fbpx

สำรวจจุดแข็งประเทศไทย

ปัจจุบันเรามักได้ยินแต่ข่าวร้าย โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจกำลังรุมเร้า แม้วิกฤตโควิด-19 จะเริ่มฟื้นตัว แต่ก็ยังไม่โงหัวได้เต็มที่ ขณะที่วิกฤตพลังงาน วิกฤตอาหาร และวิกฤตเงินเฟ้อ ก็เข้ามาถาโถม

แต่หากมองในมิติภูมิรัฐศาสตร์ ในเวทีการเมืองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประเทศไทยกลับกำลังเนื้อหอม ช่วงเวลาที่ผ่านมา เราเห็นมหาอำนาจจีนที่กำลังขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจ และมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาที่กำลังพยายามปิดล้อมจำกัดเขตการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีน ต่างมองมาที่ประเทศไทยและประชาคมอาเซียน ขณะที่เพื่อนบ้านในยามที่กำลังเกิดวิกฤต เช่น เมียนมาที่กำลังเผชิญวิกฤตการเมือง และ สปป.ลาว ที่กำลังเจอวิกฤตเศรษฐกิจ ก็มีผู้นำประเทศหรือตัวแทนมาพบปะพูดคุยกับทางการของประเทศไทย

นั่นหมายความว่า ท่ามกลางข่าวร้าย ประเทศไทยก็ยังมีดีอยู่ โดยผู้เขียนจะใช้กรอบความคิดแบบพลังอำนาจของชาติ 6 มิติ STEEP-M อันได้แก่ มิติสังคม (Social – S) มิติเทคโนโลยี (Technology – T) มิติเศรษฐกิจ (Economy – E) มิติสิ่งแวดล้อม และพลังงาน (Environment and Energy – E) มิติการเมือง (Politics – P) และมิติการทหาร ความมั่นคง (Military and Security – M) มาวิเคราะห์ว่า จุดแข็งของประเทศไทยอยู่ที่ตรงไหน

แต่ก่อนที่จะลงในรายละเอียด ผู้เขียนขอสรุปก่อนเลยว่า จุดเด่นที่สุดของประเทศไทยคือ ‘ความเป็นกลาง’ เราเป็นกลางในทุกมิติ และเราต้องรักษาความเป็นกลางเหล่านี้ไว้เพื่อให้ไทยเป็นมหาอำนาจกลางในเวทีการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก

มิติสังคม (Social – S)

ผู้เขียนคิดว่าจุดแข็งของประเทศไทยคือ ‘ความเป็นไทย’ (Thainess) ที่ใครๆ ก็อยากสัมผัส แน่นอนว่าความเป็นไทยอาจหมายถึง ความยุ่งเหยิง ความไร้ระเบียบ (chaotic) แต่มันเป็นความยุ่งเหยิงไร้ระเบียบที่มาพร้อมกับความมีเสน่ห์ (charm) ที่มีเสน่ห์ เพราะคนไทยซื่อสัตย์ ไม่เสแสร้ง และมีจิตใจรักการให้บริการ เรื่องราวเหล่านี้พิสูจน์ได้ ตัวอย่างเช่น สิงคโปร์คือประเทศที่อยู่ในภูมิประเทศ ภูมิอากาศ แบบเดียวกับเรา สภาพสังคมที่หล่อหลอมเอาคนหลากหลายชาติพันธุ์มาอยู่ร่วมกันแบบเรา หากแต่แตกต่างจากไทยตรงที่ทุกอย่างถูกควบคุมโดยกฎระเบียบ สิงคโปร์คือสังคมที่ปราศจากความยุ่งเหยิง แต่เมื่อวิกฤตโควิดเริ่มคลี่คลาย จุดหมายปลายทางแรกๆ ที่คนสิงคโปร์ที่ถูกกักไม่ให้เดินทางมายาวนาน คือการเดินทางมาประเทศไทย ในขณะที่ประเทศอื่นที่ยุ่งเหยิงไร้ระเบียบในแทบจะทุกมิติ เช่น อินเดีย และประเทศอื่นๆ ในเอเชียใต้ ประชาชนของประเทศเขาก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนักเดินทางที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากที่สุด เมื่อเปิดประเทศเช่นกัน ทั้งที่เราเองก็ยุ่งเหยิงไร้ระเบียบไม่ต่างกัน แต่มันเป็นความกลมกล่อมแบบไทย เพราะเป็นความยุ่งเหยิงไร้ระเบียบที่มาผสมผสานกับปัจจัยทางด้านสังคม ประเพณี วัฒนธรรมแบบไทยๆ

