว่าเขาเป็นลูกแต่ก็แอบส่งเสียให้กินให้อยู่ ตอนอายุ 16 เขาเป็นผู้ช่วยรับส่งโทรเลข ส่วนเธออายุ 13 เมื่อพบกันครั้งแรก เขาหลงรักเธอ แต่ถูกพ่อของเธอกีดกัน พ่อทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอเลิกคบหากับเขา จนกระทั่งเธอได้แต่งงานกับคุณหมอประจำเมือง ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ฟุ่มเฟือย และตัดใจลืมเขาไปในที่สุด ในขณะที่เขายังคงรักอย่างมั่นคง และนับวันรออย่างอดทน”
2. ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ
ผู้เขียน: เกาสิงเจี้ยน
ผู้แปล: รำพรรณ รักศรีอักษร
สำนักพิมพ์: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น
“หนังสือที่ผมชอบพูดถึงอยู่บ่อยมากก็คือ ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ ของเกาสิงเจี้ยน ชีวิตเขาค่อนข้างตลก วันหนึ่งเมื่อปี 1982 เขาไปหาหมอ หมอทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด และวินิจฉัยว่าเขาเป็นมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคเดียวกับที่ทำให้พ่อของเขาเสียชีวิต เขาคิดว่าคงอยู่ได้อีกไม่กี่ปีก็น่าจะตาย เกาสิงเจี้ยนเครียดมากกับข่าวร้ายนี้ ประกอบกับบทละครของเขาเรื่องหนึ่งถูกทางการจีนวิพากษ์ว่าเป็น ‘มลภาวะ’ ทางปัญญา และมีข่าวลือว่าเขาอาจจะถูกลงโทษให้ไปใช้แรงงานในชนบท เขาจึงใช้เวลาสิบเดือนออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อบรรเทาความกลัดกลุ้ม เริ่มจากปักกิ่งสู่ป่าเขาแถบมณฑณเสฉวน และเดินตามรอยแม่น้ำแยงซีเกียงจากต้นน้ำจนออกสู่ชายฝั่ง เรื่องราวที่เขาพบระหว่างทางกลายเป็นแรงบันดาลใจและวัตถุดิบในการเขียนนวนิยายที่ยิ่งใหญ่คือ ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งแสดงถึงการค้นหารากเหง้าของปัจเจกบุคคล ความสงบสุขภายใน และเสรีภาพ ด้วยเหตุผลทางการเมือง มารดาของเกาสิงเจี้ยนถูกส่งตัวไปอยู่ในชนบท และจมน้ำตายเนื่องจากอุบัติเหตุ ส่วนเกาสิงเจี้ยนถูกบังคับให้ไปใช้แรงงาน ทำให้เขาเริ่มเขียนหนังสือ หลังจากนั้นก็เกิดการปฏิวัติทางวัฒนธรรม เขาถูกส่งไปเข้าค่ายในชนบทอีกแห่งเพื่อล้างสมอง เขาต้องเผาทำลายต้นฉบับงานเขียนจำนวนมาก ทั้งนวนิยาย บทความ และบทละคร เพราะงานเขียนของเขาท้าทายแนวคิดในระบอบสังคมนิยมของเหมาเจ๋อตุง หลังจากนั้นเขากลับมาทำงานเป็นนักแปลในสมาคมนักเขียนจีน และเขียนบทละครในปักกิ่ง จนถึง ค.ศ. 1978 จึงพิมพ์นวนิยายเรื่องแรก ก่อนจะมีโอกาสได้เดินทางไปฝรั่งเศสและอิตาลี”
3. หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา
ผู้เขียน: อุรุดา โควินท์
สำนักพิมพ์: มติชน
“สำคัญที่สุดคือ การได้เห็นวิถีชีวิตของนักเขียนหนุ่มคนหนึ่ง เห็นถึงความเอาจริงเอาจัง มุ่งมั่นอดทน ความเด็ดเดี่ยวที่จะเป็นนักเขียนที่ดีในอุดมคติของเขา แม้จะลำบากแค่ไหน อดอยากยากไร้อย่างไร แต่เราจะไม่ได้ยินเสียงบ่นของเขา เราไม่มีทางรับรู้ว่าเขาทุกข์ขนาดไหน ฉากที่จำได้ขึ้นใจคือตอนที่เพื่อนๆ มาสุมกันอยู่ที่บ้านหลายวัน หลังจากที่เพื่อนกลับกันหมด เหลือแต่เขากับอุรุดา เขาเดินลงจากข้างบนมาเปิดกระเป๋าที่วางไว้หลังตู้เย็น และพบว่าไม่มีเงินเหลืออยู่แม้แต่บาทเดียว เขาพูดสั้นๆ คำเดียวว่า ‘อ้าว…แล้วเราจะกินอะไร’ เป็นประโยคที่ผมรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก หนังสือ ‘หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา’ ของอุรุดาเป็นหนังสือดี สะท้อนเรื่องราวแห่งความเป็นจริงของนักเขียนสองคนที่มาพบกันและได้ใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน ผ่านความทุกข์ความสุขกันมาพอสมควร ก่อนที่นักเขียนหนุ่มจะจากโลกนี้ไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว”
อนุรุทธ์ วรรณพิณ และ นัฏฐกร ปาระชัย
ผู้ก่อตั้งร้านหนังสือออนไลน์ Readery
