fbpx
ทราย เจริญปุระ : การอ่านไม่เห็นต้องปีนบันได

ทราย เจริญปุระ : การอ่านไม่เห็นต้องปีนบันได

ทราย เจริญปุระ เป็นนักแสดงที่ดูจะแตกต่างจากนักแสดงในวงการบันเทิงไทยคนอื่นอยู่ไม่น้อย

ก็จะมีนักแสดงสักกี่คนที่กล้าพูดคำหยาบ บอกว่าตัวเองดื่มหนัก ด่าลมฟ้าอากาศระหว่างทำกับข้าวผ่านหน้าจอกับรายการ ‘อร่อยสร้างภาพ’ ให้คนดูได้เห็น ‘ตัวตน’ แท้จริงของเธอในแบบไม่สร้างภาพ ไม่ปกปิดความคิดและความเชื่อแบบที่ดาราหลายคนกลัวว่าจะทำให้ความนิยมลดลงไป

 

แต่ในอีกแง่หนึ่ง ‘การอ่าน’ คือสิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างมากยิ่งขึ้นไปอีกเลเวล

ใช่ว่านักแสดงคนอื่นจะไม่อ่านหรือไม่เขียน มีดาราหลายคนเขียนหนังสือเยอะแยะไป แต่ชื่อของทรายเป็นชื่อแรกที่เรานึกถึงเป็นคำตอบเมื่อมีคนถามว่า-ดาราคนไหนเป็น ‘นักอ่าน’ บ้าง

ทรายเป็นคอลัมน์นิสต์เขียนแนะนำหนังสือรายสัปดาห์ เป็นพิธีกรรายการหนังสือผ่านทีวี และมีหนังสือเป็นของตัวเอง ที่ไม่ใช่แค่อัตชีวประวัติเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ เหมือนนักแสดงคนอื่นๆ

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงชักชวนเธอมาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของโปรเจกต์ ‘ความน่าจะอ่าน’ ด้วยความสนใจแบบนักอ่านที่ใช้สายตาคนทั่วไปเพื่ออ่านหนังสือ เราเชื่อว่ารายชื่อที่เธอเลือกมา อย่างน้อยต้องมีเล่มที่คุณอ่านตามและถูกใจได้ไม่ยาก

อย่างที่หลายคนกลัวไปก่อนว่าต้อง ‘ปีนบันได’ อ่าน

แต่ละเล่มที่เลือกมาครั้งนี้ คุณเลือกจากอะไร

ตอนพี่หนุ่ม (โตมร ศุขปรีชา) มาชวน ทรายบอกว่าเราไม่ได้อ่านงานที่เป็นวิชาการหรือวรรณกรรมเยอะ คือที่เป็นการเขียนงานลงในมติชนสุดสัปดาห์เราก็อ่านอยู่แล้ว และก็หวังว่าคนที่อ่านคอลัมน์เขาจะได้อะไร แต่จะมีส่วนที่เราอ่านเพื่อความบันเทิงส่วนตัวล้วนๆ อย่างหนังสือสืบสวน ฆาตกรรม ซึ่งก็บอกพี่หนุ่มไปว่าปกติอ่านแต่อย่างนี้นะ

กรรมการแต่ละคนก็จะมีวิสัยในการอ่านที่ไม่เหมือนกันเลย อย่างบางเล่มนี่เห็นแล้วต้องเป็นคุณสฤณีอ่านแน่ๆ (หัวเราะ) ถามว่ามันสนุกหรือดีมั้ย เราก็อ่านในมุมของคนที่อ่านหนังสืออยู่แล้ว ทรายเชื่อว่าคนอ่านหนังสือมันอ่านได้หมดแหละ เพียงแต่บางอันมันจูนกับเรามาก หรือบางอันก็ทำให้เรารู้ว่าเออ มันมีเรื่องอะไรอย่างนี้ด้วยว่ะ สนุกดี

เพราะทรายว่าในหนังสือที่กรรมการคนอื่นๆ เลือกมาก็น่าจะเลือกงานแบบที่เราไม่ได้เลือกกันหมดแล้ว (หัวเราะ) เราเลยขอหนังสือแปล ฟิกชั่นแล้วกัน

