โศกนาฏกรรมที่จังหวัดหนองบัวลำภูทำให้กระแสการปฏิรูปตำรวจกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เมื่อผนวกกับอีกหลายกรณีที่ยังไม่เคยถูกสะสาง การปฏิรูปหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมด – กองทัพ ตำรวจ จึงเป็นโจทย์ใหญ่ของสังคมการเมืองไทย
มากกว่านั้น ปัญหาความขัดแย้งและเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังเป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนปัญหาวิธีการทางการเมืองและการบริหารการปกครอง ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับภาครัฐและหน่วยงานความมั่นคงทั้งกองทัพและตำรวจทั้งสิ้น
101 ชวน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเลขาธิการพรรคประชาชาติ อดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาชวนคุยเรื่องการปฏิรูปกองทัพและตำรวจ และที่ทางของนโยบายเหล่านี้ในสนามการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ในรายการ 101 One-on-One Ep.279: จาก ‘กองทัพ-ตำรวจ กับ การเมือง’ กับ ทวี สอดส่อง
ปฏิรูปวงการตำรวจ-ทหาร กับกระบวนการยุติธรรมไทย
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเลขาธิการพรรคประชาชาติ อดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความเห็นว่าการปฏิรูปหน่วยงานความมั่นคงทั้งตำรวจและทหารนับเป็นโจทย์ใหญ่ของประเทศไทย เนื่องจากโครงสร้างของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ไม่มีการกล่าวถึงการปฏิรูปกองทัพ ทั้งยังตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่มีหน้าที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับงบประมาณมหาศาลและมีกำลังพลมาก ทวีชี้ให้เห็นว่าช่องโหว่นี้นำมาสู่ปัญหาที่เรียกว่า ‘รัฐซ้อนรัฐ’
นอกจากนี้ ทวีเสนอว่าการปฏิรูปกองทัพจำเป็นต้องปฏิรูปสี่แนวทาง ได้แก่ ปฏิรูปกำลังคน ปฏิรูปการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ปฏิรูปการบริการจัดการ และปฏิรูปการจัดสรรการเงิน เพื่อให้การทำงานภายในกองทัพเป็นไปด้วยความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
“ผมคิดว่าทุกหน่วยงานราชการควรจะมีการปฏิรูป ถ้าเราจะปฏิรูปคนของกองทัพ ผมมองว่าตอนนี้คนในกองทัพล้นเหลือมาก และงบประมาณที่ได้ก็มากถึงประมาณแปดแสนล้าน เราจึงน่าจะลดกำลังพลลง อีกทั้งเราจะเห็นตัวเลขจากงบประมาณแผ่นดินว่าพอไปดูรายจ่ายจริงแล้ว งบประมาณกลับเพิ่มเป็นหลักหมื่นหลัก เพราะมีการรับเงินสองทาง” ทวีกล่าว
ทวีกล่าวว่าอีกหนึ่งปัญหาสำคัญในการปฏิรูปกองทัพคือ ‘ธรรมนูญศาลทหาร’ ที่ถือเป็นช่องโหว่ทางกฎหมาย เขาให้ความเห็นว่าหากมีการก่ออาชญากรรมโดยทหารที่กระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตคอรัปชัน คดีดังกล่าวควรจะต้องมาตัดสินคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตเช่นเดียวกับคดีการทุจริตอื่นๆ รวมถึงความผิดกรณีต่างๆ ที่กระทำโดยทหาร ควรจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนคดีของพลเรือนทั่วไปเพื่อความโปร่งใสและยุติธรรม
“ตามปกติแล้วถ้าทหารกระทำผิดกับพลเรือนก็ต้องมาขึ้นศาลพลเรือน แต่ถ้าทหารกระทำผิดตามลำพังโดยไม่มีพลเรือนร่วมก็ต้องไปขึ้นศาลทหาร เพราะฉะนั้นเรื่องการทุจริตที่ทำกันเองในกองทัพก็ต้องไปขึ้นศาลทหาร ไม่ใช่ศาลทุจริต ดังนั้น ถ้าจำเลยมียศใหญ่ว่าผู้พิพากษาก็จะเกิดปัญหาและคดีจะยิ่งล่าช้า ผมจึงมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องปฏิรูปและปรับปรุง”
ทั้งนี้ ทวีกล่าวว่าการปฏิรูปแก้ไขรัฐธรรมนูญศาลทหารถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายสำคัญของพรรคประชาชาติที่จะเสนอในสนามการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยเป็นนโยบายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่หากเป็นอาชญากรรมซึ่งกระทบต่อประชาชนหรือพลเรือน จะนับรวมเป็นคดีที่ต้องเข้ารับตัดสินที่ศาลพลเรือน ส่วนกรณีที่เกี่ยวข้องกับวินัยทหารต่างๆ ให้คงไว้ที่ศาลทหารต่อไปได้ เหล่านี้จะเป็นแนวทางที่ทำให้ทั้งทหารและพลเรือนได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น
“ปกติถ้าเป็นศาลอาญา ถ้าอัยการไม่สั่งฟ้อง ผู้เสียหายสามารถฟ้องเองได้ แต่ถ้าคดีอยู่กับศาลทหาร ผู้เสียหายฟ้องเองไม่ได้ ต้องให้อัยการฟ้องอย่างเดียว ถ้าเป็นลักษณะนี้ช่องทางของกระบวนการยุติธรรมจะตีบตันมาก เราจึงจะต้องเร่งปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม” ทวีกล่าวเสริม
