fbpx

เมื่อกระแส The Spare ของเจ้าชายแฮร์รีส่งแรงกระเพื่อมให้กษัตริย์ชาร์ลทรงขยับสำนักงานทรัพย์สินฯ

เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา นับตั้งแต่หนังสือ The Spare บันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีที่อื้อฉาวไปทั่วโลก ออกวางจำหน่ายขายดีเกินความคาดหมาย โดยฝีมือการตลาดของสำนักพิมพ์ใช้เทคนิคการปล่อยคลิป ปล่อยข่าวสีสันบางชิ้นบางตอนเกี่ยวกับบันทึกความทรงจำออกมา ทำให้สื่อประเภทแทบลอยด์กระโดดงับนำไปขยายต่อ 

เมื่อสื่อจับจ้องรายงานข่าวไม่กระพริบก็ทำให้หนังสือขายดิบขายดีเกินคาด ส่งผลทำให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อภาพลักษณ์ของราชวงศ์และคณะผู้บริหารอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะทีมงานสื่อสารองค์กรในราชสำนักวังบักกิงแฮม แต่เป้าหมายหลักในการวิพากษ์ของหนังสือเล่มนี้พุ่งไปที่บรรดาสื่อมวลชน โดยเฉพาะสื่ออังกฤษที่เจ้าชายแฮร์รีโทษว่าเป็นต้นเหตุให้พระมารดา คือ เจ้าหญิงไดอานาสิ้นพระชนม์ และทำให้พระชายาเมแกน มาร์เคิล ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดของราชวงศ์

หนังสือ The Spare ความยาว 472 หน้าบรรยายความรู้สึกลึกๆ ของเจ้าชายน้อยตั้งแต่วัยเด็ก ลำดับเหตุการณ์ทุกช่วงจังหวะเวลาสำคัญที่เคยเป็นข่าวคึกโครมในช่วงเจริญพรรษาหลายช่วง ตลอดจนถึงการเลือกคู่ครองและการตั้งครอบครัว ทั้งที่เคยเป็นข่าวอื้อฉาวรับรู้กันทั่วแล้ว และรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่เคยเป็นข่าว โดยเจ้าชายแฮร์รีทรงถือโอกาสนี้ เปิดเผยบริบทของเหตุการณ์หลายอย่างที่เป็นข่าวทั้งทางด้านบวกและด้านลบของชีวิตในพระราชวัง รวมถึงเรื่องส่วนพระองค์บางเรื่องที่ไม่เคยเปิดเผยเป็นข่าวมาก่อน ซึ่งในส่วนนี้มีการระบายลงเป็นช่วงๆ ในแต่ละบท เพื่อดึงคนอ่านที่อยากรู้อยากเห็นให้ติดตามอ่านให้จบ

แน่นอนว่านัยยะของการตั้งชื่อบันทึกความทรงจำเล่มนี้ว่า The Spare สื่อความหมายในเชิงน้อยเนื้อต่ำใจในการถูกปฏิบัติที่เปรียบเหมือนตัวสำรองหรือยางอะไหล่ของพระเชษฐา, เจ้าชายวิลเลียมส์ หรือเจ้าชายแห่งเวลล์ในสถานะมกุฎราชกุมาร ย่อมกระตุ้นให้ผู้อ่านอยากแกะรอยความสัมพันธ์ของเจ้าชายทั้งสองตั้งแต่ต้นจนจบ 

(FILES) In this file photo taken on July 01, 2021 shows Britain’s Prince Harry, Duke of Sussex (L) and Britain’s Prince William, Duke of Cambridge at the unveiling of a statue of their mother, Princess Diana at The Sunken Garden in Kensington Palace, London. – Britain’s Prince Harry recounts in his new book how he was physically “attacked” by his older brother Prince William during an argument in 2019, the Guardian reported on January 4, 2023. (Photo by Dominic Lipinski / POOL / AFP)

