วรากรณ์ สามโกเศศ เรื่อง
บางสิ่งที่เป็น ‘ลบ’ นั้นสามารถทำให้เป็น ‘บวก’ ได้ ด้วยการใช้ปัญญา ดังกรณีของศึกดันเคิร์ก (Battle of Dunkirk) ที่เกิดขึ้นเมื่อ 77 ปีก่อน บัดนี้ภาพยนตร์เรื่อง Dunkirk ได้บันทึกวีรกรรมนั้นให้ชาวโลกชื่นชม และกำลังโด่งดังก้องโลกอยู่ในขณะนี้
ภาพยนตร์ Dunkirk เปิดตัวที่อังกฤษ ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ ในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนกรกฎาคม 2017 ผู้ชมต่างยกย่องว่าเป็นหนังสงครามที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง เต็มไปด้วยสาระให้ขบคิด ถึงขณะนี้ทำรายได้ทั่วโลกแล้วกว่า 393 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
Dunkirk (Dunkerque) เป็นชื่อเมืองของฝรั่งเศส อยู่ติดชายทะเล ใกล้ช่องแคบระหว่างฝรั่งเศสและอังกฤษ เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1940 กองทัพอังกฤษถูกตัดขาดจากพันธมิตรจนติดกับดักอยู่ในบริเวณนั้น เนื่องจากถูกถล่มโดยเครื่องบินและรถถังของกองทัพนาซีอย่างหนัก
ก่อนหน้านี้กองทัพนาซีบุกโปแลนด์ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 แล้วสงครามโลกครั้งที่สองก็เริ่มขึ้น อังกฤษส่งทหารไปฝรั่งเศสจำนวนมากในช่วงเวลาที่กองทัพนาซีหยุดการรุกรานชั่วคราวในช่วงฤดูหนาวของปีเดียวกัน แต่ก็ยังไม่หยุดส่งกำลังเสริมเพื่อเตรียมตัวบุกโจมตีครั้งใหญ่ต่อไป
เมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้น กองทัพนาซีก็จู่โจมเข้ายึดเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก นอร์เวย์ โดยมีเบลเยี่ยมและฝรั่งเศสเป็นเป้าหมายต่อไป โดยเริ่มศึกตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1940
ฝ่ายอังกฤษนั้น Winston Churchill ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงต้นศึกนั้นพอดี ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนจากต้นพฤษภาคม กองทัพเยอรมันก็ยึดประเทศเหล่านั้นได้หมด ยกเว้นฝรั่งเศสที่ถูกยึดครองหลังสุดในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940
กองทัพอังกฤษร่วมรบกับฝรั่งเศสเพื่อต้านการยึดครองเบลเยี่ยม แต่ถูกตัดตอนให้โดดเดี่ยวติดอยู่กับกองทัพฝรั่งเศสบางส่วนที่เมือง Dunkirk มีจำนวนทหารรวมทั้งหมดประมาณ 400,000 คน สถานการณ์เรียกได้ว่าหมดหนทางหนี Churchill ต้องรีบวางแผนหาทางช่วยเหลือโดยด่วน
ปฎิบัติการช่วยเหลือทหารอังกฤษเหล่านี้มีชื่อว่า Operation Dynamo โดยคาดว่าน่าจะเอาเรือทหารเข้าไปช่วยเหลือได้ไม่เกิน 30,000 คน แต่ Churchill คาดผิดอย่างฉกรรจ์ เพราะในที่สุดก็สามารถช่วยเหลือทหารได้เกือบทั้งหมดเสมือนปาฏิหาริย์ ภาพยนตร์เรื่อง Dunkirk เล่าเรื่องปฏิบัติการช่วยเหลือทหารในครั้งนั้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สอง
ผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับ Dunkirk คือ Christopher Nolan ลูกครึ่งอังกฤษ-อเมริกันวัย 47 ปี ผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับมือทองที่ทำรายได้สูงที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์ ภาพยนตร์ที่เขาเคยกำกับในอดีต เช่น Memento, Insomnia, The Prestige, The Dark Knight Trilogy, Inception, Interstellar ฯลฯ หนังทั้งหมดที่เขากำกับได้รับรางวัล Oscar รวม 7 รางวัล จากการเสนอชื่อเข้าชิงทั้งสิ้น 26 รางวัล
