หลังจากกรรมการทั้ง 5 คนได้ร่วมกันสุมหัวโต้แย้งกันอย่างเผ็ดมัน
ในที่สุด เราก็ได้บทสรุปของ ‘ความน่าจะอ่าน’ แห่งปี 2017 เป็นที่เรียบร้อย…
ต่อไปนี้คือหนังสือ 12 เล่ม ที่กรรมการทุกคน ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า ‘น่าจะอ่าน’
จะมีเล่มไหนบ้าง ไปดูกันเลย!
1. ร่างของปรารถนา
อุทิศ เหมะมูล เขียน
สำนักพิมพ์จุติ
Recommend by : ทีปกร / สฤณี / โตมร / ทราย
เรื่องของศิลปินผู้ต้องเจอรัฐประหารถึง 3 ครั้งตลอดช่วงชีวิต (2535, 2549 และ 2557) ว่าด้วยความแตกต่างทางการเมืองและตัวตนปัจเจกในการเข้าถึงคุณค่าทางศิลปะ ทั้งสองสิ่งเล่นล้อดำเนินควบคู่กันไป อุทิศพูดถึงหนังสือเล่มนี้ว่า “มันคือการจดจ้องกับภาวะลุ่มหลงมัวเมา เอาเป็นเอา ตายเป็นตาย สูญเสียเป็นสูญเสีย”
“คิดว่าเป็นงานที่ดีที่สุดของอุทิศ และเป็นหมุดหมายใหม่ของแวดวงวรรณกรรมไทย ชอบการประดิษฐ์พยัญชนะที่สื่อนัยทางเพศและแรงกดดันใต้อำนาจ รวมถึงการใช้ฉากร่วมรักต่างๆ เพื่อสื่อถึงการใช้อำนาจและการถูกกดทับในสังคม” – สฤณี อาชวานันทกุล
“เล่มนี้มีความสมบูรณ์ทั้งรูปแบบและเนื้อหา” – นิวัต พุทธประสาท
2. A Little History of Religion
ริชาร์ด ฮอลโลเวย์ เขียน
สุนันทา วรรณสินธ์ เบล แปล
สำนักพิมพ์ Openworlds
Recommend by : ทีปกร / ทราย
หนังสือประวัติศาสตร์ศาสนาขนาดกะทัดรัดเล่มนี้ไม่เพียงแต่เล่าที่มาที่ไปของศาสนาต่างๆ ได้อย่างสนุกและกระชับเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าศาสนาทับซ้อนกับมิติทางสังคม การเมือง และวัฒนธรรมอย่างมิอาจแยกขาด ในยุคที่ศาสนามีแนวโน้มจะสุดโต่งและเป็นอาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง (อีกครั้ง) หนังสือเล่มนี้ชวนให้ผู้อ่านกลับมาทบทวนที่ทางของศาสนาเพื่อศรัทธากลับมามีคุณค่าอย่างแท้จริง
“ไม่พยายามยัดข้อมูลจนเรารู้สึกอยากขย้ำทิ้ง และใจกว้างพอที่จะให้ข้อมูลของหลายๆ ศาสนา ดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนุกเท่าไหร่ แต่อ่านสนุกมาก” – ทราย เจริญปุระ
“เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์เกี่ยวกับศาสนาที่อ่านง่าย ย่อยง่าย” – โตมร ศุขปรีชา
3. ความจนกับคนจร ในปารีสและลอนดอน
จอร์จ ออร์เวลล์ เขียน
บัญชา สุวรรณานนท์ แปล
สำนักพิมพ์ไต้ฝุ่น
Recommend by : ทีปกร / โตมร / สฤณี
สารคดีที่สะท้อนชีวิตของจอร์จ ออร์เวลล์ เขาลงไปใช้ชีวิตใกล้ชิดคนจรจัดในย่านเสื่อมโทรมของลอนดอน ต่อมาเขาไปทำงานเป็นคนล้างจานในภัตตาคารที่ปารีส เมื่อเห็นวิถีความแตกต่างของผู้คนและความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น จึงเขียนเล่าออกมาเป็นบันทึกความทรงจำ
