คุณยังใช้หลอดพลาสติกอยู่หรือเปล่า?
หลอดพลาสติกทำให้เกิดปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งที่แก้ไม่ตก ปัญหานั้นคือขยะพลาสติก ส่งผลให้เกิดขบวนการเคลื่อนไหวทางสิ่งแวดล้อมใหญ่โต เพราะวงจรชีวิตแสนเศร้าของเจ้าหลอด ที่ใช้ประโยชน์ไม่ถึง 20 นาที แต่ต้องใช้เวลา 200 ปีในการย่อยสลาย
หรือพูดให้ถูกกว่านั้นก็คือ มันไม่ได้ ‘ย่อยสลาย’ เพียงแต่แตกตัวเปลี่ยนรูปไปตามกาลเวลาต่างหาก!
หลอดไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน นักโบราณคดีค้นพบหลักฐานการใช้หลอดของมนุษย์ย้อนไปกว่า 5,000 ปี ในดินแดนที่เรียกว่าเมโสโปเตเมีย ชาวสุเมเรียนใช้หลอดดูดเบียร์ เป็นเบียร์ที่หมักไม่ซับซ้อนและทิ้งตะกอนไว้ที่ก้นภาชนะ หลอดช่วยให้ดูดเบียร์ได้โดยไม่ต้องเจอกับตะกอนก้นภาชนะ
นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานเป็นหลอดทองคำตกแต่งด้วยอัญมณีมีค่า ค้นพบในสุสานอายุราว 3,000 ปีก่อนคริสตกาลด้วย ขณะที่ชาวอาร์เจนไตน์ก็มีการใช้หลอดที่ทำจากไม้มากนานกว่าพันปี และพัฒนามาเป็น bombilla อุปกรณ์ทำจากโลหะที่ทำหน้าที่เป็นหลอดและตัวกรองสำหรับดื่มชา
อ้าว! แล้วหลอดพลาสติกมาจากไหนล่ะนี่
เรื่องราวของหลอดที่เราใช้กันในปัจจุบันนั้นย้อนไปไม่ไกลนัก ในช่วงศตวรรษที่ 18 ผู้คนในยุโรปและอเมริกาเหนือนิยมใช้หลอดที่ทำจากก้านของธัญพืชที่มีลักษณะกลวง เช่นก้านของต้นข้าวสาลีและข้าวไรย์ แต่ว่าก้านของพืชเหล่านี้ไม่คงทนและมักจะเปื่อยยุ่ย ทำให้เครื่องดื่มเสียรสชาติ ปัญหานี้นำไปสู่การคิดค้นหลอดที่ทำจากกระดาษขึ้นในปี 1888 ซึ่งได้รับความนิยมเรื่อยมาจนกระทั่งปี 1960s เมื่อหลอดพลาสติกเข้ามาแทนที่และคงความนิยมจนถึงปัจจุบัน
มาร์วิน ซี สโตน คือเจ้าของสิทธิบัตรหลอดสมัยใหม่ เขาคงไม่คาดคิดว่าในอีกกว่าร้อยปีให้หลัง สิ่งประดิษฐ์ของเขาจะได้รับความนิยมไปทั่วโลกขนาดนี้
ทำไมหลอดถึงได้รับความนิยมมากมายนัก?
