fbpx
#ควายแดง กับการเปลี่ยนแปลงทางความหมาย

#ควายแดง กับการเปลี่ยนแปลงทางความหมาย

[et_pb_section admin_label=”section”] [et_pb_row admin_label=”row”] [et_pb_column type=”4_4″][et_pb_text admin_label=”Text”]

อิสระ ชูศรี เรื่อง

ภาพิมล หล่อตระกูล ภาพประกอบ

 

บทความนี้ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงความหมายและการใช้ของวลี ‘ควายแดง’ จากเดิมที่หมายถึงกลุ่ม ‘คนเสื้อแดง’ และ/หรือผู้นิยมพรรคเพื่อไทย และ/หรืออดีตนายกรัฐมนตรีในสกุลชินวัตร กลายมาเป็นการใช้เพื่อกล่าวกระทบกระเทียบถึงท่านผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน แล้วความหมายนั้นก็กลืนกลายไหลเลื่อนไปจนหมายถึง ‘NOT-คนเสื้อแดง’ เสียด้วยซ้ำ

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ในทวิตภพเป็นหลัก และเฟซบุ๊กในระดับที่เบาบางกว่า และดูเหมือนว่ามันอาจส่งผลกระทบให้คู่คำตรงข้าม ‘สลิ่ม’/‘ควายแดง’ ที่คนจำนวนมากเห็นว่าเป็นเส้นแบ่งฝักฝ่ายทางการเมืองที่ยากจะลบทิ้ง ถูกลดทอนสถานะของความเป็นคู่คำตรงข้ามที่คมชัดเหมือนสมัยก่อน

ประเด็นที่ผู้เขียนอยากชวนคิดก็คือ ช่วงเวลาที่วลี ‘ควายแดง’ ถูกผลิตขึ้นและใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพนั้นยาวนานเป็นทศวรรษ แต่กระบวนการบ่อนทำลายความหมายเดิมของวลีนี้ให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม กลับเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สั้นกว่ามาก แถมยังมีการนำความหมายเดิมนั้นมาเป็นต้นตอสำหรับการทาบกิ่งก้านของความหมายใหม่ได้อย่างแนบเนียนอีกด้วย

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562 ผู้บัญชาการทหารบกขึ้นเวทีทอล์คโชว์ที่กองทัพบกจัดเอง ในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองของความมั่นคง” ซึ่งมีเนื้อหาปลุกเร้าสำนึกชาตินิยม โดยการหยิบยกความขัดแย้งทางการเมืองในอดีตขึ้นมาต่อเส้นเติมสีให้ดูเหมือนมีชีวิตอีก เช่น การสูญเสียดินแดนยุคล่าอาณานิคม การเชื่อมโยงนักการเมืองในปัจจุบันกับการต่อสู้ของขบวนการคอมมิวนิสต์ในอดีต การนำเหตุการณ์ประท้วงของคนเสื้อแดงมาดิสเครดิตนักการเมืองที่กำลังได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน การหยิบภาพถ่ายคู่ของหัวหน้าพรรคการเมืองคนหนึ่งกับผู้นำนักศึกษาฮ่องมาแต่งเรื่องต่อให้กลายเป็นความพยายามชักศึกเข้าบ้าน เป็นต้น

สืบเนื่องจากปฏิกิริยาของประชาชนบางส่วนต่อเนื้อหาของทอล์คโชว์ในวันนั้น ทำให้โพสต์บนทวิตเตอร์ที่ใช้แฮชแท็ก #ควายแดง มีจำนวนมากจนกลายเป็นแฮชแท็กติดอันดับของทวิตเตอร์ภายในวันเดียวกัน

เนื้อหาของทวีตส่วนใหญ่เป็นการใช้คำว่า ‘ควายแดง’ ซ้ำไปซ้ำมา เพื่อกล่าวกระทบกระแทกแดกดันตัวท่านผู้บัญชาการทหารบก ผู้เผอิญมีชื่อเล่นว่า ‘แดง’ พอดิบพอดี แต่เมื่อไล่พิจารณาข้อมูลที่ดึงออกมาจากบางส่วนของทวีตที่ใช้แท็กนี้ จะพบว่าผู้ที่เข้าไปโพสต์ทวีตหรือรีทวีตไม่ได้เพียงแค่แสดงอารมณ์โกรธเคืองหรือเย้ยหยันด้วยคำสบถที่หยาบคายเท่านั้น แต่ยังมีผู้ใช้ทวีตเตอร์จำนวนมากที่ตระหนักดีถึงนัยยะทางภาษาและสังคมจากการเกิดความหมายใหม่ของวลี ‘ควายแดง’ ภายในชั่วข้ามคืน

