
กว่าสินค้าชิ้นหนึ่งจะถูกบรรจุลงหีบห่อและจัดแสดงบนชั้นวางสินค้าได้
สินค้าชิ้นนั้นต้องผ่านการเดินทางมากมาย ไม่ว่าจะถูกผลิต แปรรูป คัดเลือก ประกอบสร้าง ไปจนถึงถูกประเมินค่า เพื่อให้ในท้ายที่สุด สินค้าชิ้นนั้นจะสามารถแข่งขันในตลาดได้
ในสายพานการผลิตที่มุ่งสรรค์สร้างแต่สินค้าชั้นเลิศ เต็มไปด้วยการควบคุมและตรวจสอบมาตรฐานอย่างเข้มข้น
ปลายทางของสายพานเส้นนี้คงหนีไม่พ้นสินค้าชั้นดี ที่ใครๆ ต่างต้องการ
เว้นเสียแต่ว่าสิ่งที่อยู่บนสายพานไม่ใช่สินค้า แต่เป็นเด็กที่มีชีวิตจิตใจ
พวกเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อต้องตกอยู่ภายใต้ระบบการผลิตที่สร้างคนราวกับสินค้า
เด็กเอ๋ยเด็กดี…
ต้องมีราคาอะไรที่พวกเขาต้องจ่าย หรือทำหล่นหายไประหว่างการวิ่งบนสายพานการผลิตเช่นนี้

#พิมพ์นิยม
เด็กเอ๋ยเด็กดีต้องมีหน้าที่ 10 อย่างด้วยกัน… เพราะนิยามของเด็กที่ดีคือเติบโตตามกรอบที่ผู้ใหญ่วางไว้

#ผลิตซ้ำ
ในขณะที่เด็กทุกคนเกิดมาแตกต่างกัน การศึกษากลับสร้างหลักสูตร กฎระเบียบ และการสอบที่เป็นมาตรฐานแบบเดียวกัน
เด็กไทยกว่า 13 ล้านคนต้องท่องจำและทำตามค่านิยม 12 ประการ

#แพ้คัดออก
เพราะมีเพียงผู้ชนะเท่านั้นที่เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพกว่า เด็กไทยจึงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาแข่งขันสุดกำลัง
ตั้งแต่ ป.1-ม.6 เด็กไทย 1 คนต้องผ่านสนามสอบอย่างน้อย 397 ครั้ง (ข้อมูลจาก ศธ. 360 องศา)

#ส่วนเกิน
เมื่อหน้าที่เดียวของเด็กคือการเรียน ประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลายนอกตำราจึงถูกมองว่าไร้ค่าและควรตัดทิ้งไป
ใน 1 ปี เด็กไทยใช้เวลาไปกับการเรียนแล้ว 1,200 ชั่วโมง (ข้อมูลจาก ThaiPublica)

#ค่าของคน
ค่าของคนอยู่ที่ผลคะแนน
เกรดยังเป็นตัวชี้ชะตาการเข้ามหาวิทยาลัย และถูกใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาในการเข้าทำงานของบริษัทหลายแห่ง

#ขาย(ความ)ฝัน
ในสังคมที่สปอตไลต์ไม่ได้ส่องถึงทุกอาชีพ และสังคมไม่มีตาข่ายความปลอดภัยรองรับทุกคน ความไม่มั่นคงในชีวิตอาจเป็นราคาที่ต้องจ่ายหากอยากทำอาชีพที่ใฝ่ฝัน
สังคมกำลังทำให้ความฝันของเด็กเป็นเรื่องเพ้อฝัน?

ทั้งการอยู่ภายใต้ระบบที่สร้างคนราวกับเป็นสินค้า
ทั้งการสวมเครื่องแบบสีขาวที่ไม่อนุญาตให้เลอะเปรอะเปื้อน หรือแม้แต่การสวมรองเท้าที่ไซซ์ใหญ่เกินขนาดเท้าของเด็กคนหนึ่ง
ทำให้ตัวเราแทบจะหลงลืมไปแล้วว่า ความเป็นเด็กที่เป็นอิสระและแตกต่างนั้นเป็นอย่างไร