การแพร่ขยายของหลอดแบ่งเป็น 2 ระลอก ผ่าน 2 ปัจจัยหลัก ใน 2 ช่วงเวลา ช่วงแรกในปี 1900s ผู้บริโภคมีความกังวลด้านสุขอนามัยและต้องการหลีกเลี่ยงการสัมผัสภาชนะโดยตรง ด้วยเชื่อว่าหลอดสามารถป้องกันโรคได้ จึงมีการใช้หลอดกระดาษและหลอดจากก้านไรย์กันแพร่หลายในช่วงนี้
การแพร่ขยายระลอกที่ 2 เกิดขึ้นช่วงปี 1950s-60s ตามไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อคนใช้รถยนต์กันมากขึ้น ร้านอาหารจึงเปลี่ยนมาใช้ภาชนะแบบใช้แล้วทิ้ง รวมถึงเพิ่มหลอดเข้าในชุดอาหารแบบ to go เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถนำอาหารกลับได้นั่นเอง
เช่นเดียวกับพลาสติกชนิดอื่น หลอดพลาสติกเป็นผลผลิตจากอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและได้รับความนิยมอย่างก้าวกระโดด การผลิตในระดับอุตสาหกรรมทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง และสามารถผลิตในปริมาณมากๆ ได้ ความคงทนในราคาที่น่าคบหานี้เอง ทำให้หลอดพลาสติกแพร่หลายอย่างรวดเร็ว และขยายตัวจากอเมริกาสู่ภูมิภาคอื่นๆ จนทุกวันนี้เราสามารถพบเห็นการใช้หลอดพลาสติกควบคู่กับเครื่องดื่มนานาชนิดตั้งแต่น้ำเปล่า กาแฟ น้ำผลไม้ ค็อกเทล ในหลากหลายสีสันและรูปแบบ
ภาพรวมของขยะพลาสติกเป็นยังไง?
ในภาพรวม ประมาณ 22-43% ของขยะพลาสติกทั่วโลกจบลงที่การฝังกลบ ส่วนที่ไม่ได้ฝังกลบและลอยล่องเป็นแพขยะในมหาสมุทรอาจมีน้ำหนักเทียบเท่าช้าง 30,000 ตัว นอกจากนี้ ประมาณการว่ามีขยะพลาสติกถูกทิ้งสู่ทะเลมากมากถึง 8 ล้านตันต่อปี (เท่ากับเครื่องบินโบอิ้ง 747 22,000 ลำ) แน่นอนว่าหลอดติด Top 10 ของขยะพลาสติกที่พบบ่อยที่สุดบนชายฝั่ง
การศึกษาในปี 2015 ประเมินว่าสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียวใช้หลอดพลาสติกถึง 500 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่โอบล้อมโลกได้ถึง 2.5 รอบต่อวันเลยทีเดียว ลองคิดดูว่าร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดยอดนิยมอย่าง MaDonald’s เพียงเจ้าเดียวจะสามารถสร้างขยะหลอดกี่ชิ้นผ่านสาขาที่มีอยู่กว่า 36,000 แห่ง ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
รายงานสรุปข้อมูลขยะชายหาดปี 2016 จาก 112 ประเทศทั่วโลก ของ The Ocean Conservancy พบว่าหลอดพลาสติกเป็นขยะที่พบได้บ่อยเป็นอันดับ 7 ด้วยปริมาณที่พบทั้งหมดสามารถเรียงต่อกันได้ 541 เมตร เทียบเท่าอาคาร One World Trade Center ที่น่าสนใจสำหรับข้อมูลของประเทศไทยของรายงานฉบับนี้พบว่าหลอดพลาสติกนับเป็นขยะที่ถูกพบมากที่สุดเป็นอันดับสอง เป็นรองเพียงแค่ขวดพลาสติกเท่านั้น