“เคยอ่านเล่มนี้เวอร์ชั่นต้นฉบับมารอบนึงแล้ว รู้สึกว่ามีภาษาและศัพท์ต่างประเทศหลายคำที่น่าจะแปลยากมากๆ แต่ปรากฏว่าเวอร์ชั่นแปลโดยคุณบัญชา (สุวรรณานนท์) เล่มนี้ ทำออกมาได้ดีมาก อ่านสนุกกว่าตอนอ่านจากต้นฉบับอีก” – ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
“เป็นเรื่องที่บอกเล่าความทุกข์ได้สนุกมาก สนุกจนรู้สึกผิด” – ทราย เจริญปุระ
4. คราสและควินิน
พิพัฒน์ พสุธารชาติ เขียน
สำนักพิมพ์ Illumination
Recommend by : โตมร / สฤณี
เป็นความพยายามครั้งสำคัญในการท้าทายและรื้อสร้าง “ปากไก่และใบเรือ” หนังสือที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดเล่มหนึ่งของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ จุดเด่นของ ‘คราสและควินิน’ คือ การรวบรวมและนำเสนอหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาถกเถียงกับ อ.นิธิ ได้อย่างเข้มข้นและน่าสนใจ ทั้งอิทธิพลทางความคิดของ ‘ปากไก่ใบเรือ’ และคุณภาพของ ‘คราสและควินิน’ หนังสือเล่มนี้ได้กลายเป็นหนังสือที่ “ต้องอ่าน” สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ตอนต้นและประวัติศาสตร์ไทยไปแล้ว
5. คนไทย / คนอื่น
ธงชัย วินิจจะกูล เขียน
สำนักพิมพ์ ฟ้าเดียวกัน
Recommend by : สฤณี
อาจมองได้ว่า ‘คนไทย คนอื่น’ เป็นส่วนขยายหรือส่วนเติมเต็มของ Siam Mapped (1994) หนึ่งในหนังสือประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัยที่สำคัญที่สุด อ.ธงขัย วินิจจกูลไม่เพียงแต่ทำให้เราเข้าใจกระบวนสร้าง “คนอื่นที่” ที่ทำตัวมีปัญหาอย่างลุ่มลึกและเป็นระบบเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่า ‘คนไทย’ – ในฐานะตัวตนรวมหมู่ – ถูกสร้าง ถูกเข้าใจ และถูกใช้เป็นเครื่องมือในทางสังคมและการเมืองอย่างไร
“เป็นหนังสือวิชาการที่อ่านสนุกมาก สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ บทที่อยากให้อ่านมากๆ คือบทที่ว่าด้วยเรื่องปัตตานี” – โตมร
“เป็นเล่มที่เซอร์ไพรส์มาก เพราะไม่คิดว่างานของอ.ธงชัยจะอ่านสนุกได้ขนาดนี้ ขณะเดียวกันก็ทึ่งกับข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏในเล่มนี้” – นิวัต พุทธประสาท
6. แสบ
โหวเหวินหย่ง เขียน
อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี แปล
สำนักพิมพ์แมงมุมบุ๊ก
Recommend by : สฤณี / นิวัต / ทราย
นวนิยายขายดีในไต้หวัน ว่าด้วยเรื่องการศึกษาที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เด็กวัยรุ่นจะต้องเจออะไรบ้างเพื่อสอบให้ได้คะแนนดี ‘เซี่ยเจิ้งเจี๋ย’ นักเรียนชั้น ม.สาม ต้องเผชิญความกดดันอันหนักหน่วง แล้วเพราะนิสัยตลกขี้เล่นของเขาทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระดับชาติ หนังสือตั้งคำถามไว้ว่า “จะเศร้าแค่ไหนหากสถานศึกษาเป็นเพียงทัณฑสถานจองจำความคิดสร้างสรรค์”