เพราะพี่นิวัตก็วรรณกรรมไทย พี่ยุ้ยก็เป็นแนววิชาการ แชมป์ก็แนวอัพเดตโลก พี่หนุ่มก็เป็นแนวคลาสสิก ก็ต้องชั้นนี่แหละ ชั้นจะต้องเป็นอะไรที่ป๊อปที่สุด (หัวเราะ)

แสดงว่าส่วนใหญ่แล้วจะชอบหนังสือที่ทำงานกับตัวเอง

ใช่ เราไม่ได้เลือกในแง่ที่ว่าเออ ภาษาสวย แต่เรารู้สึกว่ามันจูนกับเรา หนังสือทุกเล่มไม่ว่าเรื่องไหนก็ตามมันมีกลุ่มเป้าหมายของมัน แต่ก็ต้องพูดตรงๆ ว่าหนังสือมันก็แพง เป็นของฟุ่มเฟือยอย่างนึงเกินกว่าที่จะซื้อหว่านๆ แล้วมารู้สึกว่า แม่งไม่สนุกว่ะ บางทีก็อยากได้ไกด์ที่มากกว่าเรื่องหลังปก ช่วยเทียบกับสิ่งที่เราเคยอ่านให้หน่อย หรือถ้าเคยชอบเรื่องนี้ เล่มนี้มันประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ของเรื่องนั้น

คือตอนเด็กๆ เราอยากได้แบบนี้ แต่มันไม่มี ทุกคนจะบอกว่าเล่มนี้ภาษาสวยๆ คือกูไม่อยากรู้ว่าภาษาสวยรึเปล่าไง กูอยากรู้ว่ามันสนุกรึเปล่า หลายครั้งที่เราไปงานหนังสือจะมีคนถามตลอดว่า ‘เล่มนี้สนุกมั้ย’ ซึ่งมันบอกยากมาก แต่ถ้ามีตัวตั้งว่าเล่มนี้ 100% เล่มนี้ประมาณ 70 ของเล่มนี้ อะไรอย่างนี้ก็คงได้ ซึ่งทรายก็อยากให้คนที่ซื้อหนังสือรู้สึกอะไรอย่างนั้น หรือคนที่อ่านหนังสือคนละรสนิยมกับทรายก็จะได้รู้ว่าถ้าอีนี่ชอบเล่มนี้ กูไม่ต้องซื้อ ไปซื้อเล่มที่มันไม่ชอบได้เลย ซึ่งมันก็แฟร์ๆ เราก็ไม่ได้ชอบทุกเล่มที่มีผู้รู้แนะนำมา ถูกมั้ย

อย่าง ‘100 เล่มหนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน’ มันดีมั้ย ก็ดี แต่ถามว่าสนุกทุกเล่มเหรอ ก็ไม่ใช่ คือดีกับสนุกมันไม่เหมือนกัน

คุณว่าทุกวันนี้เวทีรางวัลวรรณกรรมยังสำคัญอยู่ไหม

มันก็มี อย่างน้อยก็มีคุณค่าที่ให้กับคนเขียนแน่นอนแหละ เราเป็นดารา ได้รางวัลมาต่อให้เป็นรางวัลอะไรเราก็ดีใจ แต่สิ่งที่ทำให้เราดีใจกว่าคือมีคนที่อ่านงานหรือดูงานของเรา อันนี้วัดจากความเป็นดาราของตัวเองนะ คือไม่ได้รางวัล แต่คนจำกูได้ เราก็รู้สึกแฮปปี้ แต่ถ้าได้รางวัลมันก็เหมือนให้ได้รู้สึก เย้! อย่างน้อยมันก็ดีต่อใจในแง่นั้น