เหตุหนึ่งที่ผู้คนชื่นชอบ Dunkirk ก็เพราะ Nolan เล่าเรื่องในลักษณะที่แปลกแตกต่างจากหนังสงครามทั่วไป กล่าวคือ เล่าเรื่อง “บนบก” จากมุมมองของทหารที่อยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างไม่รู้อนาคตของตนเอง “ในทะเล” จากมุมมองของเรือรบและเรือของชาวบ้านจำนวนมากมายที่มาช่วยเหลือรับทหารข้ามช่องแคบอังกฤษ และ “ในอากาศ” จากมุมมองของนักบินอังกฤษผู้ต่อสู้กับเครื่องบินเยอรมันที่เข้าโจมตีทหารที่อยู่บนชายหาด และทั้งสามเรื่องก็มาบรรจบกันเป็นเรื่องราวของการแข่งขันกับเวลาอย่างตื่นเต้นตามแนวหนังแอ็คชั่นสุดอลังการ
Dunkirk สร้างบนพื้นฐานของเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงอย่างใกล้เคียงที่สุด กระทั่งบางฉากก็ถ่ายทำ ณ สถานที่จริง เรือเล็กเรือน้อยของชาวบ้านอังกฤษที่มาช่วยนั้น บางส่วนก็เป็นเรือลำที่เคยใช้จริง Nolan พยายามสร้างหนังให้สมจริงตามหลักฐานประวัติศาสตร์ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องบิน เครื่องแบบ และสภาพแวดล้อม (มีการนำทรายบางส่วนจาก Dunkirk มาประกอบสถานที่ถ่ายทำ) นอกจากนี้ก็ยังเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ชาวบ้านที่เคยเข้าร่วม Operation Dynamo อีกด้วย
พล็อตของ Dunkirk ประกอบด้วยเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นและน่าเศร้าของชีวิตผู้คน ฉากหนึ่งที่สะเทือนใจคนดูก็คือทหารกลุ่มหนึ่งได้ขึ้นเรือเพื่อกลับบ้านแล้ว ดีใจสนุกสนานฉลองกันบนเรือ แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมา ก็โดนเครื่องบินนาซีทิ้งระเบิดจนเรือจมและตายหมด (บางคนยังไม่ยอมปล่อยมือจากถ้วยชา) รวมถึงกรณีของทหารที่สติหลุดเดินลงทะเลไปเพราะทนแรงกดดันไม่ไหวอีกแล้ว ยังมีกรณีของชาวบ้านที่เสียชีวิต เพราะการทะเลาะเบาะแว้งจากอารมณ์อันสุดเครียด
ความตื่นเต้นของเรื่องราวที่เกิดขึ้น วิธีการกระชากอารมณ์ การใช้มุมกล้องที่น่าสนใจ และการแสดงอันสมบทบาท สร้างความถูกใจให้ผู้ชมทั่วโลกเป็นอันมาก รวมทั้งผู้ชมในเมืองไทย แม้แต่ในเยอรมนีก็ตาม เพราะในหนังเรื่องนี้ เราไม่เห็นทหารนาซีแม้แต่คนเดียว เนื่องจากโดยแท้จริงแล้ว มันเป็นการต่อสู้ภายในตนเอง เป็นเรื่องราวของชีวิตชาวบ้านผู้ยอมเสียสละ มีความสามัคคี และมีความรักชาติ อันเป็นตัวอย่างที่งดงามสำหรับคนทุกประเทศ
เรื่องราวของ Dunkirk เป็นที่รู้จักกันมายาวนาน เด็กอังกฤษทุกคนถูกสอนเรื่อง Spirit of Dunkirk ซึ่งเป็นการรวมพลังใจของคนในชาติ เพื่อต่อสู้กับสิ่ง ‘ลบ’ และเอาชนะอุปสรรค นักประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองเชื่อว่า เหตุการณ์ Dunkirk ทำให้เกิดการรวมใจอย่างสำคัญของคนอังกฤษ จนทำให้สามารถชนะสงครามในอีก 5 ปีต่อมาได้สำเร็จ
Winston Churchill ใช้เหตุการณ์นี้ในการปลุกเร้าคนอังกฤษขึ้นมาต่อสู้ได้อย่างประสบผลสำเร็จ เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ที่ผู้คนยังกล่าวถึงจนทุกวันนี้ว่า
“We shall fight on the beaches, we shall fight on the landing grounds, we shall fight in the fields and in the streets, we shall fight in the hills; we shall never surrender.”