เมื่อผู้บริโภครักความสะดวกสบาย ความต้องการบรรจุภัณฑ์และภาชนะแบบใช้แล้วทิ้งจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลอดพลาสติกมักเสิร์ฟมากับเครื่องดื่มตามร้านอาหาร ร้านกาแฟ “โดยที่เราไม่ต้องเอ่ยปากขอ” และเราก็เคยชินกับการบริโภคด้วยหลอด แน่นอนว่าเราใช้หลอดเกินความจำเป็นจนเป็นนิสัย อย่าลืมว่าตอนที่หลอดเริ่มได้รับความนิยมในปี 1960s ประชากรโลกมีเพียงครึ่งของปัจจุบันเท่านั้น อีกปัญหาหนึ่งคือเราไม่สามารถจัดการ end of life ของหลอดได้ดีพอ แม้ว่าหลอดพลาสติกแท้จริงแล้วอาจสามารถนำมาใช้ซ้ำได้อีก แต่ด้วยราคาที่ถูกและความกังวลเกี่ยวกับสุขอนามัย ทำให้หลอดทั้งหมดถูกทิ้งเป็นขยะหลังการใช้งานเพียงครั้งเดียว และด้วยขนาดที่เล็กยากต่อการจัดเก็บทำให้ไม่มีการนำมารีไซเคิลได้เลย
ทางออกของคนติดหลอด
เราคงคุ้นเคยกับภาพผลผลกระทบจากขยะหลอดพลาสติก ไม่ว่าจะเป็นภาพขยะจากหลอดพลาสติกเกลื่อนชายหาดที่ทำลายความสวยงามของทัศนียภาพ หรือภาพสัตว์ทะเลที่บาดเจ็บจากหลอดโดยไม่ตั้งใจ ปัญหาที่เกิดจากหลอดพลาสติกมาจาก 3 สาเหตุประกอบกัน ตัววัสดุพลาสติกเอง พฤติกรรมการใช้ของคน และการจัดการปลายทาง
พลาสติกนอกจากจะใช้เวลาถึง 200 ปี ในการย่อยสลายตามธรรมชาติแล้ว ยังแตกตัวออกเป็นชิ้นเล็กๆ และเดินทางเข้าสู่ระบบอาหารของมนุษย์
พฤติกรรมการใช้ที่มากเกินจำเป็น ความต้องการจำนวนมาก ทำให้พึ่งพาอุตสาหกรรมปิโตรเลียมมากขึ้น (ประมาณการว่า 4% ของผลผลิตของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมนำไปผลิตพลาสติก และอีก 4% นำไปใช้เป็นพลังงานในการผลิตพลาสติก) นอกจากนี้ยิ่งใช้มากขึ้นเท่าไร โอกาสสร้างผลกระทบก็มากขึ้นเท่านั้น
การจัดการปลายทางที่ไร้ประสิทธิภาพ ทำให้ขยะถูกปล่อยลงสู่ทะเล สร้างอันตรายต่อสัตว์น้ำ ขยะตามชายฝั่งทำลายทัศนียภาพและส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ข่าวร้ายคือขยะพลาสติก โดยเฉพาะในมหาสมุทรเป็นวิกฤตการณ์ที่รุนแรงมาก มีความพยายามในระดับสากลและภูมิภาคที่จะแก้ปัญหานี้ ด้านหนึ่งคือการกำจัดแพขยะขนาดมหึมาในมหาสมุทร อีกด้านคือทำอย่างไรไม่ให้ขยะพลาสติกรวมถึงหลอดพลาสติกเพิ่มปริมาณไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ภาครัฐควรต้องออกมาตรการที่สอดรับกับเป้าหมายและยกระดับการจัดการขยะให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเหล่านี้เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นไปอย่างช้าๆ
ข่าวดีคือเริ่มมีขบวนการรณรงค์สิ่งแวดล้อมที่ตั้งเป้าให้มีมาตรการทางกฎหมายจัดการกับหลอดพลาสติกอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ในอังกฤษมีการจัดตั้งกลุ่ม Straw Wars หรือเครือข่ายร้านจำหน่ายเครื่องดื่มและอาหารที่ไม่ใช้หลอดในการบริการเพื่อรณรงค์ให้คนทั่วไปมีทางเลือกในการบริโภคที่ไม่สร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อม
เราในฐานะผู้บริโภคสามารถ take action ได้ด้วยตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นหรืออย่างน้อยเพื่อให้มั่นใจว่าหลอดที่ฝังอยู่ในจมูกเต่าหรืออยู่ในท้องของปลาไม่ได้มาจากหลอดที่เราใช้ ทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
-
Rethink การกระทำเล็กๆสร้างการเปลี่ยนแปลงได้
ทันคติเป็นสิ่งสำคัญ งานวิจัยด้านพฤติกรรมพบว่าหลายครั้งที่คนปฏิเสธที่จะเปลี่ยนพฤติกรรม เพียงเพราะไม่คิดว่าคนเพียงหนึ่งคนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ หากทุกคนคิดเช่นนี้ แน่นอนว่าปัญหาทุกอย่างจะไม่ได้รับการแก้ไข