คนอ่านเขาก็ต้องการการตั้งต้นจากอะไรสักอย่าง เพราะบางทีมันก็เคว้งคว้างเหลือเกิน จะอ่านเรื่องสั้นสักเล่ม เอาเล่มนี้ล่ะวะได้ซีไรต์ มันคงต้องมีอะไรอย่างนี้อยู่บ้าง ไม่งั้นก็เคว้ง หรือให้เราไปแนะนำว่า เฮ้ย อ่านเล่มนี้สิ ดีมากเลย ได้ซีไรต์ มันก็ง่ายขึ้นนิดนึง แต่ถามว่ามันวัดได้ว่าทุกคนต้องชอบเหรอ ก็ไม่ใช่ เหมือนหนังได้รางวัลก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะบอกว่าสนุกจังเลย หนังได้รางวัลบางเรื่องเราก็ดูด้วยความว่างเปล่าออกบ่อย แต่มันก็มีความดีในแบบของมันซึ่งเราไม่จูนไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่จูน

เหมือนกับถ้าคุณจะเริ่มต้นกับอะไรก็ลองอ่านอันนี้ดู แต่ถ้าชอบแบบปกิณกะก็เชิญมาทางเรา ลิสต์เรานี่มาแบบพรึ่บ! หลากหลายมาก

แต่บางเล่มที่เห็นนักเขียนหรือนักอ่านแนะนำ คนก็จะรู้สึกว่า โอ๊ย! ต้องปีนบันไดอ่านหรือเปล่า

มันไม่ได้ต้องปีนหรอก หนังสือกับหนังมันเหมือนกันอยู่อย่างนึงนะ คือบางเรื่องมันต้องใช้ประสบการณ์ ต้องโตประมาณหนึ่งถึงจะเข้าใจ ตอนเด็กๆ เวลาเราดูหนังที่มีคนตาย เรารู้ว่าต้องเสียใจ แต่ไม่รู้ว่าต้องเสียใจยังไง จนพ่อเราตาย เราถึงรู้ว่าความรู้สึกที่ร้องไห้ไม่ออกมันเป็นอย่างนี้ หนังบางเรื่องที่ไม่เหมาะกับเด็ก ไม่ใช่เพราะมันรุนแรง เพียงแต่ว่าคุณดูก็ไม่เก็ต แล้วคุณจะเชปตัวเองไปอีกแบบนึง ซึ่งเราไม่ได้หมายความว่ามันดีหรือไม่ดี แต่คุณก็จะตัดสินไปเลยว่าหนังเรื่องนี้สนุกหรือไม่สนุก ทั้งๆ ที่เรื่องอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์เหมือนกัน

เหมือนหนังสือ บางเล่มก็อ่านไม่สนุก บางทีมันก็เรียกร้องอายุ ประสบการณ์ ถ้าจะบอกว่าปีนบันไดไหม ไม่หรอก เพียงแต่ต้องมีชีวิตอยู่ให้นานพอ (หัวเราะ)

นักเขียนหรือคนทำหนังทุกคนมันมีเรื่องอยากเล่า ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรมาบ้าง เจอเรื่องเดียวกัน บางคนเป็นอย่างนึง อีกคนก็เป็นอีกอย่าง ส่วนตัวทราย ถ้าเจออะไรที่ไม่ชอบมากๆ เราก็จะบอกว่ามันไม่โดนเรา มันไม่จูนกับเรา เท่านั้นเอง

บางเล่มที่เรารู้สึกว่าต้องปีนบันไดอ่าน บางคนอาจจะไม่รู้สึก เขาก็ปูเสื่อนั่งอ่านเสมอกันกับคนทำนั่นแหละ

อยู่กับการอ่านมานาน คุณมองวัฒนธรรมการอ่านการวิจารณ์หนังสือของเราเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

เราว่าฟอร์มและแนวของหนังสือมันเปลี่ยนไปเยอะ แต่ก่อนก็จะมีแนวเพื่อชีวิต มายุคแสวงหาตัวตน ครอบครัว จนตอนนี้กลายเป็นว่ามีเรื่องของทุกยุคอยู่ในเวลาเดียวกันหมดเลย คละกันไปหมด คุณอาจจะอ่านเรื่องของ ‘ภู กระดาษ’ ตอนบ่าย กลางคืนไปดูคู่กรรมรีรันก็ได้ (หัวเราะ) ไม่ใช่ว่าใครอ่านอะไรอย่างนึงแล้วต้องเป็นคนแบบนั้น ต่างกับเมื่อก่อนที่อ่านกวีก็เป็นสายกวีเลยนะ เดี๋ยวนี้เราฟังเพลงเป้ อารักษ์ ก็กวีนะ อ่านของพี่ตุลย์ ไวฑูรย์เกียรติก็กวีนะ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่กวีก็จะไม่มาทำอะไรแบบนี้ สมัยนี้เส้นมันพร่าเลือนมาก