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ผู้อ่านได้รับรู้เพิ่มเติมจากบันทึกความทรงจำเล่มนี้ คือข้อเท็จจริงบางประการที่หักล้างข่าวเล่าข่าวลือในหมู่สื่อแทบลอยด์ที่สร้างภาพไม่ดีเกี่ยวกับชีวิตส่วนพระองค์ของเจ้าหญิงไดอานา ในเรื่องความสัมพันธ์กับพันตรีเจมส์ ฮิววิตต์ (James Hewitt) ซึ่งสื่อมวลชนบางแห่งเคยพยายามโยงว่าเป็นบิดาที่แท้จริงของเจ้าชายแฮร์รี และยังมีข่าวลืออื่นๆ ที่สื่อแทบลอยด์ชอบนำมาปล่อยเพื่อเพิ่มยอดขายเกี่ยวกับข่าวอุบัติเหตุที่ทำให้เจ้าหญิงไดอานาสิ้นพระชนม์

โดยภาพรวมแล้วผู้อ่านจะได้ภาพว่าเจ้าชายแฮร์รีพยายามสะท้อนภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นจริงในสายพระเนตรของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา เพราะทุกครอบครัวต่างก็มีปัญหาต่างกันไป แท้จริงแล้วแต่ละคนก็มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ทว่าครอบครัวของพระองค์เป็นครอบครัวพิเศษ มีเงื่อนไข ขนบ แบบแผน และวินัยบางอย่างตามวิถีประวัติศาสตร์ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ซึ่งบันทึกความทรงจำเล่มนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่า ความรู้สึก สำนึก และทัศนะในการมองโลกของพระองค์ได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัยใหม่ที่พระองค์ทรงเจริญพรรษาขึ้นมา และแน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้คงส่งแรงกระเพื่อมให้สถาบันต้องพิจารณาปรับยุทธศาสตร์ให้รับกับกาลเวลาด้วย

A bookseller unpacks copies of “Spare” by Britain’s Prince Harry, Duke of Sussex, at Waterstones’ flagship Piccadilly bookshop on the day of its release in London, on January 10, 2023. – After months of anticipation and a sustained publicity blitz, Prince Harry’s autobiography “Spare” finally went on sale in his native UK, threatening more embarrassment for the royal family. (Photo by JUSTIN TALLIS / AFP)

หลังจากบันทึกความทรงจำ The Spare ออกวางจำหน่ายมาหลายสัปดาห์ สื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างวิพากษ์วิจารณ์กันแพร่หลาย แต่ยังไม่มีเสียงตอบโต้ใดๆ มาจากสำนักพระราชวังอย่างเป็นทางการ แม้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีข่าวการเสด็จออกปฏิบัติพระราชกรณียกิจของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่สามกับราชินีคามิลลา และเจ้าชายกับเจ้าหญิงแห่งเวลล์ ตามชุมชนต่างๆ เป็นปกติตามปฏิทินที่กำหนดมาล่วงหน้า

แม้สถาบันอันเก่าแก่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างราชวงศ์อังกฤษจะมีการขยับปรับเปลี่ยนตามลำดับเมื่อโดนแรงกระแทก แต่บางครั้งดูเหมือนจะไม่ทันกาล เพราะปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งคือทัศนะของเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักที่รายล้อมถวายงานพระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองมาจนถึงกษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม พวกเขายังคงหมกมุ่นติดกับดักขนบประเพณีและวินัยที่ประชาชนคนรุ่นใหม่ๆ ไม่ให้ราคาเหมือนแบบคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของพวกเขา และไม่น่าประหลาดใจเลยว่า ปรากฎการณ์เช่นนี้มิใช่เกิดขึ้นในอังกฤษเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในหมายกำหนดการพระราชพิธีเสด็จขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่สามที่จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 6-8 พฤษภาคมนี้ ทรงมีพระดำริที่จะลดทอนพิธีรีตองต่างๆ ที่เทอะทะล้าหลังหลายอย่างลงไป นับตั้งแต่เครื่องฉลองพระองค์ไปจนถึงงานเลี้ยงหรูหราต่างๆ ส่วนการจัดงานฉลองตามชุมชนต่างๆ ให้ปรับเปลี่ยนไปเป็นงานอาสาสมัครดูแลเลี้ยงดูกลุ่มคนที่ลำบากจากภาวะวิกฤติค่าครองชีพ กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สามทรงดำริให้งานฉลองเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นโอกาสที่จะสร้างความรู้สึกโอบอ้อมอารีต่อกัน ช่วยกันดูแลผู้คนชายขอบที่กำลังเดือดร้อนจากภาวะข้าวยากหมากแพง ดังนั้นราชพิธีเสด็จขึ้นครองราชย์คราวนี้จะแตกต่างไปจากงานของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองเมื่อปี 1953 อย่างแน่นอน 