นี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บริษัทบัตรเครดิตอย่าง Visa จัดอันดับให้ไทยเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลกในปี 2022, TravelPort จัดอันดับให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับที่ 1 ของโลกในไตรมาสที่ 1 ปี 2022, Veranda จัดให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลกในปี 2022 และ Invest Asian จัดอันดับให้ไทยเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดอันดับ 1 ของเอเชียในการลงทุนเพื่อที่จะใช้ชีวิตในช่วงเกษียณอายุ นอกจากนี้ในด้านสาธารณสุข พวกเราคงยังจำกันได้ว่าในปี 2019 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 Global Health Security Index (GHS) จัดให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 6 ของโลก แต่หลายๆ ท่านคงไม่ทราบว่าในปี 2021 ประเทศไทยได้เลื่อนขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 ทางด้านสาธารณสุข โดยเรามีคะแนนในหมวดของการมีระบบตรวจพบและรายงานการระบาดของโลก (detection and reporting) สูงที่สุดในโลกคือ 91.5 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน

มิติเทคโนโลยี (Technology – T)

แน่นอนว่าประเทศไทยไม่ใช่ผู้นำทางด้านเทคโนโลยี เราอาจไม่ได้มีนวัตกรรมที่ก้าวล้ำนำหน้าประเทศอื่นๆ ในโลก เช่นเดียวกับจีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ แต่เราก็มีระดับการพัฒนาการทางเทคโนโลยี เรามีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนอยู่ได้อย่างปกติสุข เราอาจจะไม่ใช่ชาติแรกๆ ในโลกที่มี 3G แต่ปัจจุบันเราก็มี 4G และ 5G ให้ใช้ ถึงแม้จะไม่ใช่ความเร็วสูงสุด ไฟฟ้าของเราก็อาจจะไม่ได้มีราคาถูกที่สุด แต่เราก็มีให้ใช้โดยไม่ติดๆ ดับๆ ในราคาที่เหมาะสม ส่วน smart city ของเราก็อาจจะไม่ได้ smart ขนาดกรุงโซล แต่เราก็ได้เริ่มต้นพัฒนาระบบต่างๆ แล้ว

ที่สำคัญคือคนไทยเป็นคนที่พร้อมรับ พร้อมใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีในโลกดิจิทัล เชื่อหรือไม่ครับว่า คนไทยมียอดทำธุรกรรมการชำระเงินแบบเรียลไทม์บนระบบออนไลน์สูงถึง 9.7 พันล้านครั้งในปี 2021 ซึ่งถือเป็นอันดับที่ 3 ของโลก เป็นรองเพียงแต่ จีน และอินเดีย ทั้งที่ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่นี้มีประชากรประเทศละมากกว่า 1.4 พันล้านคน ในขณะที่ไทยมีประชากรเพียงประมาณ 70 ล้านคนเท่านั้น

แต่ก็นั่นแหละ ถึงแม้คนไทยจะพร้อมรับเทคโนโลยี แต่ขณะเดียวกันคนไทยจำนวนหนึ่งยังคงขาดความรู้เท่าทันดิจิทัล (digital literacy) ส่วนในเรื่องการพัฒนานวัตกรรม ประเทศไทยก็อยู่ในระดับกลางๆ เช่นกัน โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 45 จาก 110 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก (อันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย) ที่มีการวัดระดับโดย International Innovation Index ซึ่งจัดทำโดย Boston Consulting Group (BCG) ร่วมกับ National Association of Manufacturers (NAM) และ Manufacturing Institute (MI)

มิติเศรษฐกิจ (Economy: E)

จาก 193 ประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ไทยถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจตามมูลค่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศที่ปรับค่าเสมอภาคของอำนาจซื้อ (GDP, PPP) เป็นอันดับที่ 23 ของโลก จากตัวเลขปี 2022 ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประเทศไทยมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 22 ของโลก และมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก เพื่อพิจารณาระดับการพัฒนาการทางเศรษฐกิจ สหประชาชาติถือว่าไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา (developing country) ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด (least developed countries – LDCs) และประเทศพัฒนาแล้ว (developed countries) หรือหากพิจารณาตามเกณฑ์ของ World Economic Forum (WEF) ประเทศไทยก็อยู่ตรงกลาง นั่นคือเรามีระดับการพัฒนาการทางเศรษฐกิจในระดับที่มีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (efficiency driven economy) ซึ่งอยู่สูงกว่าเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยการขยายทรัพยากร (factor-driven economy) และอยู่ต่ำกว่าเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม (innovative-driven economy)