หลายคนมองปรากฏการณ์นี้ในมุมมองทางภาษา ได้แก่การเปลี่ยนแปลงทางความหมายจากการใช้ในบริบทใหม่ด้วยปริมาณที่มาก จนกระทั่งก่อให้เกิดความหมายใหม่ แต่ก็เชื่อมโยงบางส่วนกับความหมายเดิม

ต่อไปนี้คือบางส่วนของทวีต #ควายแดง ว่าด้วยการเปลี่ยนความหมาย

  1. #ควายแดง กับความหมายที่เปลี่ยนไป
  2. #ควายแดง จริงๆ ความหมายของคำว่าควายแดง
  3. #ควายแดง โดนด่ามาเป็นสิบปี พอพูดวันเดียวความหมายแม่งเปลี่ยนเลย อยากให้ครูภาษาไทยและนักภาษาศาสตร์ทั้งหลายเก็บไว้เป็นกรณีศึกษาในการทำวิจัยเรื่องพลวัตภาษามากๆ
  4. #ควายแดง ที่ไม่ใช่ควายแดงแต่คือไอ้ควายแดง งงไม่งง? ที่เป็นขรก.แต่มีทรัพย์สินตั้งล้านได้ไง ชื่อซ้ำความหมายไม่ซ้ำ แค่คำพ้องเสียง
  5. #ควายแดง นับจากวันนี้ความหมายของคำว่าควายแดงจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
  6. #ควายแดง นี่เข้าใจความหมายซักที ไม่ขอให้เวรกรรมตามทัน แต่ขอให้การกระทำของมันส่งผลมันในชาตินี้
  7. #ควายแดง ไม่ใช่พวกเสื้อแดงอีกต่อไป ขอบคุณลุงแดงนะที่ทำให้ความหมายควายแดงนี้ชัดเจน
  8. #ควายแดง ยุคนี้ความหมายเปลี่ยนแล้วจร้าา
  9. #ควายแดง หมายถึงผู้สนับสนุนทักษิณแอนด์เดอะแกงค์มาชัานาน วันนี้เปลี่ยนความหมายไปเพราะพวกคาบมรดกสี่พันล้านมาเกิดอ่ะครับ
  10. ความหมายของคำว่า #ควายแดง มันเปลี่ยนไปแล้วนะคะ เค้าไม่ได้หมายถึงคนเสื้อแดงค่ะ แต่เค้าหมายถึงคนที่ชื่อแดงอ่ะคะแย่งไป
  11. มองด้านการเดินทางของภาษาล้วนๆ เลยนะ มันน่าทึ่งมากที่กระแสสังคมสามารถพลิกคำว่า #ควายแดง ที่ติดปากคนไทยเป็นสิบๆ ปีให้เป็นความหมายใหม่ที่คนยุคนี้เก็ท แล้วตรงข้ามกับความหมายเดิมแบบสิ้นเชิงเลยนะ ต่อไปคำนี้จะถูกใช้ในบริบทอื่นและความหมายแบบเดิมก็จะค่อยๆ หายไป เจ๋งว่ะ
  12. ต่อไปนี้ความหมายของ #ควายแดง ไม่เหมือนเดิมแล้วจ้า สลิ่มมีคำใหม่ใช้รึยัง ขอแบบดูทันสมัยหน่อยนะ
  13. นับตั้งแต่วันนี้ความหมายของคำศัพท์ในพจนานุกรมของการเมืองแดนกะลา คำว่า “ควายแดง” ถูกเปลี่ยนไปแล้วนะ
  14. ภาษามันดิ้นได้อ่ะ #ควายแดง ยังความหมายเปลี่ยนในวันนี้เลย
  15. ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่า #ควายแดง ที่เคยเป็นยอดนิยมของฝ่ายสลิ่มดัดจริตชนความจำสั้นอวดฉลาดอนุรักษ์ราชาชาตินิยมขี้ฝุ่นใต้ตีนเผด็จการบ้าอำนาจล้าหลังขวาจัด จะถูกฝ่ายซ้ายเสรีนิยม (ลิเบอร่านของสลิ่ม)ขโมยและบิดผันนิยามความหมายไปแบบสุดขั้วเลย
  16. หึๆ สลดสลิ่มมอบตำแหน่ง #ควายแดง ให้ฝั่งตรงข้ามตน แต่คำๆ นั้นมาสนองฝั่งตนเองในความหมายจริงๆ ที่ควรจะเป็น