การปรับภาพลักษณ์ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากหนังสือ The Spare ออกวางตลาดได้ 2 สัปดาห์ มีแถลงข่าวจากสำนักพระราชวังว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สามทรงมีบัญชาไปยังสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (The Crown Estate) ให้จัดสรรยอดกำไรที่ได้มาจากการให้บริษัทพลังงานลมนอกชายฝั่ง (offshore wind farms) เช่าเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าจำนวน 6 แปลง มีรายได้ประมาณปีละพันล้านปอนด์ โดยทรงมีดำริให้นำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายในโครงการพัฒนาชุมชนหลายแห่ง โดยไม่ต้องนำเข้าไปรวมในงบดุลของสำนักงานทรัพย์สินฯ ซึ่งเท่ากับเป็นการลดจำนวนเงินอุดหนุนประจำปีที่ราชวงศ์จะได้รับจัดสรรให้น้อยลงปีละประมาณพันล้านปอนด์ ในการนี้เซอร์ ไมเคิล สตีเวนส์ (Sir Michael Stevens) ผู้บริหารของสำนักงานทรัพย์สินฯ ได้ทำหนังสือแสดงพระประสงค์ไปยังกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาแล้ว 

พื้นที่ offshore wind farms ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สิน 3 แปลงอยู่ที่นอกชายฝั่งตอนเหนือของเวลส์ (North Wales), คัมเบรีย (Cumbria), และแลงคาเชอร์ (Lancashire) ส่วนอีก 3 แปลงตั้งอยู่ที่ทะเลเหนือนอกชายฝั่งยอร์กเชอร์ (Yorkshire) และ ลิงคอร์นเชอร์ (Lincolnshire) โครงการผลิตไฟฟ้าพลังลมนี้จะสามารถป้อนไฟฟ้าให้แก่ครัวเรือนใกล้เคียงได้กว่าเจ็ดล้านครัวเรือน แต่โดยรวมแล้วสำนักงานทรัพย์สินฯ มีที่ดินนอกชายฝั่งให้ offshore wind farms เช่าถึง 36 แปลงทั่วประเทศ

Britain’s King Charles III (Photo by Jack Hill / POOL / AFP)

หลังจากออกพระราชบัญญัติ The Sovereign Act 2011 รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ยกเลิกระบบการจัดสรรเงินปีที่มาจากเงินภาษีประชาชนให้กับสมาชิกราชวงศ์มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยเปลี่ยนวิธีให้หักผลกำไร 25% จากผลประกอบการของสำนักงานทรัพย์สินฯ ที่เรียกว่า Sovereign Grant แทน ซึ่งหมายความว่างบค่าใช้จ่ายของราชวงศ์จะได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของสำนักงานทรัพย์สินฯ ไม่ได้มาจากภาษีประชาชนโดยตรง ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว สำนักงานทรัพย์สินจัดงบได้ทั้งหมด 86.3 ล้านปอนด์

วิธีการนี้เท่ากับว่าเงินงบประมาณที่ราชวงศ์ได้รับในแต่ละปีนั้น เป็นการแบ่งกำไร 25% จากผลประกอบการของสำนักงานทรัพย์สิน ดังนั้นหากว่านำเงินรายได้จาก offshore wind farms ดังกล่าวมารวมในรายได้ของสำนักงานทรัพย์สินฯ ในปีนี้และปีถัดๆ ไปเท่ากับว่าส่วนแบ่งกำไรที่รัฐบาลต้องส่งให้ราชวงศ์จะเพิ่มมากขึ้น 