“อ่านสนุกวางไม่ลงยิ่งกว่า ‘ลวง’ จากผู้เขียนคนเดียวกัน ตีแผ่ปัญหาในวงการการศึกษาไต้หวัน และความกดดันของนักเรียนได้อย่างยอดเยี่ยม อ่านแล้ว ‘อิน’ มากเพราะปัญหาของไต้หวันหลายอย่างเหมือนกันกับปัญหาในระบบการศึกษาไทย สำนวนแปลลื่นไหลราวกับอ่านต้นฉบับ” – สฤณี อาชวานันทกุล
“ทำให้เห็นจุดร่วมของปัญหาการศึกษาที่เกิดขึ้นคล้ายๆ กันของหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย ประเด็นเข้มข้น แต่อ่านสนุกมาก” – ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
7. The Story of Art
อี.เอช. กอมบริช เขียน
รติพร ชัยปิยะพร แปล
สำนักพิมพ์ บริษัท เดอะเกรทไฟน์อาร์ท จำกัด
Recommend by : โตมร
นี่คือหนังสือเกี่ยวศิลปะที่คนรักศิลปะ รวมถึงผู้ที่อยากก้าวเข้าสู่โลกศิลปะ ควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะทำให้คุณรู้ประวัติศาสตร์ของศิลปะประเภทต่างๆ อย่างถึงราก ผู้เขียนยังชักชวนให้คุณตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์ และถกประเด็นมันๆ อย่างเช่นคำถามโลกแตกที่ว่า ศิลปะคืออะไร ภายใต้ลีลาการเขียนที่เป็นกันเอง อ่านง่าย เหนืออื่นใดคือรูปเล่มและคุณภาพการพิมพ์ที่รับประกันความอิ่มเอม—สมกับเป็นหนังสือที่พูดถึงศิลปะ
“เป็นหนังสือที่ต้องเก็บ ต้องมี ใช้เป็นคู่มือเวลาไปเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ ได้” – โตมร ศุขปรีชา
“เวลาเราไปดูงานศิลปะ หรือพิพิธภัณฑ์ เราจะมีความสงสัยว่าทำไมรูปนี้ต้องเป็นแบบนี้ หรืองานศิลปะชิ้นนี้มีที่มาอย่างไร หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เราเข้าใจที่มาที่ไปเหล่านั้นได้ เช่นเดียวกับการให้ภาพรวมของประวัติศาสตร์ศิลปะ” – ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
8. หิมะ
ออร์ฮาน ปามุก เขียน
รัชยา เรืองศรี แปล
สำนักพิมพ์บทจร
Recommend by : โตมร / นิวัต
นวนิยายการเมืองเรื่องแรกของออร์ฮาน ปามุก เล่าเหตุการณ์ในเมืองชายแดนคาร์ส เมืองแห่งนี้เป็นฉากหลังความขัดแย้งทางความเชื่อจากฝ่ายแคร่งอิสลาม และคนไร้ศรัทธา ภายใต้หิมะที่ตกโปรยปรายไม่หยุด กวีหนุ่มผู้ลี้ภัยการเมือง เดินทางกลับมายังเมืองนี้เพื่อสืบหาสาเหตุการฆ่าตัวตายของเหล่าเด็กสาวผู้ยืนยันจะสวมฮิญาบมาโรงเรียน
“ปามุกเป็นคนเขียนเรื่องยากๆ ให้อ่านง่าย เป็นเหมือนมูราคามิแห่งโลกอาหรับ ความเข้มข้นทางสังคมการเมืองในเรื่อง ‘หิมะ’ คล้ายคลึงกับบรรยากาศของบ้านเรามาก อ่านแล้วทึ่งมาก” – นิวัต พุทธประสาท
9. ตำนานนิรันดร์
ไอแซค ไดนีเสน เขียน
อรจิรา โกลากุล แปล
สำนักพิมพ์ เม่นวรรณกรรม
Recommend by : โตมร