เมื่อกองทัพกลายเป็นสถาบันทางการเมือง
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญในบริบทการเมืองการปกครองไทยที่ทวีตั้งข้อสังเกตคือการที่กองทัพกลายเป็น ‘สถาบันทางการเมือง’ ขึ้นมาทัดทานพรรคการเมือง เป็นเหตุให้ตลอดเส้นทางการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยของไทยเกิดการรัฐประหารและยึดอำนาจโดยกองทัพ จนนำมาสู่การสร้างเป็นรัฐรวมศูนย์อยู่เสมอ การปฏิรูปกองทัพและความสมเหตุสมผลในการจัดสรรงบประมาณจึงเป็นโจทย์สำคัญในสังคมการเมืองไทย
“ไม่ใช่แค่ปฏิรูปกองทัพอย่างเดียว เราน่าจะต้องปฏิรูประบบราชการให้มีการกระจายอำนาจ กระจายงบประมาณ หรือถ่ายโอนหน่วยงานไปสู่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างจริงจังเสียที
“ประเทศไทยมีการเรียกร้องมาหลายยุคหลายสมัย เรามีการเรียกร้องเพื่อให้เป็นประชาธิปไตย แต่เราไม่ได้ประชาธิปไตย เรากลับได้รัฐธรรมนูญที่ผมมองว่าเป็นเพียงบันทึกการปกครองประเทศเพื่อใช้เป็นข้ออ้างของคนที่มีอำนาจ แต่ความเป็นประชาธิปไตยของเรายังไม่มี รวมถึงสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ทวีให้ความเห็น
ในส่วนของการปฏิรูปวงการตำรวจ ทวีเสนอว่าควรจะต้องมีการปฏิรูปใหม่ให้มีการนำระเบียบเดิมของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร) มาอยู่ในตัวบทกฎหมาย เพื่อให้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจมีความเป็นธรรมมากขึ้น เช่น ต้องมีการกำหนดระยะเวลาครองตำแหน่งที่ชัดเจน
“ผมมองว่างานตำรวจต่างกับงานทหารโดยสิ้นเชิง ตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่ตามลำพังโดยมีโอกาสใช้วิจารณญาณภายใต้ขอบเขตของการตีความตามกฎหมาย แต่ทหารต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา อีกประการหนึ่งที่สำคัญคือตำรวจต้องติดต่อสัมพันธ์กับประชาชนโดยตรง ส่วนทหารมีหน้าที่ป้องกันประเทศ”
ต้นตอและทางออกของปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้
ในฐานะผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้มาเป็นเวลานาน ทวีชี้ให้เห็นว่าปัญหาความรุนแรงและความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นจากสาเหตุหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบภายในพื้นที่ ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับประชาชน ความคิดเห็นและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน รวมไปถึงการใช้อาวุธ
อย่างไรก็ดี ทวีอธิบายว่าประเด็นใหญ่ที่สุดที่ทำให้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที คือปัญหาการบริหารและการปกครองของภาครัฐในพื้นที่พหุวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดชายแดนใต้ที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและเป็นชาวมลายู
“ถ้าเราศึกษารากเหง้าของปัญหา จะเห็นว่าเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นเพราะรัฐสร้างบาดแผลและความไม่เป็นธรรม และเรื่องใหญ่ที่สุดคือการที่จะเอาวัฒนธรรมของคนส่วนใหญ่ที่เป็นไทยพุทธไปให้บังคับให้คนมลายูต้องยอมรับ จนกระทั่งมีการรวมกลุ่มกันของคนมีอุดมการณ์ต่างๆ ลุกขึ้นมาสู่กับรัฐ” ทวีกล่าว
ทั้งนี้ ทวีเสนอว่าการเปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยกันถือเป็นอีกหนึ่งทางออกของปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ ทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งสำคัญของการพูดคุย เจรจา และแลกเปลี่ยนแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าว คือรัฐไม่ควรผูกขาดให้คนจากส่วนกลางไปพูดคุยและเจรจาเพียงกลุ่มเดียว แต่ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการเจรจาต่างๆ ในพื้นที่ชายแดนใต้ด้วย
“พี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเคร่งครัดในหลักการ เช่น ภาษามลายู และมีการศึกษาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของเขา เช่น ต้องมีโรงเรียนตาดีกา สถาบันปอเนาะ รวมถึงโรงเรียนเอกชนสำหรับสอนศาสนา เรื่องต่างๆ เหล่านี้ผมมองว่าน่าจะเป็นเรื่องของการบริหารและการปกครอง รวมไปถึงความคิดของผู้บริหาร และผมมองว่าการเปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยกันจะเป็นทางออกของปัญหาชายแดนใต้” ทวีกล่าวสรุป