เล่มที่แนะนำ :
1. คินสึงิ ความงามของบาดแผลแห่งชีวิต
ผู้เขียน: โทมาส นาวาร์โร
ผู้แปล: วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ
สำนักพิมพ์: Move Publishing
“หนังสือเล่มนี้จำเป็นสำหรับทุกคนในวันที่ทุกข์มากๆ เจ็บมากๆ ชีวิตพังมากๆ แล้วไม่รู้จะหาทางออกให้ชีวิตยังไง หนังสือเล่มนี้มีคำตอบแบบหนึ่งสองสาม ทำตามได้จริงทุกสเต็ป”
2. โลกที่รัก Dear World Bana Alabed
ผู้เขียน: Bana Alabed
ผู้แปล: พลอยแสง เอกญาติ
สำนักพิมพ์: นานมีบุ๊คส์ (NANMEEBOOKS)
“เป็นหนังสือที่เศร้าใจอย่างที่สุด พูดถึงผลเลวๆ ของสงคราม จนทำให้ครอบครัวธรรมดาต้องพังพินาศ ไร้บ้านจนต้องกลายเป็นผู้อพยพ และมันเป็นเรื่องจริงผ่านสายตาเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดผ่าน Twitter ของเธอ ใครอ่านเล่มนี้แล้วไม่รู้สึกอะไรนี่เช็คหัวใจด่วนเลย”
3. ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ
ผู้เขียน: Higashino Keigo
ผู้แปล: กนกวรรณ เกตุชัยมาศ
สำนักพิมพ์: น้ำพุสำนักพิมพ์
“เล่มนี้สนุกมาก เป็นนิยายแฟนตาซี Feelโคตร Good ของนักเขียนอัจฉริยะ เคโงะ ซึ่งไม่ได้เขียนดีแต่นิยายสืบสวนสอบสวน แต่เรื่องราวอบอุ่นแบบนี้ทำให้ชีวิตมีความหวังนะ ใครอยากรู้ว่าหนังสือที่ทำให้ยิ้มและร้องไห้ไปพร้อมๆ กันเป็นยังไง ลองอ่านเล่มนี้เลย มันงดงามมากกกก”
ณัฐกานต์ อมาตยกุล และ ธนาคาร จันทิมา
ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ Chaichai Books
เล่มที่แนะนำ :
1. ระบบเลือกตั้งเปรียบเทียบ
ผู้เขียน สิริพรรณ นกสวน สวัสดี
สำนักพิมพ์: ศยาม
“เชียร์ให้อ่านระหว่างที่หลายคนบ่นท้อกับการเมือง หนังสือเล่มนี้เล่าที่มาของกฎกติกาการเลือกตั้งในประเทศต่างๆ ทำให้เห็นสีสันอันหลากหลายของระบอบประชาธิปไตย ที่แม้จะมีวิธีคิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งแตกต่างไปตามแต่ละสภาพสังคม แต่ล้วนมี ‘หลักการ’ รองรับ ตั้งแต่การออกแบบบัตรเลือกตั้งไปจนถึงการคำนวณคะแนน อาจารย์สิริพรรณเล่าเรื่องด้วยการกำหนดประเด็นที่คมชัด เป็นระบบ ติดตามง่าย อ่านจบแล้วคงได้ตั้งคำถามกันหน่อย ว่าประเทศไทยเลือกตั้งด้วยหลักคิดอะไรกัน”
2. China 5.0: สีจิ้นผิง เศรษฐกิจยุคใหม่ และแผนการใหญ่ AI
ผู้เขียน: อาร์ม ตั้งนิรันดร
สำนักพิมพ์: bookscape
“หนังสือเล่าเรื่องจีนปัจจุบันได้สนุกสนานดี ได้เห็นนโยบายกล่อมเกลาความคิดพลเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์อันเข้มแข็ง และเป็นรัฐที่เล่นกับเทคโนโลยีได้เก่งฉกาจเสียด้วย แต่ในอีกด้าน ผู้เขียนก็ไม่ลืมสะท้อนมุมมองของกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย ท่ามกลางกระแสแซ่ซ้องจีน”
3. กวีพูด รวม 10 เรื่องสั้นของฟ้า พูลวรลักษณ์
ผู้เขียน: ฟ้า พูลวรลักษณ์
สำนักพิมพ์: สมมติ
“เสน่ห์ในงานเขียนของฟ้า พูลวรลักษณ์ ไม่ใช่สำนวนโวหาร และการพรรณนา แต่เป็นช่องว่าง และอากาศที่บรรจุอยู่ภายในเรื่องราวเหล่านั้น โครงเรื่องคาดเดายาก มีตั้งแต่เรื่องราวคนธรรมดาไปจนถึงมหาเศรษฐี ฉากชนบทจนถึงสงครามอวกาศ จุดร่วมของเรื่องสั้นคือการจำลองเอาตรรกะมาวางบนสมการของเรื่องเล่า บางครั้งการอ่านงานของฟ้าก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังทบทวนทฤษฎีบททางคณิตศาสตร์ เหตุนี้คนที่ไม่รักก็อาจจะเกลียดไปเลย”
ชาตรี ลีศิริวิทย์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์ Animag
เล่มที่แนะนำ :
1. จักรญาณวิทยา: ธเนศ วงศ์ยานนาวา กับบทสนทนารอบตัว
ผู้เขียน: ธเนศ วงศ์ยานนาวา
สำนักพิมพ์: สมมติ
“ตอนนั้นซื้อมาอ่านเพราะเรื่องอาหารกับเรื่องอ่านในร้านหนังสือ จริงๆ ตามอ่านของ อ.ธเนศ มาตลอด เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ติดพันมาตั้งแต่ตอนเรียนที่ มธ.”