มีคนที่เด็กกว่าทรายที่ชอบเป้มากๆ คุณจะบอกว่าเขาไม่อ่านกวีเหรอ เพลงแม่งโคตรกวีเลย เราว่าไม่ใช่แล้ว มันไม่จำกัดแล้ว จะมาเย่อหยิ่งแบบเดิม กูจะพิมพ์อย่างเดียว… ก็แล้วแต่เลย มึงจะพิมพ์ไม่พิมพ์ กูไปโหลดใน iTunes ฟังเอาก็ได้ ทรายเลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยแฟร์กับเด็กๆ ที่อ่านแจ่มใส หรือฟังเพลงทดลองต่างๆ มันดีออกที่เป็นอย่างนี้ เขาสนใจที่จะฟังอะไรบ้างเพื่อยืนยันตัวตนของเขามันก็ดี โตขึ้นมันก็ลงตัวไปเอง

ถ้านักเขียนยุคเก่าไม่ให้ค่างานใหม่ๆ ที่ต่างออกไป ก็เหมือนปิดกั้นไม่ให้คนรุ่นใหม่เข้ามาหาอย่างนั้นใช่ไหม

ใช่ เขาก็มีสิทธิ์มองคุณแบบนั้นนะ แฟร์ๆ จัดจ์เขา เขาก็จัดจ์มึงได้ อ้าวเหี้ย มึงใจแคบว่ะ ซึ่งก็คงมีบ้างแหละ แต่เราก็ไม่รู้นะเพราะไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่างในลิสต์นี้เราโคตรคละเลย เก่า ใหม่ ขอให้มันชอบ งานที่ทำงานกับเรามันต้องไม่จำกัดเวลาสิ

แล้วเราก็ไม่เชื่อว่าการอ่านวรรณกรรมต้องอยู่แค่ในหน้ากระดาษด้วย แต่ถามว่าเราชอบอ่านจากกระดาษมั้ย เราชอบ แต่ไม่ได้เป็นความผิดถ้าใครจะไม่อ่านจากหน้ากระดาษ บางคนจะรู้สึกแบบ มันไม่มีคุณค่าเท่ากัน ไม่เกี่ยวว่ะ คุณจะสตัฟฟ์โลกเอาไว้ได้ยังไง ปัญหาคือคุณต้องเขียนอะไรให้เขาอยากอ่านมากกว่า อย่างทุกวันนี้ถึงไม่อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ แต่ทรายก็ยังอ่านข่าวอยู่ มันก็คือข่าวน่ะ โลกมันก็เป็นอย่างนี้

ถามว่ามันจะทำให้ล่มจมมั้ย ไม่หรอก มันแค่เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนฟอร์ม เทใส่ภาชนะใหม่ มันก็ต้องเปลี่ยนวิธีการไป จะมาโกรธว่าเด็กรุ่นลูกไม่ฟังแผ่นเสียงเลย อย่างนี้เหรอ

การอ่านทำให้คุณไม่ตกใจโลก ไม่ตัดสินคนมาตั้งแต่ช่วงไหน

มัธยม เพราะทำงานเร็วด้วย มันเลยแบบ อืม… ก็งี้แหละ แต่แรกๆ ก็ตื่นเต้น เหมือนตอน ป.3 อ่าน คำพิพากษา แล้วตกใจมาก แต่ผ่านไปมันก็เสถียรขึ้น ไม่ได้มีความสุขน้อยลง แค่เข้าใจมากขึ้นว่ามนุษย์มันเป็นอย่างนี้ คำว่าเป็นไปไม่ได้ไม่มีอยู่จริงอีกแล้วสำหรับธรรมชาติมนุษย์ มันเป็นไปได้หมด เพียงแต่ว่าเราเคยเห็นรึเปล่าเท่านั้นเอง