ในมิติรายได้ ประเทศไทยเป็นประเทศรายได้ปานกลางในกลุ่มบน (upper-middle income country) ตามการจัดประเภทของธนาคารโลก ในมิติความสามารถทางการแข่งขัน ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 40 จาก 141 เขตเศรษฐกิจ ตามการจัดอันดับ Global Competitiveness Index ปี 2019 โดย WEF และเราเองก็มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจระดับ Very Easy ในอันดับที่ 21 จาก 190 เขตเศรษฐกิจ ตามการจัดอันดับ Ease of Doing Business โดยธนาคารโลก

มิติสิ่งแวดล้อม และพลังงาน (Environment and Energy – E)

แม้ประเทศไทยจะพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศมากพอสมควร โดยเฉพาะการพึ่งพาพลังงานจากเมียนมา และ สปป.ลาว ในขณะที่น้ำมันดิบส่วนใหญ่ของเรามีการนำเข้าจากตะวันออกกลาง แต่หากพิจารณากรณีเลวร้ายที่สุด คือไม่สามารถนำเข้าพลังงานได้เลย เราอาจจะไม่มีน้ำมันเติมรถยนต์ แต่เรายังสามารถมีไฟฟ้าใช้ได้เพียงพอในประเทศ หากเราทุกคนช่วยกันประหยัด (คาดการณ์ในปี พ.ศ. 2569 ความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของประเทศอยู่ที่ 40,791 เมกะวัตต์ ปัจจุบันไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณ 42,000 เมกะวัตต์)

และในด้านมิติสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยถือเป็นประเทศแนวหน้าของโลกที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุด อันดับที่ 20 ตาม BioD Index Mongabay ถ้าเราบริหารจัดการตรงนี้ได้ดี เราจะสามารถนำเอาจุดแข็งเหล่านี้มาพัฒนาภาคการผลิตสำคัญๆ ที่เป็นภาคการผลิตเป้าหมายภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio Circular Green Economy) ได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภาคการเกษตรและอาหาร ภาคสุขภาพและการแพทย์ ภาคพลังงาน หรือภาควัสดุ และเคมีชีวภาพ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราต้องพึงตระหนักก็คือ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้ทรัพยากรเปลืองมาก แม้แต่ในภาคเกษตร ที่เราคุ้นชินว่าเป็นภาคการผลิตที่เกื้อกูลกับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ แต่เราพบว่า ประเทศไทยใช้พื้นที่เพาะปลูก 138 ล้านไร่ (43%) จากพื้นที่ทั้งหมด 320.7 ล้านไร่ ใช้กำลังแรงงาน 12 ล้านคน (31%; ในความเป็นจริงสูงกว่านี้) ในภาคเกษตรจากกำลังแรงงานทั้งหมด 38 ล้านคน โดยเราสร้างมูลค่าผลผลิตจากภาคเกษตรได้เพียง 8.4% ของ GDP และภาคเกษตรของไทยคือ 1 ใน 5 ภาคการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด เช่นเดียวกับในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ประเทศไทยรับปริมาณน้ำฝนประมาณ 100,000 ล้านลิตร/ปี แต่กักเก็บไว้ใช้ได้เพียง 20,000 ล้านลิตร สูญเสียไป 70-80% และประเทศไทยยังมีพื้นที่ชลประทานเพียง 30 ล้านไร่เท่านั้น นี่ยังไม่นับปัญหาอีกมากมายจากภาคการผลิตและภาคบริการอื่นๆ ที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองยิ่งกว่านี้

มิติการเมือง (Politics – P)

ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ปัจจุบันถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย เพราะในอดีตต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี ประเทศไทยมีปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับเพียงประเทศเดียวในโลก นั่นคือซาอุดิอาระเบีย แต่ปัจจุบันความสัมพันธ์ทางการทูตได้ถูกปรับให้กับมาอยู่ในระดับปกติอีกครั้ง ทำให้ ณ ปัจจุบัน ประเทศไทยไม่มีปัญหาแต่อย่างใดในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ

และนอกจากมหาอำนาจจีนและสหรัฐฯ ที่กำลังทดสอบกำลังกันอยู่ในภูมิภาค ประเทศไทยก็สามารถสร้างอำนาจต่อรองได้ผ่านการมีบทบาทนำในเวทีประชาคมอาเซียน ซึ่งไทยมีบทบาทนำตลอดประวัติศาสตร์อาเซียน โดยในปี 1967 อาเซียนเกิดขึ้นในไทย, ในปี 1984-1992 ไทยเสนอจัดตั้ง ASEAN Free Trade Area (AFTA), ในปี 1995 ไทยเสนอจัดตั้ง ASEAN Framework Agreements on Trade in Services (AFAS) และ ASEAN Regional Forum (ARF 27+1), ในปี 1997 ไทยเสนอ ASEAN Vision 2020, ในปี 2007 ไทยทำการกดดันจนต้องบรรจุเรื่องสิทธิมนุษยชนใน ASEAN Charter, ในปี 2009 ไทยเสนอ Master Plan on ASEAN Connectivity (MPAC), ในปี 2019 ไทยผลักดันการสรุปข้อตกลง RCEP และออก ASEAN Outlook on the Indo-Pacific (AOIP)

ในเวทีระหว่างประเทศ เราก็ยังคงเป็นกลาง แต่แม้เราจะไม่มีปัญหาในเวทีการเมืองโลก แต่บนเวทีการเมืองภายในประเทศ เรากลับพบปัญหาเรื้อรังต่อเนื่องมายาวนาน และที่น่าห่วงกังวลคือ ปัญหาการเมืองจะลุกลามกลายเป็นปัญหาความแตกแยกระหว่างผู้คนกลุ่มต่างๆ ในสังคมไทย

มิติการทหาร (Military and Security – M)

ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 29 จากทั้งหมด 142 เขตเศรษฐกิจ ตาม PwrIndx (Power Index) Military Strength Ranking ซึ่งถือว่าประเทศไทยเรามีขนาดของกองทัพที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะป้องกันการรุกรานบูรณภาพแห่งดินแดน แต่ก็ไม่ได้มีกองทัพที่ใหญ่โตจนเกินไปจนถูกทั่วโลกเฝ้าจับตาด้วยความห่วงกังวล ประเทศไทยมีการร่วมซ้อมรบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียร่วมกับมหาอำนาจทางการทหารอย่างสหรัฐอเมริกาที่เรียกว่าคอบราโกลด์ (Cobra Gold) ซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1982 โดยมีผู้เข้าร่วมฝึก 7 ประเทศ และมีผู้ร่วมสังเกตการณ์ 10 ประเทศ และขณะเดียวกัน เราก็มีการร่วมซ้อมปฏิบัติการทางทหารและความมั่นคงร่วมกับจีนและอินเดียซึ่งเป็นมหาอำนาจทางการทหารในระดับภูมิภาคอีกมากกว่า 10 ครั้งในแต่ละปี

เห็นได้ว่า จุดแข็งของประเทศไทยคือการเป็นกลาง ซึ่งคือการเป็นกลางทั้งในมิติทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่ที่มหาอำนาจจีนและสหรัฐฯ กำลังทดสอบกำลังกันในภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก และเป็นกลางในทุกมิติพลังอำนาจของชาติทั้ง 6 มิติ ดังนั้นการวางตำแหน่งของไทยในฐานะมหาอำนาจกลาง (middle power) จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

MOST READ

Economy

15 Mar 2018

การท่องเที่ยวกับเศรษฐกิจไทย

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ตั้งคำถาม ใครได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวบูม และเราจะบริหารจัดการผลประโยชน์และสร้างความยั่งยืนให้กับรายได้จากการท่องเที่ยวได้อย่างไร

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย

15 Mar 2018

Economy

23 Nov 2023

ไม่มี ‘วิกฤต’ ในคัมภีร์ธุรกิจของ ‘สิงห์’ : สันติ – ภูริต ภิรมย์ภักดี

หากไม่เข้าถ้ำสิงห์ ไหนเลยจะรู้จักสิงห์ 101 คุยกับ สันติ- ภูริต ภิรมย์ภักดี ถึงภูมิปัญญาการบริหารคน องค์กร และการตลาดเบื้องหลังความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจสิงห์

กองบรรณาธิการ

23 Nov 2023

Economic Focus

19 Apr 2023

นโยบายแจกเงินดิจิทัล: ทำได้ หรือขายฝัน?

วิมุต วานิชเจริญธรรม ชวนมองวิวาทะสองฝั่งของนโยบายแจกเงินดิจิทัลในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย พร้อมให้ข้อเสนอถึงการปรับนโยบายให้ตรงจุดขึ้น

วิมุต วานิชเจริญธรรม

19 Apr 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save