2. น้ำวัง รถไฟ ไฮเวย์: ประวัติศาสตร์ลำปางสมัยใหม่
ผู้เขียน: ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์
“เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ลำปางสมัยใหม่ ตอนซื้อ จำได้ว่าเคยมีทฤษฎีเรื่องตลาดสามยุค ยุคแม่น้ำ ยุคทางรถไฟ และยุคไฮเวย์ แต่จำไม่ได้ว่าคนพูด พูดถึงจังหวัด (เราคิดว่าทุกจังหวัดมีพัฒนาการของตลาดสามยุคคล้ายๆ กัน) ตอนเจอหนังสือเล่มนี้ เลยเอามาแก้ขัดก่อน เล่มนี้ไม่ได้พูดถึงตลาดสามยุคอย่างเดียว แต่พูดถึงสภาพสังคมสามยุคที่ล้อมรอบศูนย์กลางการเดินทางในแต่ละยุค”
3. คินดะอิจิ 37 กับคดีฆาตกรรมปริศนา
ผู้เขียน: ฟุมิยะ ซาโต้ และ เซย์มารุ อามางิ
สำนักพิมพ์: วิบูลย์กิจ
“เรื่องนี้ชอบส่วนตัว พอดีคนเขียนเอากลับมาเขียนใหม่ ตัวเอกอายุเยอะขึ้น เพิ่งออกสองเล่ม ยังคาดการณ์อะไรไม่ได้ แต่ชอบ”
พะโล้ พับลิชชิ่ง
หฤษฎ์ มหาทน บรรณาธิการบริหารและนักเขียน
จักรพงษ์ เอี่ยมสอาด บรรณาธิการผู้จัดการ
ธีรภัทร เจริญสุข บรรณาธิการที่ปรึกษากฎหมาย
เล่มที่แนะนำ :
1. ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว
ผู้เขียน: Yoru Sumino
ผู้แปล: ธวัลยา
สำนักพิมพ์: แพรวสำนักพิมพ์
“ความสุขของมนุษย์อยู่ที่ไหนนะ? นาโนกะ เด็กสาวที่มีปัญหาในการเข้าสังคม และมักทำอะไรผิดพลาดไปเสมอ ได้พบเจอกับตัวเองในอนาคตที่กลับมาบอกให้แก้ไขข้อผิดพลาด เพื่อหาคำตอบของคำถามที่ว่า ความสุขคืออะไร?”
2. Eighty-Six
ผู้เขียน: อาซาโตะ อาซาโตะ x ชิราบิ
สำนักพิมพ์: PHOENIX
“สงคราม การแบ่งแยกเชื้อชาติ จักรกลปัญญาประดิษฐ์ที่โหดเหี้ยมและต้องการทำลายล้างมนุษยชาติ การพัฒนาวิทยาการที่ก้าวหน้าจนลบเลือนความเป็นคนไป เขต 86 ที่ไร้ตัวตนแต่ต้องต่อสู้เอาชีวิตรอด โศกนาฏกรรมของหนุ่มสาวในโลกอนาคตที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา”
3. ย้อนเวลาขึ้นเป็นอ๋อง
ผู้เขียน: เยี่ยกวน
ผู้แปล: น.นพรัตน์
สำนักพิมพ์: สยามอินเตอร์
“อ่านความทะเยอทะยานของจีนยุคใหม่ผ่านนิยาย เมื่อนักขายประกันตายไปเกิดใหม่ในยุคราชวงศ์หมิง ใช้ความกะล่อนวาทศิลป์และการศึกษาฝ่าฟันเอาชนะ สร้างรัฐหมิงให้ยิ่งใหญ่เหนือญี่ปุ่นและยุโรป และปฏิวัติความผิดพลาดของจีนในอดีต หากนิยายกำลังภายในยุคเดิมสะท้อนการเมืองจีนเดิม นิยายเว็บโนเวลจีนยุคใหม่ก็สะท้อนจิตวิญญาณจีนยุคใหม่”
ศิริธาดา กองภา
บรรณาธิการ สำนักพิมพ์ Legend Books
เล่มที่แนะนำ :
1. เวทมนตร์ฉบับพกพา: ชีวิตและเรื่องขีดเขียนของสตีเวน คิง (On Writing: A Memoir of the Craft)
ผู้เขียน: Stephen King
ผู้แปล: นรา สุภัคโรจน์
สำนักพิมพ์: Merry-Go-Round Publishing
“บันทึกความทรงจำว่าด้วยชีวิตและงานเขียนของ สตีเฟ่น คิง เจ้าของผลงานแนวเขย่าขวัญที่มีผลงานมากมายและติดอันดับขายดีทั่วโลก ในหนังสือเล่มนี้ คิง ไม่ได้มาสอน How To การเป็นนักเขียนนิยาย แต่จะมาบอกเล่าประสบการณ์การเดินทางในเส้นทางสายนักเขียนที่เขาอยู่กับมันมาครึ่งชีวิต เรื่องเล่าของคิงเปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน บวกกับสำนวนภาษาอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินกับการเดินทางของเขา ไม่ว่าจะเป็นความลำบากยากเย็นในการเสนอต้นฉบับ ชีวิตตกต่ำไม่มีแม้แต่ค่ารักษาพยาบาล หรือกระทั่งสิ่งแรกที่เขาทำหลังจากได้เงินก้อนแรกจากการเขียน หนังสือเล่มนี้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจดีเยี่ยมให้กับบรรดาผู้ที่หลงใหลในเส้นทางนักเขียน หรือผู้ที่กำลังวิ่งตามความฝันว่า ถ้าเราไม่ท้อ สักวันชีวิตจะได้ผลตอบแทนไม่ทางใดก็ทางหนึ่งละ”