เราทำงานในวงการ โตมาถึงจุดนึงก็เจอคนที่ทำงานเพื่องาน ทำงานเพื่อเหยียบคนอื่น หลากหลายไปหมด ถ้ามาอ่าน คำพิพากษา ตอนนี้เราจะตัดสินคนน้อยลง

ตอนเด็กที่สรุปได้คือทุกอย่างแม่งเหี้ย ทุกคนเหี้ย บนโลกนี้เหี้ยไปหมด ยกเว้นพี่ฟักและหมาตัวนั้น แต่ตอนนี้ถ้าเรามาอ่าน เราจะรู้สึกว่าทุกคนก็มีเหตุผลของเขา

จะให้ทำไงล่ะ ถ้าเราไปอยู่ตรงนั้นเราจะทำยังไง เราจะตัดสินคนน้อยลง หมายถึงในวันนี้นะ

ตอนนี้พื้นที่สีเทามันก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ เราก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีรึเปล่านะที่ไม่แบ่งครึ่งชีวิตคนเป็นขาวดำอย่างนั้นอีกแล้ว คนมันกลมกว่านั้น โตขึ้นมาเรามีเรื่องของตัวเอง ผ่านความตาย ผ่านความรัก เราจะรู้ว่ามีอะไรมากกว่านั้น เราตัดสินคนไม่ได้จริงๆ ว่ะ เราไม่มีอำนาจขนาดนั้น

คิดยังไงกับปรากฏการณ์หนังสือรวมคำคมที่พิมพ์ขายเต็มชั้นหนังสือ

บางคนเขาก็ต้องการนะ คือตัวเราน่ะไม่รู้สึก เพราะเราคิดว่าปัญหาคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา เราต้องแก้เองให้ได้ แต่บางคนเขาอาจจะต้องการอะไรที่รู้สึกว่า ‘แบบนี้ก็ได้นี่หว่า’ มั้ง นี่เราลองคิดแทนดู คือบางคนก็ต้องการไลฟ์โค้ชน่ะ เราไม่ได้ต้องการไง ไม่ได้บอกว่าเก่ง แต่เราแค่รู้สึกว่าถ้ากูทำไม่ได้ ก็พอ จบ ตัดทิ้งไปเลย

มันก็มีความดีงามในแบบของมัน เพียงแต่คุณจะอยู่กับมันทั้งชีวิตไม่ได้ อ่านมาห้าเล่มแล้วไม่ทำตามซักอัน มันก็เปลืองเงินนะ (หัวเราะ) แต่ถ้าอ่านห้าเล่มแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย! มีอันนึงที่โดนมาก ต้องออกไปทำอะไรสักอย่างแล้ว อย่างนี้เสียเท่าไหร่ก็คุ้ม มันก็มีคุณค่าของมัน อย่างน้อยก็เพลิดเพลินน่ะ ไม่ใช่ว่าอ่านแล้วก็ เออ…

มีหนังสือประเภทนี้เล่มไหนมั้ยที่อ่านแล้วรู้สึกแบบว่า…

อยากโยนทิ้งน่ะเหรอ (หัวเราะ) ไม่มี เพราะเราไม่อ่านเลย เราชอบตัวเองมาพอแล้ว… โห มั่นใจมาก คือเรารู้ว่ามันไม่ใช่เรา เหมือนบางคนที่รู้ว่ากูไม่ต้องใส่เสื้อชีฟองหรอก กูรู้แล้วว่ามันไม่ใช่กู

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

4 Aug 2020

การสืบราชสันตติวงศ์โดยราชสกุล “มหิดล”

กษิดิศ อนันทนาธร เขียนถึงเรื่องราวการขึ้นครองราชสมบัติของกษัตริย์ราชสกุล “มหิดล” ซึ่งมีบทบาทในฐานะผู้สืบราชสันตติวงศ์ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร 2475

กษิดิศ อนันทนาธร

4 Aug 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save