งานเขียนกึ่งนิทานปรัมปรา ว่าด้วยเรื่องราวของเศรษฐีชราผู้หนึ่งซึ่งต้องการเปลี่ยน ‘ตำนาน’ ให้เป็น ‘เรื่องจริง’ โดยใช้ทรัพย์สินมหาศาลที่เขามีอยู่ นอกจากจะเป็นเรื่องอ่านสนุก ชวนติดตาม ตัวบทยังชวนให้ตีความได้หลายมุม ตั้งแต่แง่ของความเปลี่ยวดายในชีวิต การเล่นกับความจริงความลวงในฐานะเรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่า ไปจนถึงการวิพากษ์พระคัมภีร์
“อ่านแล้วชอบมาก เป็นหนังสือที่อยากเชียร์ให้เข้ารอบตั้งแต่อ่านจบ” – โตมร ศุขปรีชา
“ละเมียดละไมทั้งเนื้อเรื่อง และภาษา เป็นแนวที่หาอ่านได้ยากแล้วทุกวันนี้” – นิวัต พุทธประสาท
10. หยดน้ำหวาน ในหยาดน้ำตา
อุรุดา โควินท์ เขียน
สำนักพิมพ์มติชน
Recommend by : โตมร
นิยายของนักเขียนหญิงที่เขียนถึงคนรักนักเขียนหนุ่มที่จากไป ‘กนกพงศ์ สงสมพันธ์’ เรื่องราวถูกเขียนขึ้นเพื่อจดจารถึง ‘เขา’ และ ‘เธอ’ เมื่อสิบกว่าปีก่อน ในหุบเขาฝนโปรยไพร เรื่องราวความทรงจำที่ปรากฏออกมาเป็นฉากอันแจ่มชัด ทุกบทสนทนา รสชาติอาหาร กลิ่นฝน เสียงหัวเราะและน้ำตา ลอยอบอวลอยู่ในหนังสือเล่มนี้
“คำว่า ‘หวาน’ คือคำจำกัดความของหนังสือเล่มนี้ เป็นเล่มที่ทำให้คิดกับตัวเองว่า ถ้าเราจะเขียนถึงใครสักคนที่ตายไปแล้ว เราจะเขียนได้ด่ีขนาดนี้ไหม” – ทราย เจริญปุระ
“เป็นเรื่องที่เขียนได้ละมุนที่สุดเท่าที่นักเขียนสาวคนหนึ่งจะทำได้” – นิวัต พุทธประสาท
11. เนินนางวีนัส
อนาอิส นิน เขียน
รังสิมา ตันสกุล แปล
สำนักพิมพ์ Library House
Recommend by : นิวัต
รวมเรื่องสั้นอีโรติกที่เขียนขึ้นในช่วงทศวรรษ 1940 แต่ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1977 หลังจากอนาอิส นีน เสียชีวิต ในตอนแรกเธอเขียนขึ้นเพื่อขายให้ลูกค้ารายหนึ่งในราคาหน้าละหนึ่งดอลลาร์ หนังสือบอกเล่าความสัมพันธ์สวาทและอารมณ์หวามไหวผ่านน้ำเสียงของผู้หญิงยุคใหม่ที่กล้าเปิดเผยด้วยภาษาอันงดงาม
“เป็นหนังสืออีโรติกที่ละเมียดละไม ไม่รู้สึกว่าถูกคุกคาม” – ทราย เจริญปุระ
“อนานิส นิน เป็นนักเขียนที่เขียนฉากเซ็กส์ได้พิเศษมาก” – โตมร ศุขปรีชา
12. คนนอกคอก ในคอกทนาย
จอห์น ไกรแชม เขียน
ขจรจันทร์ เขียน
สำนักพิมพ์ น้ำพุ
Recommend by : ทราย
นวนิยายสืบสวนสอบสวนที่ชวนอ่านแบบรวดเดียวจบ ว่าด้วยเรื่องราวของทนายหนุ่มนอกคอกที่มีออฟฟิศเคลื่อนที่เป็นรถตู้กันกระสุน พร้อมด้วยลูกสมุนคู่ใจที่เป็นทั้งคนขับรถและบอดี้การ์ด ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเขารับว่าความให้จำเลยเพี้ยนๆ คนหนึ่งซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร จนทำให้ตัวเขาต้องตกที่นั่งลำบากไปด้วย
“เป็นเรื่องของทนายที่ทำให้รู้สึกว่า เวลาที่ผลของบางเรื่องออกมาในแบบที่ไม่ได้ดั่งใจเรา เราจะรับมืออย่างไรกับมัน” – ทราย เจริญปุระ
“เป็นหนังสือประเภทที่วางไม่ลง เป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับคนที่สนใจนิยายประเภทนี้” – โตมร ศุขปรีชา