2. เซเปียนส์ : ประวัติย่อมนุษยชาติ (Sapiens: A Brief History of Humankind)
ผู้เขีียน: Yuval Noah Harari
ผู้แปล: ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์
สำนักพิมพ์: ยิปซี
“สารคดีประวัติศาสตร์ที่บูรณาการองค์ความรู้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น มนุษยวิทยา, สังคมวิทยา, วิทยาศาสตร์ ฯลฯ และขายไปกว่า 80 ล้านเล่มทั่วโลก บอกเล่าเรื่องราวจุดกำเนิดของมนุษยชาติว่า เรามาจากที่ไหน อยู่อย่างไร และจะเดินในทิศทางไหนบนโลกใบนี้ ผู้เขียนนำเสนอชุดความรู้และแนวความคิดว่าสิ่งที่ทำให้มนุษย์เรารอดพ้นจากการสูญพันธุ์ คือการที่มนุษย์มีการรวมกลุ่มและอีกหลายพฤติกรรมที่สิ่งมีชีวิตอื่นไม่มี ในขณะเดียวกัน การดำรงอยู่ของมนุษย์ ก็ส่งผลกระทบต่อความสมดุลบางอย่างของโลกใบนี้ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ชี้แนะว่าเราจะเดินไปทางไหนต่อ แต่บอกเล่าและตั้งคำถามให้เราวิเคราะห์อนาคตของมนุษยชาติ ผ่านบทเรียนในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เป็นหนังสือที่ควรอ่านเพื่อให้มนุษย์อย่างเราเข้าใจตัวเองมากขึ้น”
3. ติดอยู่ระหว่างการเดินทาง
ผู้เขียน: อุทิศ เหมะมูล
สำนักพิมพ์: จุติ
“รวมเรื่องสั้นเรื่องล่าสุดของอุทิศ เหมะมูล มีทั้งหมด 7 เรื่อง เกี่ยวกับสถานที่ ประสบการณ์ และความทรงจำ ที่มีต่อเมืองต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ ปารีส เกียวโต โซล พาราณสี ฯลฯ สะท้อนเรื่องราวความรัก ความชะงักงันและการติดหล่มในบางสิ่งบางอย่าง ผ่านการเดินทางที่มีทั้งอารมณ์โรแมนติก หม่นเศร้า เกรี้ยวกราด แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางการเขียนของอุทิศอีกแง่มุม”
ปณิธิตา เกียรติ์สุพิมล
เจ้าของสำนักพิมพ์ P.S. Book
เล่มที่แนะนำ :
1. มือสมัครเล่น (ฺBeginners)
ผู้เขียน : เรย์มอนด์ คาร์เวอร์
ผู้แปล : ภชภร ด่านวิรุฬหวณิช
สำนักพิมพ์: บทจร
“เป็นเล่มที่อ่านเพราะเห็นประโยคโปรยปกหลัง ‘แก้วเหล้า โศกนาฏกรรมความสัมพันธ์ ทิฐิคนเป็นชาย’ ตั้งใจว่าจะอ่านเพื่อเอาไปฟาดๆๆ คือมักจะอดรนทนไม่ได้เวลาที่เห็นหรือสัมผัสกับอีโก้ของผู้ชาย แล้วยิ่งมีคำว่าความสัมพันธ์ด้วย เราทำหนังสือที่เน้นความสัมพันธ์อยู่แล้ว เลยอยากอ่านมุมมองจากผู้ชาย แต่ผิดหวังมาก เพราะง้างมือเตรียมฟาดเต็มเหนี่ยวแล้ว ปรากฎว่าหนักมาก แต่ละตัวละครในเรื่องสั้นต่างอยู่ในภาวะกล้ำกลืนฝืนทน ล้วนน่าสงสาร น่าเห็นใจ ไม่ฟาดแล้ว อยากกอด ทำให้เห็นว่าเราต่างก็เป็นมือสมัครเล่นสำหรับชีวิตด้วยกันทั้งนั้น”
2. ทำไมต้องตกหลุมรัก: Alain Badiou ความรัก และ The Lobster
ผู้เขียน: สรวิศ ชัยนาม
ผู้แปล: สุชานาฏ จารุไพบูลย์
สำนักพิมพ์: Illuminations Editions
“เป็นการพูดถึงความรักที่สนุกมาก เปิดมุมมองใหม่ให้กับความสัมพันธ์ เป็นงานเชิงวิชาการนะ แต่เปิดมาแล้วโค้ทได้ทุกหน้า”
3. มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ
ผู้เขียน: ภรณ์ทิพย์ มั่นคง
สำนักพิมพ์: อ่าน
“มันเป็นบทบันทึกที่จะย้ำเตือนเราว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้น อ่านแล้วขนลุก ในภาวะสิ้นหวังและริบหรี่ที่สุด ข้อเขียนในหนังสือเล่มนี้ปลุกความหวังให้กับเรา”
จรัญ หอมเทียนทอง
บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์แสงดาว อดีตนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ
เล่มที่แนะนำ :
1. อยากลืมกลับจำ
ผู้เขียน: ภูริ ฟูวงศ์เจริญ, ศรัญญู เทพสงเคราะห์, ณัฐพล ใจจริง
สำนักพิมพ์: มติชน
“อ่านจบแล้วให้ความรู้สึกว่า ไม่มีศาสตราวุธใดที่ทำลายทหารได้ นอกจากอำนาจ”
2. วันสุดท้ายของนักโทษประหาร
ผู้เขียน: Victor Hugo
ผู้แปล: กรรณิกา จรรย์แสง
สำนักพิมพ์: มติชน
“เล่าชีวิตนักโทษการเมืองที่กำลังจะถูกประหาร ช่วงก่อนปฏิวัติฝรั่งเศส”
3. On Book & Reading ว่าด้วยหนังสือและการอ่าน
ผู้เขียน: วีระ ธีรภัทร
สำนักพิมพ์: โรนิน
“เป็นหนังสือที่แนะนำหนังสือที่น่าอ่านอีกที คนที่ไม่รู้จะอ่านอะไร ให้มาอ่านเล่มนี้ก่อน”
สุลักษณ์ วิศวปัทมวรรณ
กรรมการผู้จัดการ ลายเส้น พับบลิชชิ่ง
เล่มที่แนะนำ :
1. เรือนญี่ปุ่น พื้นที่ ความทรงจำ และถ้อยคำ
ผู้เขียน: ทะเคะชิ คะนะกะวะ
ผู้แปล/ถ่ายภาพประกอบ: ชัยยศ อิษฎ์วรพันธุ์
“การเรียนรู้ความสัมพันธ์ของบ้านกับสภาพภายนอก สภาพแวดล้อม และธรรมชาติ ช่วยให้เรามีสายตามองเห็นความอภิรมย์ และความสุนทรีย ผ่านบ้านซึ่งเป็นสิ่งใกล้ตัวของทุกคน การศึกษาที่มาที่ไปของความหมายเชิงสัญลักษณ์ตามแนวคิดญี่ปุ่นก็จะช่วยให้มีสายตาแยบยลและลุ่มลึกขึ้น การมองหาสาระจากภาพถ่ายจะพบรายละเอียดต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ สะท้อนผ่านความประณีตที่สามารถเก็บเกี่ยวเรียนรู้จากภาพได้ในหลายแง่มุม”
2. Nine Lives : The Broken Song
ผู้เขียน: ทรงศีล ทิวสมบุญ
สำนักพิมพ์: FULLSTOP
“หนังสือที่ช่วยกล่อมเกลาจิตใจผ่านตัวหนังสือและภาพ น้อยแต่ชวนคิด”
3. เซเปียนส์: ประวัติย่อมนุษยชาติ (Sapiens: A Brief History of Humankind)
ผู้เขีียน: Yuval Noah Harari
ผู้แปล: ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์
สำนักพิมพ์: ยิปซี
“ความหนาที่น่าลิ้มลอง ยังอ่านไม่จบนะคะ แต่คิดว่าเนื้อหาน่าจะช่วยให้เห็นภาพรวมในสาขาที่เราไม่ชำนาญ ช่วยตรวจสอบปรับปรุงความคิดความเชื่อของเราต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นและที่จะเกิดขึ้น”
ณขวัญ ศรีอรุโณทัย
บรรณาธิการศิลปกรรม Way
เล่มที่แนะนำ :
1. มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ
ผู้เขียน: ภรณ์ทิพย์ มั่นคง
สำนักพิมพ์: อ่าน
“จะเรียกว่าเป็นบันทึกประสบการณ์ในคุกของนักโทษคดี 112 ก็ได้ แต่อารมณ์ของการอ่านให้ความรู้สึกเหมือนอ่านวรรณกรรมดิสโทเปียอย่างประหลาด มีความเหนือจริงมาก (ทั้งที่เป็นเรื่องจริง) ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกดูดลงไปในที่ที่มีกลิ่นไม่คุ้นเคย อาจจะด้วยกลวิธีการเขียน การเล่าที่ดิบ สด ทำให้ผู้อ่านรู้สึกอะไรบางอย่าง แม้ผู้เขียนจะออกตัวไว้ตั้งแต่คำนำในหน้าแรกๆ ว่า คุณจะเข้าใจ แต่ได้แค่นั้นแหละ ‘…เชื่อเถอะว่าคุณจะไม่มีทางได้รู้สึก’ ถ้าเชื่อตามคำนำ เราคงไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ผู้เขียนรู้สึก แต่รสชาติของการอ่านหนังสือเล่มนี้มีอะไรบางอย่างที่ยวนใจ อยากให้ทุกคนได้ลอง”
