เมื่อไม่นานมานี้ผู้เขียนได้เล่าถึงเทคโนโลยีอันหนึ่งชื่อว่า Deepfake ที่เป็นการสลับหน้าของคนในวิดีโอด้วยใบหน้าของบุคคลอื่น ยกตัวอย่างเช่นมีวิดีโอของอดีตประธานาธบดี โดนัล ทรัมป์อันหนึ่ง ที่มีคนใช้เทคโนโลยี Deepfake เอาใบหน้าของคนอื่นมาซ้อนทับลงไป ซึ่งมีความเหมือนจริงค่อนข้างมาก แน่นอนว่ามันถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมหนังโป๊ที่เอาใบหน้าของบุคคลมีชื่อเสียงไปทับซ้อนกับวิดีโอโป๊ต่างๆ จนทำให้เกิดความเสียหายไม่น้อย
แต่อย่างที่รู้กันว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ยังคงพัฒนาต่อไปไม่มีหยุด ตราบใดที่ไม่มีการออกกฎหมายมาบังคับ ตอนนี้ความก้าวหน้าของมันก็คือ ถ้ามีใครบางคนถ่ายรูปของคุณไป อาจจะเป็นรูปยืนตรงธรรมดาๆ เทคโนโลยี AI สามารถนำเอาภาพจากที่อื่นที่มีท่าทางต่างๆ เช่นกระโดดเหมือนการ์ตูนมาริโอมาผสมเข้ากับรูปของคุณได้ รูปของคุณจากที่ยืนตรงปกติ ก็จะกลายเป็นหน้าตาของคุณ เสื้อผ้าที่คุณใส่ แต่กลายเป็นรูปที่กระโดดเหมือนมาริโอแทน ยกตัวอย่างในรูปนี้เป็นต้น
นี่คือเทคโนโลยีที่วิศวกรจาก Adobe กำลังพัฒนาอยู่ในตอนนี้ โดยการฝึกสมองกลที่ชื่อว่า Adobe Sensei ให้เรียนรู้วิธีการปรับแต่งรูปหลังจากถ่ายมาเรียบร้อยแล้ว ทั้งแบบที่เป็นภาพนิ่งและวิดีโอ ข่าวของการพัฒนาเทคโนโลยีปรับแต่งภาพนี้มาจากงาน Adobe Max เมื่อไม่นานมานี้ โดยในงานก็มีการแถลงว่าต่อไปเราจะมี Photoshop / Illustrator บนเว็บกันแล้วด้วย แต่นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะสิ่งที่น่าสนใจคือโปรเจ็กต์ ‘Strike a Pose’ กับ โปรเจ็กต์ ‘Morpheus’ ต่างหากที่น่าจะมีโอกาสสร้างผลกระทบทางสังคมออนไลน์อย่างมาก
ทั้งสองโปรเจ็กต์ยังอยู่ในช่วงของการทดลอง แต่ถ้าดูจากเดโมแล้วมันเป็นเทคโนโลยีปรับแต่งรูปภาพที่น่าเหลือเชื่อเลย Morpheus เป็นโปรเจ็กต์ในการปรับแต่งวิดีโอโดยใช้ฟิลเตอร์ สมมติว่าในวิดีโอหนึ่ง ผมทำหน้าบึ้งตลอดเวลา ถ้าจะทำให้ผมยิ้มทั้งคลิปต้องมานั่งแก้ทีละเฟรม ซึ่งการทำแบบนั้นในวิดีโอเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและใช้เวลามาก แต่เทคโนโลยีของ Morpheus สามารถเอาฟิลเตอร์มาทับซ้อนไปได้ทุกเฟรม แล้วปรับให้ผมยิ้มทั้งวิดีโอเลยก็ได้ หรือถ้าอยากเติมหนวดเติมเคราเข้าไปด้วยก็ได้เช่นกัน