-
Reduce raw material use โดยปฏิเสธการใช้ที่ไม่จำเป็น
เครื่องดื่มที่เราสั่งมักถูกเสิร์ฟมาพร้อมหลอดพลาสติก และหลายครั้งที่เราไม่จำเป็นต้องใช้หลอด สิ่งที่ง่ายที่สุดคือ “ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้หลอด ก็ไม่ต้องใช้” การลดการใช้ (reduce) เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการสร้างขยะจากหลอดที่ใช้แล้วทิ้ง เราอาจะเริ่มด้วยการปฏิเสธการขอรับหลอดจากร้านอาหารหรือร้านกาแฟ
-
Redesign for re-use or recycling
ใช้ “หลอดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้” แทนหลอดพลาสติกประเภทใช้แล้วทิ้ง ซึ่งในปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย เช่น
- หลอดแก้ว ทำมาจากแก้วแข็งที่เรียกว่าโบโรซิลิเคต มีความคงทนและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
- หลอดไม้ไผ่ ไม้ไผ่เป็นพืชที่โตเร็ว สามารถปลูกทดแทนได้ง่าย และเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ ล้างและตากให้แห้งหลังการใช้งาน หากดูแลรักษาดีๆ สามารถใช้งานได้หลายปี
- หลอดโลหะ ที่พบเห็นได้บ่อยทำจากสแตนเลสคุณภาพดี มีความแข็งแรงและทนทานมาก
- หลอดกระดาษ หลอดชนิดนี้ใช้ได้ครั้งเดียวจึงไม่ดีเท่าหลอดประเภทที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ อย่างไรก็ดี แม้ยังสร้างขยะอยู่แต่สร้างผลกระทบน้อยกว่าหลอดพลาสติกแน่นอน
- หลอดจากก้านไรน์ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ หากอยากลิ้มลองรสชาติของช่วงร้อยกว่าปีก่อน “Straw Straw” เป็นทางเลือกใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา หลอดทำมาจากต้นไรน์ที่ปลูกแบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี หลอดชนิดนี้ย่อยสลายได้ 100%
- หลอดเส้นพาสต้า ลองมองหาเส้นพาสต้าทีมีรู เช่น bucatini หรือ perciatelli นำมาทำเป็นหลอด หลอดชนิดนี้ไม่สร้างขยะ เพราะสามารถนำไปประกอบอาหารต่อได้
การเดินทางของหลอดสอนให้เรารู้ว่า นวัตกรรมในยุคหนึ่งอาจกลายเป็น “ขยะ” ในยุคต่อมาก็ได้ จากสิ่งที่เคยสร้างความสะดวกสบายกลายเป็นสิ่งเตือนใจให้มนุษย์รับรู้ถึง “ความไม่จำเป็น”ต่างๆ ในชีวิต และหลอดก็ได้เดินทางกลับไปสู่ กระดาษ ก้านไรย์ และโลหะ ดังที่เคยเป็นในอดีต
เอกสารประกอบ
บทความเรื่อง The History of Drinking Straws จาก Eating Utensils
บทความเรื่อง PLASTIC STRAWS: A LIFE CYCLE โดย GAELLE GOURMELON จาก World Watch ตีพิมพ์เมื่อ
รายงานเรื่อง Together For Our Ocean จาก The Ocean Conservancy (2017)
Marine plastic debris and microplastics – Global lessons and research to inspire action and guide policy change (UNDP, 2016)
Plastic debris in the ocean – The characterization of marine plastics and their environmental impacts, situation analysis report (IUCN, 2014)