2. My Echo, My Shadow and Me
a book × Conne(x)t KlongToey
สำนักพิมพ์: a book
“หนังสือภาพที่เกิดจากเวิร์คชอปทางศิลปะที่นักออกแบบกลุ่มหนึ่งจัดในชุมชนคลองเตย ภาพในเล่มคือผลงานของเด็กสามคน แทรกกับเรื่องเล่าทั้งจากเด็กในชุมชน คุณครูในโครงการ Teach for Thailand นักศิลปะบำบัด และนักออกแบบที่เข้าไปทำโครงการ ข้อเขียนสั้นๆ และภาพแทนสายตา เป็นแง่มุมที่ค่อนข้างส่วนตัว และค่อนข้างแตกต่างจากภาพที่เรามีแบบสเตอริโอไทป์ของคนในชุมชนนั้นๆ โปรเซสของการได้มาเป็นหนังสือภาพเล่มนี้ก็น่าสนใจ มันคือการ ‘เชื่อมโยง’ ตัวโครงการ Connext Klongtoey เอง คือการเชื่อมโยงเด็กๆ ในชุมชนคลองเตยกับสังคมภายใน การเชื่อมโยง self ของตัวเด็ก เชื่อมโยงนักออกแบบที่ถนัดทำงานสื่อสารเข้ากับประเด็นทางสังคม และตัวภาพถ่ายจากกล้องใช้แล้วทิ้งเหล่านี้ ยังช่วยเชื่อมประโยคสะกดผิดๆ ถูกๆ ที่เด็กเขียน เข้ากับสายตาช่างตัดสินของคนเมืองผู้มีการศึกษา เป็นโฟโต้บุ๊คที่น่า ‘อ่าน’ แม้ภาพถ่ายจะเป็นของที่เฟ้อมากในยุคสมาร์ทโฟน”
3. เบสเมนท์ มูน
ผู้เขียน: ปราบดา หยุ่น
สำนักพิมพ์: ไต้ฝุ่น
“เป็นฟิคชั่นเล่มเดียวในลิสต์นี้ และในห้วงยามที่สังคมเราอยากรู้เรื่องจริงมากกว่าเรื่องแต่ง นิยายเล่มนี้กลับเบียดเข้ามาในลิสต์ได้ เป็น sci-fi ก็จริง แต่ไม่บันเทิงเท่าไหร่ แต่ท้าทาย และอ่านได้หลายรอบ รวมถึงแตกแขนงความคิดไปสู่การอ่านอื่นๆ ได้อีกมาก ตัวเรื่องยังเน้นสื่อสารกับเหล่าผู้ทำงานใน ‘แนวรบด้านวัฒนธรรม’ ซึ่งมองเผินๆ เหมือนไร้อำนาจไร้พลังใดๆ นานๆ ทีจะมีวรรณกรรมไทยที่เขียนด้วยสิ่งเร้าอันมีความ ‘ไทย’ อย่างยิ่ง แต่ทลายพรมแดนและหลอมรวมไปพูดถึงวัฒนธรรมอื่นๆ อีกมาก ดูท่าจะอ่านได้อีกหลายปี”
จีระวุฒิ เขียวมณี
บรรณาธิการสำนักพิมพ์ Mono Publishing
เล่มที่แนะนำ :
1. เมื่อถึงเวลา ดอกไม้จะบานเอง
ผู้เขียน: วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ
สำนักพิมพ์: a book
“แม้จะเป็นบทความที่รวมมาจากบทบรรณาธิการของนิตยสาร a day bulletin แต่นอกจากเป็นบรรณาธิการ นักเขียน และนักแปลแล้ว งานอีกสาขาที่ผู้เขียนถนัดคือการเป็นนักสังเกตการณ์และตั้งคำถามต่อชีวิต โดยแทบแยกไม่ออกเลยว่าในงานของเขากับสิ่งที่เขาสงสัยนั้นแตกต่างกันอย่างไร วุฒิชัยตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของชีวิต การงานที่กระทำอยู่ ผู้คนรอบตัวที่อาศัยอยู่ในสังคมเดียวกัน ว่าสามสิ่งเหล่านี้บรรจบกันเป็นคุณค่าของคนเราได้อย่างไร บางครั้งเขาก็หาคำตอบเรื่องนี้จากชีวิตคนอื่น และหลายครั้งเขาก็ใช้ชีวิตของตนเองเป็นหนูทดลอง ตัวหนังสือของเขาเคียงข้างไปกับเหตุการณ์สามัญธรรมดาในชีวิตที่เราทุกคนพบเจออยู่ และกระเทาะเอาประเด็นที่เปราะบางมากๆ มาพิจารณาอย่างเบามือ ถึงที่สุดแล้วระหว่างทางในการทำความเข้าใจชีวิตของวุฒิชัยนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเกื้อหนุนผู้อื่นไปด้วยเสมอ เราสามารถมองเห็นการบานของดอกไม้ในชีวิตได้ โดยการเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตนั้นด้วย และนี่อาจเป็นสิ่งที่สำคัญและสวยงามที่สุดแล้วของหนังสือเล่มนี้ “