ส่วนโปรเจ็กต์ Strike a Pose ดูเป็นอะไรที่น่าเป็นห่วงมากกว่า อย่างที่บอกไปเบื้องต้นว่าเราสามารถถ่ายรูปแบบยืนตรงธรรมดา แล้วเอามาผสมกับอีกรูปที่ใครก็ได้โพสต์ท่าแบบที่เราต้องการ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือรูปภาพของเราโพสต์ท่าตามรูปที่เอามาผสมด้วย เอาละ ผมอยากให้ลองนึกภาพตามนิดหนึ่งนะครับ รูปแรกคุณยืนเฉยๆ ส่วนรูปที่สองเป็นรูปที่ใครสักคนโพสต์ท่ากำลังทำเรื่องไม่ดี ผิดกฎหมาย เอาง่ายๆ เช่นขโมยของในห้างสรรพสินค้า แล้วเอามารวมกัน รูปที่ได้ออกมาก็คืออยู่ๆ คุณก็กลายเป็นคนขโมยของในห้างสรรพสินค้าขึ้นมาได้เลยทันที
มีคนเอาเรื่องนี้ไปโพสต์ลงทวิตเตอร์ เสียงแตกออกเป็นสองฝั่งทันที่ บางคนเรียกมันว่า ‘เวทมนตร์’ บางคนบอกเลยว่า ‘นี่มันน่ากังวลสุดๆ เลย’
อย่างที่บอกว่าตอนนี้เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาและไม่มีทางรู้ว่าจะออกมาจริงๆ เมื่อไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เราอย่าลืมว่านี่คือ Adobe พวกเขาเป็นผู้นำเทคโนโลยีปรับแต่งรูปภาพตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และพวกเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อตั้ง Content Authenticity Initiative (CAI) เพื่อรับมือกับเรื่องความถูกต้องของเนื้อหา เช่น การดัดแปลงวิดีโอ, Deepfake, ข่าวปลอม ฯลฯ
โดยหน้าที่หลักของ Adobe คือร่างข้อกำหนดและมาตรฐานในการแก้ไขปัญหานี้ รวมไปถึงแชร์ให้รู้ด้วยว่ามันมาจากที่ไหน เครื่องมือจะช่วยให้เห็นว่าภาพหนึ่งถูกปรับเปลี่ยนมาอย่างไรบ้าง ระบุแหล่งที่มาชัดเจนว่ามาจากใคร เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าเทคโนโลยีอย่าง Strike a Pose จะดูน่ากังวล แต่พวกเขาก็น่าจะมีวิธีการติดรหัสบางอย่างเข้าไปด้วยในรูป เพื่อให้คนทั่วไปเห็นเมื่อใช้โปรแกรม ว่าภาพนี้ถูกดัดแปลงมาหรือเป็นภาพจริงกันแน่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เมื่อมีการแพร่กระจายของรูปภาพบนอินเทอร์เน็ต ความเสียหายอาจเกิดขึ้นก่อนแล้วกว่าที่ความจริงจะมาเปิดเผยภายหลังว่าเป็นภาพปลอม เพราะฉะนั้นก็ยังถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่ากังวลอยู่ดี มีหลายบทความจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องอันตรายของ Deepfake แต่ก็ไม่มีใครหยุดไม่ให้การพัฒนาดำเนินต่อไปได้ ในกรณีนี้ก็คงไม่ต่างกัน
อนาคตที่กำลังจะมาถึง ‘สิ่งที่เห็น’ อาจจะไม่ใช่ ‘สิ่งที่เป็น’ อีกต่อไป ถ้าไม่ได้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตาหรืออยู่ในเหตุการณ์จริงๆ
อ้างอิง
The Future of Images Is ‘Trust Nothing’ | by Lance Ulanoff | Oct, 2021 | OneZero
Adobe MAX 2021 technology sneak peeks don’t disappoint | Adobe
https://debugger.medium.com/adobe-photoshop-tears-down-one-last-barrier-a13a4e8bc805