 

จากตัวอย่างข้างต้น แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้แฮชแท็ก #ควายแดง ตระหนักถึงความหมายเดิมของวลีนี้ และยังทราบว่าความหมายใหม่บ่งชี้สิ่งที่ตรงกันข้ามในลักษณะของการ ‘ขโมย’ และ ‘บิดผัน’ ความหมายเดิมอีกด้วย คำถามก็คือ เราจะอธิบายกระบวนการบิดผันทางความหมายในลักษณะนี้ได้อย่างไร? และเพิ่มเติมต่อจากนั้นคือ เราจะใช้ประโยชน์จากกระบวนการนี้ในการช่วยสลายมโนทัศน์คู่ตรงข้ามที่เป็นอันตรายทางการเมืองได้อย่างไร?

ในความหมายเดิมของ ‘ควายแดง’ ควายถูกใช้เป็นความเปรียบชนิดอุปลักษณ์ แทนกลุ่มคนที่ไร้สติปัญญาและเป็นผู้ติดตามสนับสนุนขบวนการทางการเมืองฝ่ายเสื้อแดง ในลักษณะที่กลุ่มคนชั้นกลางฝ่ายอนุรักษนิยมมองว่า เหมือนอย่างกับ ‘ขี้ข้า’ หรือคล้ายกับความในฐานะที่เป็นสัตว์ใช้งานในไร่นา

ความหมายใหม่ของ ‘ควายแดง’ เป็นการเล่นคำพ้องเสียงของคำว่า ‘แดง’ ที่เป็นสามานยนาม และ ‘แดง’ ที่เป็นชื่อบุคคล (=วิสามานยนาม) ในขณะที่คำว่า ‘ควาย’ มีความหมายเน้นหนักไปทางความไร้สติปัญญามากกว่า เนื่องจากมีความหมายสอดคล้องกันกับการประเมินค่าเนื้อหาของการเดี่ยวไมโครโฟนของผบ.ทบ. ตามทัศนะของผู้ติดตามการเมืองจำนวนมาก

การบิดผันความหมายที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ จึงไม่ใช่การเปลี่ยนความหมายให้กลับเป็นตรงกันข้ามกับความหมายเดิม แต่เป็นการหักลบความหมายย่อยบางส่วนออกจากความหมายของอุปลักษณ์เดิม แล้วไฮไลท์เฉพาะความโง่เขลาของคนที่มีสติปัญญาต่ำกว่าคนทั่วไป โดยละความหมาย ‘ขี้ข้านักการเมือง’ ออกไป

ดังนั้น ควายแดงความหมายใหม่จึงไม่ได้อาศัยแค่คำพ้องเสียงมาใช้เพื่อเล่นคำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการเล่นกับทัศนะเชิงลบเกี่ยวกับเนื้อหาของทอล์คโชว์ ที่ผู้ใช้แฮชแท็กนี้มองว่ามีความไม่ได้มาตรฐานในการใช้ข้อมูลและความรู้ แต่การเล่นคำพ้องเสียงระหว่าง ‘สีแดง’ และ ‘คนชื่อแดง’ เป็นการใส่ความตลกร้ายเพิ่มเข้าไป เป็นความหมายสอดอารมณ์ให้แก่ควายแดงความหมายใหม่นี้ด้วย ดังแสดงให้เห็นเป็นกระบวนการในภาพนี้

 

การเปลี่ยนแปลงทางความหมายของ ‘ควายแดง’

 

จากข้อมูลการโพสต์ มีผู้ใช้ทวิตเตอร์จำนวนหนึ่งรู้สึกแปลกใจในการเปลี่ยนแปลงทางความหมายของวลี ‘ควายแดง’ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คำอธิบายนอกเหนือจากปริมาณการใช้ ก็คือการใช้ ‘ความหมายต้นแบบ’ ซึ่งได้แก่บุคคลที่มีคนรู้จักอย่างกว้างขวาง ทำให้การเชื่อมโยงไปสู่ความหมายใหม่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน

แม้จะมีผู้ที่พยายามทัดทานความหมายใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยการพยายามอ้างความหมายดั้งเดิม แต่ก็พบน้อยมากจนถูกกลืนหายไปในคลื่นของความหมายใหม่ ยกตัวอย่างเช่น #ควายแดง ควายแดงความหมายผมคือขี้ข้าหรือนปช. ควายแดงสมุนของชินวัตร” และ “#ควายแดง ลองหาแล้วมันขึ้นแบบนี้ ควายแดงขี้ข้าทักษิณ” เป็นต้น

เราจะพบว่าการเปลี่ยนแปลงความหมายของ ‘ควายแดง’ จากความหมายที่เป็นการจัดกลุ่มคนแบบกว้าง กลายเป็นความหมายเฉพาะเจาะจงบุคคล ต้องอาศัยเงื่อนไขหลายประการ ซึ่งอาจสรุปเป็นข้อๆ ได้ดังต่อไปนี้

  • การใช้เป็นตัวกำหนดความหมาย
  • ปริมาณการใช้ส่งผลต่อการเป็นความหมายหลักและความหมายรอง
  • บริบทของสถานการณ์ส่งผลต่อความหมายอ้างอิง
  • อุปลักษณ์ (Metaphor) จะมีความชัดเจนขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับความหมายต้นแบบ (Prototype)

 

ในกรณีที่กล่าวถึงในบทความนี้ จะพบว่าเราสามารถใช้ประโยชน์จากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางความหมายของคู่คำตรงข้ามที่อาศัยการใช้คำในบริบทใหม่เป็นฐาน โดยการสลับความหมายอ้างอิงของคู่คำตรงกันข้าม ดังเช่นที่วลี ‘ควายแดง’ ถูกนำไปใช้ในความหมายอ้างอิงถึงคนที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับคนเสื้อแดง

ความพยายามในลักษณะนี้พบในการใช้คำว่า ‘สลิ่ม’ ในประโยคประเภท ‘สลิ่มมีทุกสี’ ซึ่งทำให้คำว่า ‘สลิ่ม’ เป็นคำบอกคุณสมบัติของบุคคล แทนที่จะระบุกลุ่มทางการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างเคร่งครัด แต่ก็ดูเหมือนว่าความพยายามทำเช่นนี้กับคำว่า ‘สลิ่ม’ ดูไม่ค่อยจะเกิดผลกระทบเท่ากรณีของ ‘ควายแดง’ ซึ่งมีปัจจัยเรื่องความบังเอิญของสถานการณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ข้อสังเกตสุดท้ายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางความหมายของ ‘ควายแดง’ ก็คืออิทธิพลของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งในกรณีน้ได้แก่ ‘ทวิตเตอร์’ ที่มีประสิทธิภาพอย่างสูงในการก่อให้เกิดเทรนด์ของการโพสต์ข้อความด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า #แฮชแท็ก การรีพลาย และการรีทวีต ทำให้ทวีตเตอร์กลายเป็นแพลตฟอร์มหลักของการสร้างความหมายใหม่ให้กับ ‘ควายแดง’ ในขณะที่เฟซบุ๊กและเว็บไซต์ต่างๆ มีบทบาทเป็นเพียงผู้ตามในการรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในทวิตภพเท่านั้น

น่าจับต่อมองต่อไปว่า แฮชแท็กที่แฝงนัยยะทางการเมืองบนทวิตภพ จะสามารถสร้างความหมายใหม่อะไรขึ้นมาอีกในอนาคต[/et_pb_text][/et_pb_column] [/et_pb_row] [/et_pb_section]

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

Thai Politics

20 Jan 2023

“ฉันนี่แหละรอยัลลิสต์ตัวจริง” ความหวังดีจาก ‘ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ ถึงสถาบันกษัตริย์ไทย ในยุคสมัยการเมืองไร้เพดาน

101 คุยกับ ‘ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ ถึงภูมิทัศน์การเมืองไทย การเลือกตั้งหลังผ่านปรากฏการณ์ ‘ทะลุเพดาน’ และอนาคตของสถาบันกษัตริย์ไทยในสายตา ‘รอยัลลิสต์ตัวจริง’

ภาวรรณ ธนาเลิศสมบูรณ์

20 Jan 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save