2. เบสเมนท์ มูน
ผู้เขียน: ปราบดา หยุ่น
สำนักพิมพ์: ไต้ฝุ่น
“ตัวหนังสือของ ปราบดา หยุ่น ก็เหมือนบุคลิกของเขา คือมีความน่าสนใจและคาดเดาความคิดได้ยาก เป็นสองสิ่งที่ดูขัดแย้งแต่ก็เข้ากันได้ดีจนกลายเป็นเสน่ห์ในงานของเขามาจนถึงวันนี้ เบสเมนต์ มูน เป็นนิยายเล่มล่าสุดของเขา ว่าด้วยเรื่องของตัวเขาเอง ปราบดา หยุ่น ในปี 2016 ที่ได้รับข้อความจากใครบางคนที่ไม่รู้จักผ่านโทรศัพท์มือถือ เขาถูกโน้มน้าวให้เดินตามเสียงหนึ่งไปเพื่อรับรู้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตในปี 2069 ที่โลกสร้าง ‘จิตสำนึกประดิษฐ์’ ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับคนจนเกิด ‘สำเนาสำนึก’ ขึ้นมา และนั่นเป็นเครื่องมือชั้นดีของประเทศที่ฝักใฝ่เผด็จการที่อยากจะปกครองประชาชนด้วยชุดความคิดที่จัดสรรมาแล้ว นิยายเล่มนี้ชัดเจนในการวิจารณ์สังคมโลกโดยเฉพาะประเทศไทย ที่ถูกแช่แข็งทางการเมืองมาหลายปี (และถึงจะได้เลือกตั้งก็ยังมีความพยายามจะสืบทอดสำเนาของตนเองต่อไป) ผสมผสานไปกับความเป็นไปได้ของโฉมหน้าโลกในยุคถัดไป
คำถามที่สำคัญคือ ถ้าเราปล่อยให้ ‘สำเนาสำนึก’ ไม่ว่าจะมาจากเทคโนโลยีหรือวิธีการปกครอง รวมทั้งหน้าตาของวัฒนธรรมนั้นถูกดีไซน์โดยฝั่งเผด็จการ และใช้อำนาจกวาดล้างคนคิดต่างออกไปจนหมด หน้าตาสำนึกของคนเราในอนาคตจะเป็นอย่างไร? ดังนั้นซุ่มเสียงแห่งการต้านทานจึงควรเกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ ณ เวลานี้ เหมือนที่ ปราบดา หยุ่น (ในนิยาย) ได้รับการแจ้งเตือนจากใครบางคนในอนาคต ว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างในฐานะ ปราบดา หยุ่น (ในชีวิตจริง)”
3. สวนสัตว์กระดาษ
ผู้เขียน: Ken Liu
ผู้แปล: ลมตะวัน
สำนักพิมพ์: Salt Publishing
“เรื่องสั้นของ เคน หลิว แม้จะได้รับรางวัลประเภทแฟนตาซีมามากมาย แต่เราคิดว่าเนื้อหาของนักเขียนจีนคนนี้ไปไกลกว่านั้นมาก และจินตนาการถึงความเป็นมนุษย์ในสเกลที่ไร้ขอบเขตได้อย่างน่าตื่นเต้น เรื่องสั้นเรื่องแรกในหนังสือ ‘อุปนิสัยการทำหนังสือของสิ่งมีชีวิตบางชนิด’ (The Bookmaking Habits of Select Species) ก็ทำให้เราชวนสะพรึงกับมุมมองว่า ถ้ามนุษย์ต่างดาวในดาวอื่นๆ ที่ห่างไกลออกไป มีสายพันธุ์ มีรูปแบบการสื่อสาร มีระบบนิเวศที่ต่างไปจากมนุษย์มหาศาล ถ้าพวกเขาเหล่านี้ต่างก็บันทึกประวัติศาสตร์ผ่านหนังสือเหมือนคนล่ะ หน้าตาของหนังสือ หรือกระทั่งวิธีการเขียนจะเป็นอย่างไร
สิ่งที่ชวนทึ่งมากๆ ก็คือการสะท้อนให้เห็นว่า ทุกๆ อารยธรรมนั้นเดินหน้ากันด้วยการบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้น โดยที่สิ่งมีชีวิตรุ่นถัดไปได้อ่าน ได้ซึมซับมัน พัฒนาองค์ความรู้สืบต่อไปไม่จบสิ้น ไม่ว่าจักรวาลจะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไร แต่ในโลกของเราสิ่งนั้นมีชื่อว่า ‘หนังสือ’ และที่น่าทึ่งไปอีกขั้นก็คือ นี่เป็นแค่เรื่องสั้นเรื่องแรกในเล่มนี้เท่านั้น”
วชิระ บัวสนธ์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์สามัญชน
เล่มที่แนะนำ :
1. กาบริแอลา กานพลู และอบเชย
ผู้เขียน: Jorge Amado
ผู้แปล: กอบชลี
สำนักพิมพ์: Library House
“ฌอร์จ อะมาดู สำแดงฝีไม้ลายมืออย่างเหนือชั้นด้วยการบอกกล่าวเล่าขานตำนานเมืองอิลเญวส์ อันเป็นเสมือนนครหลวงของโกโก้แห่งบราซิล ผ่านเหตุการณ์ประดามีในปี 1925 แต่ละบทแต่ละตอนเต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยราวผ้าผืนน้อยที่ได้รับการถักทอขึ้นอย่างประณีตเป็นชิ้นๆ กระนั้นมันกลับสอดประสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนไร้ตะเข็บในบั้นปลาย กลายเป็นจักรวาลแห่งชีวิตและวิญญาณที่เผยให้เห็นทั้งประวัติศาสตร์และพัฒนาการในทุกมิติ เกินกว่ากลุ่มอำนาจเก่าหรือความเชื่อโบราณจะต้านทานหรือแช่แข็งมันไว้ตามอำเภอใจอีกต่อไป งามงด หมดจด ทรงพลังดั่งเทพสร้าง”
2. สายสตรีท มานุษยวิทยาข้างถนนในมะนิลา
ผู้เขียน: บุญเลิศ วิเศษปรีชา
สำนักพิมพ์: Way of Book
“เรื่องราวของผองชนคนไร้บ้านในมะนิลา ทั้งในระดับชวนน้ำตารื้น และน่าหงุดหงิดผิดหวังกับอำนาจรัฐที่ไม่ดูดายเท่าที่ควร หากในเวลาเดียวกันก็เผยถึงภาวะ ‘สงครามข้างใน’ ของคนเขียนหรือผู้เล่าที่ไปพบเผชิญและใช้ชีวิตร่วมกับ ‘ตัวแบบ’ ทั้งหลายเหล่านี้ น้ำเสียงแบบพอเหมาะพอดี ไม่เร้าอารมณ์จนฟูมฟาย ถือเป็นจุดเด่นของงานชุดนี้ เพราะนาฏกรรมแห่งชีวิตของแต่ละคนมีความน่าสนใจในตัวมันเองอยู่แล้ว สรุปอย่างย่นย่อก็ต้องว่า ผลงานของบุญเลิศ วิเศษปรีชา เล่มนี้ จริงใจ ใสซื่อ เปี่ยมมนุษยธรรม”
3. Black Cherry ความโหยหาคือชื่อยาเสพติด
ผู้เขียน: ลูกแก้ว โชติรส
สำนักพิมพ์: P.S.
“ปลิ้นและเปลือยบาดแผล อันเนื่องมาแต่ความรัก ความใคร่ ความหลงใหลในรสเสน่หา เริ่มตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กนักเรียนระเรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน กล่าวสั้นๆ ก็คือ ตัวตนแกร่งกล้าของนักเขียนหญิงหน้าใหม่คนหนึ่งในวันนี้ (ซึ่งเคยปรากฏเป็นข่าวในสังคมเครือข่ายค่อนข้างอึงคะนึง) ล้วนเป็นผลิตผลแห่งการถูกคนใกล้ตัวขับไสไล่ต้อนประหนึ่งอาชญากรโดยแท้ มนุษย์เรา เมื่อถูกข่มเหงรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากไม่ชินชา ก้มหน้ายอมรับสภาพไป ไหนเลยจะมีทางเลือกอื่น นอกเสียจากถอนตัวออกจากภาวะนรก กระทั่งลุกขึ้นตอบโต้ แน่ละว่า มนุษย์อย่างลูกแก้ว โชติรส เป็นแบบหลัง ขบถ เจ้าเล่ห์ ตลก ฉลาด และมีมารยาทยิ่ง! คือนิยามของรวมเรื่องเล่าเล่มนี้”
วีรพร นิติประภา
นักเขียนรางวัลซีไรต์
เล่มที่แนะนำ :
1. สวนสัตว์กระดาษ
ผู้เขียน: Ken Liu
ผู้แปล: ลมตะวัน
สำนักพิมพ์: Salt Publishing
2. สายสตรีท มานุษยวิทยาข้างถนนในมะนิลา
ผู้เขียน: บุญเลิศ วิเศษปรีชา
สำนักพิมพ์: Way of Book
3. มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ
ผู้เขียน: ภรณ์ทิพย์ มั่นคง
สำนักพิมพ์: อ่าน
______________________________________________________________________
ย้อนอ่านที่มาที่ไปของโปรเจ็กต์นี้ :
ความน่าจะอ่าน 2018-2019 : การแนะนำหนังสือที่เป็นประชาธิปไตย…ยิ่งกว่าการเลือกนายก!