สำนักทรัพย์สินฯ ก่อตั้งมาเมื่อปี 1760 โดยกษัตริย์จอร์จที่สาม เป็นหน่วยงานอิสระที่ดำเนินการในเชิงพาณิชย์ดูแลรวบรวมรายได้จากทรัพย์สินต่างๆ ที่ตกทอดมาเป็นของพระมหากษัตริย์ในขณะที่ครองราชย์ อย่างไรก็ตาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินการตลอดมา จนถึงการตราพระราชบัญญัติ The Crown Estate Act 1956 ซึ่งปรับให้สำนักทรัพย์สินฯ มีสถานะเป็นนิติบุคคลในรูปบรรษัท (Corporation) เป็นเจ้าของทรัพย์สินต่างๆ ที่เป็นมรดกมาจากกษัตริย์อังกฤษมาแต่โบราณกาล แต่ทรัพย์สินเหล่านั้นไม่ใช่สมบัติส่วนพระองค์หรือส่วนบุคคล ให้ถือว่าเป็นของแผ่นดิน และมีการปรับปรุงพระราชบัญญัติเพิ่มเติมปี 1961 คือ The Crown Estate Act 1961 ระบุว่ารายได้ต้องส่งให้กระทรวงการคลัง 

ดังนั้น พระมหากษัตริย์ไม่มีอำนาจโดยตรงในการบริหารจัดการทรัพย์สินเหล่านี้ เพราะมีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งทำหน้าที่บริหารดูแล (Crown Estate Commissioners) ให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยรายได้และผลประกอบการทั้งหมดจะต้องนำส่งกระทรวงคลัง แล้วรัฐบาลจะหักผลกำไร 25% คืนมาให้เป็นเงินอุดหนุนราชวงศ์ประจำปี ตามเงื่อนไขใน พ.ร.บ. Sovereign Grant 

อย่างไรก็ดี สมาชิกราชวงศ์ โดยเฉพาะพระมหากษัตริย์ยังคงมีรายได้ส่วนพระองค์มาจากทรัพย์สินอื่นๆ อันเป็นมรดกของครอบครัว เช่น Duchy of Cornwall และ Duchy of Lancaster ซึ่งเป็นที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ในแคว้นคอร์นวอลล์ และยอร์กเชียร์ ซึ่งทั้งสองแห่งนำรายได้เข้าราชวงศ์ไม่ต่ำกว่าปีละ 40 ล้านปอนด์ แต่รายได้ดังกล่าวต้องเสียภาษีตามพระประสงค์ของพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง

MOST READ

World

1 Oct 2018

แหวกม่านวัฒนธรรม ส่องสถานภาพสตรีในสังคมอินเดีย

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก สำรวจที่มาที่ไปของ ‘สังคมชายเป็นใหญ่’ ในอินเดีย ที่ได้รับอิทธิพลสำคัญมาจากมหากาพย์อันเลื่องชื่อ พร้อมฉายภาพปัจจุบันที่ภาวะดังกล่าวเริ่มสั่นคลอน โดยมีหมุดหมายสำคัญจากการที่ อินทิรา คานธี ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก

1 Oct 2018

World

16 Oct 2023

ฉากทัศน์ต่อไปของอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ความขัดแย้งที่สั่นสะเทือนระเบียบโลกใหม่: ศราวุฒิ อารีย์

7 ตุลาคม กลุ่มฮามาสเปิดฉากขีปนาวุธกว่า 5,000 ลูกใส่อิสราเอล จุดชนวนความขัดแย้งซึ่งเดิมทีก็ไม่เคยดับหายไปอยู่แล้วให้ปะทุกว่าที่เคย จนอาจนับได้ว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ

จนถึงนาทีนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังดำเนินต่อไปโดยปราศจากทีท่าของความสงบหรือยุติลง 101 สนทนากับ ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงเงื่อนไขและตัวแปรของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น, ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและรัฐอาหรับ, อนาคตของปาเลสไตน์ ตลอดจนระเบียบโลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นมาหลังยุคสงครามเย็น

พิมพ์ชนก พุกสุข

16 Oct 2023

World

9 Sep 2022

46 ปีแห่งการจากไปของเหมาเจ๋อตง: ทำไมเหมาเจ๋อตง(โหด)ร้ายแค่ไหน คนจีนก็ยังรัก

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์ เขียนถึงการสร้าง ‘เหมาเจ๋อตง’ ให้เป็นวีรบุรุษของจีนมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังการทำร้ายผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

9 Sep 2022

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save