เหตุใดฮิตเลอร์จึงไม่ไล่ล่าทหารเกือบ 400,000 คนนี้ให้ตกทะเล ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานที่สามารถให้คำตอบที่แน่ชัด รู้แต่ว่าการยอมให้ฝ่ายอังกฤษรับทหารอังกฤษและฝรั่งเศสไปได้รวม 338,326 คน (ประมาณ 2 ใน 3 เป็นคนอังกฤษ) ระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม ถึง 4 มิถุนายน ค.ศ. 1940 นั้นเป็นความผิดพลาดครั้งสำคัญของฮิตเลอร์ เพราะในที่สุด คนเหล่านี้ก็กลับมาเป็นกำลังสำคัญในการรบกับกองทัพเยอรมัน ประเด็นสำคัญก็คือเป็นการให้โอกาสอังกฤษนำเหตุการณ์นี้ไปปลุกเร้าต่อไป บางคนคิดว่าฮิตเลอร์ต้องการสะสมกำลังไว้บุกฝรั่งเศส จึงเพียงแค่ให้กองทัพอากาศบินเข้าไปโจมตี แต่ไม่ให้รถถังที่เป็นพลังรบสำคัญบุกเข้าไปร่วมด้วย อังกฤษจึงสามารถรับมือการทิ้งระเบิดได้เป็นอย่างดี
เรือเล็กๆ ที่เป็นเรือประมง เรือส่วนตัว เรือข้ามฟากของชาวบ้านอังกฤษ รวม 700 ลำ ซึ่งมาช่วยรับทหารกลับบ้าน ต้องฝ่าคลื่นลมที่แรงมาก ฝ่าระเบิดกระสุนจากเครื่องบินนาซี จนในจำนวนเรือทหารและเรือเล็กรวม 861 ลำนี้ จมน้ำไปถึง 243 ลำ อังกฤษเสียเครื่องบินไป 177 ลำ เยอรมัน 240 ลำ ฝ่ายอังกฤษเสียชีวิตรวม 68,111 คน เยอรมัน 20,000 คน (ตัวเลขนี้รวมที่รบกันก่อนหน้าที่จะถูกบีบให้ติดทะเลด้วย)
ในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและคุณค่าของความเป็นปัจเจกบุคคล การได้รับทราบเรื่องราวความรับผิดชอบ ความกล้าหาญ และความเสียสละเพื่อการอยู่ร่วมกันของชุมชนจึงเป็นเรื่องที่ตื่นตาตื่นใจ
Spirit of Dunkirk คือคุณค่าที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มอบให้แก่โลก
แท้จริงแล้ว Dunkirk คือ ศึกที่อังกฤษพ่ายแพ้จนถูกไล่เกือบตกทะเล แต่ผู้นำอังกฤษรู้จักแปรจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็งอย่างชาญฉลาด ‘ศึก’ นั้นอาจแพ้ได้ในบางครั้ง แต่ ‘สงคราม’ ต้องชนะให้ได้ในที่สุด ด้วยสปิริตของความเสียสละและการเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง