บทความชวนดูงานศิลปะและนวัตกรรมจากโลกที่หนึ่ง ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้สังคมและชีวิตคน ผ่านสายตานักออกแบบมัลติมีเดียจากโลกที่สามในนามกลุ่ม Eyedropper Fill
Eyedropper Fill เรื่อง
มิถุนายน เป็นเดือนที่ LGBTQ+ หรือกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ถือกันว่าเป็น ‘Pride Month’ หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจ ในเดือนนี้เราจะเห็นข่าวประเทศต่างๆ จัดงานเฉลิมฉลองแด่ความงามของรักหลากวิถี และจัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียม ต่อต้านการกดขี่และเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล คนข้ามเพศ และอื่นๆ เป็นประจำทุกปี โดยปีนี้ดูเหมือนจะคึกคักและถูกพูดถึงมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นปีที่ไต้หวันได้ผ่านกฎหมายให้คนเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้เป็นประเทศแรกในเอเชีย นับเป็นอีกเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับการขับเคลื่อนเรื่องเพศหลากหลาย
ขณะที่กิจกรรมอย่างพาเหรด จัดเสวนา จัดฉายภาพยนตร์ งานศิลปะ ฯลฯ เกี่ยวกับ LGBTQ+ กำลังดำเนินไปบนพื้นที่สาธารณะหรือ ‘on-ground’ อย่างคึกคัก Third Eye View ฉบับนี้ ก็ขอพาไปดูกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ตหรือ ‘online’ ว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อความล้ำของเทคโนโลยีมัลติมีเดียอย่าง Augmented Reality หรือ AR เข้ามาเป็นส่วนประกอบสำคัญในกิจกรรมรำลึกการต่อสู้ของ LGBTQ+ และเฉลิมฉลองให้ความงดงามของความหลากหลายทางเพศ จุดหมายแรก เราขอพาคุณวาร์ปไปยังสถานที่อันเป็นหมุดหมายสำคัญของเหล่า LGBTQ+ ทั่วโลก – นิวยอร์คซิตี้
สหรัฐอเมริกาช่วงปี 1960 – ขวบปีที่ทั่วโลกยังไม่โอบกอดความหลากหลายทางเพศอย่างทุกวันนี้ ‘บาร์เกย์’ เป็นสถานที่สาธารณะเพียงไม่กี่แห่งที่เหล่าเกย์ (รวมถึงเลสเบี้ยนหรือคนข้ามเพศ) จะสามารถแสดงตัวตน และพบปะสร้างมิตรภาพกับกลุ่มคนที่เหมือนตัวเอง
‘Stonewall Inn’ คืออีกบาร์ที่กลายเป็นเหมือน ‘คอมมูนิตี้’ ยามค่ำคืนของเกย์ในนิวยอร์ค แต่ด้วยสถานะของบาร์เกย์ที่ผิดกฎหมาย ณ เวลานั้น ทำให้บาร์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับ สั่งปิดกันแบบไม่เว้นแต่ละคืน นอกจากนี้เราคงจินตนาการกันไม่ยากว่าชาวบ้านชาวช่องและสังคมรอบข้างในเวลานั้น จะปฏิบัติและ ‘มอง’ คอมมูนิตี้แห่งนี้ด้วยสายตาแบบใด
คืนวันที่ 28 มิถุนายน 1969 จึงเป็นเหมือนจุดระเบิดจากแรงกดทับที่สะสมมานาน เมื่อกลุ่มเกย์ในบาร์ Stonewall Inn ที่เกินทนกับการกดขี่และเลือกปฏิบัติจากสังคม ได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาล้อมปราบเช่นทุกคืน แต่คืนนี้เหตุการณ์ลุกลามกลายเป็นจลาจลจนมีผู้บาดเจ็บและถูกจับไปหลายราย แต่ความสูญเสียในเหตุการณ์ ‘Stonewall Riots’ นี้ ก็แลกมาด้วยความตื่นตัวของสังคม ชาว LGBTQ+ ในนิวยอร์คหลายกลุ่มรวมตัวกันรำลึกถึงเหตุการณ์นี้เป็นประจำทุกปี และหลายกลุ่มก็เริ่มลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียมของตัวเองหลังจากนั้นเป็นต้นมา อาจบอกได้ว่าเหตุการณ์ในคืนนั้น เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดอิสรภาพและความเท่าเทียมของกลุ่มคนเพศหลากหลายในวันนี้
‘Stonewall Monument’ สร้างสรรค์โดย Google ร่วมกับ LGBT Community Center เพื่อรำลึกการครบรอบ 50 ปีของเหตุการณ์ Stonewall Riots
‘living monument’ หรือ ‘อนุสาวรีย์ที่มีชีวิต’ คือคำจำกัดความของอนุสาวรีย์ในรูปแบบ Augmented Reality ที่เข้าเยี่ยมชมได้ด้วยการดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นที่ชื่อ Stonewall Forever
ทันทีที่เปิดขึ้นมา แอพลิเคชั่นจะพาเราเสมือนไปยืนอยู่กลาง Christopher Park ในนิวยอร์ค สวนสาธารณะอันเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ Stonewall Riots เทคโนโลยี AR ทำให้เราสามารถหันมองไปรอบสวนสาธารณะ พร้อมทั้งรายล้อมด้วยผลึกสามมิติที่ก่อร่างกันเป็นอนุสาวรีย์สูงใหญ่เมื่อแหงนมองข้างบน
ที่เรียกว่าอนุสาวรีย์ที่มีชีวิตก็เพราะว่า เมื่อเราลองแตะไปที่ผลึกสายรุ้งสีสันต่างๆ ที่อยู่รอบตัว แอพลิเคชั่นจะปรากฏเรื่องราว ทั้งในรูปแบบของภาพถ่ายบันทึกเหตุการณ์ Stonewall Riots รวมถึงภาพการต่อสู้เพื่อสิทธิของ LGBTQ+ ในอดีต วิดีโอสัมภาษณ์เกย์หรือเลสเบี้ยนรุ่นเยาว์ไปจนถึงรุ่นปู่ย่าที่ผลัดกันมาเล่าเรื่องราวให้เราฟัง ภาพยนตร์สารคดี รวมถึงภาพวาดและสิ่งพิมพ์ในยุคก่อนเหตุการณ์ Stonewall Riots เพื่อสะท้อนให้เห็นสถานะของกลุ่มคนเพศหลากหลายในยุคสมัยนั้น ที่ทั้งโหดร้ายและต่างกับทุกวันนี้อย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนี้เรายังสามารถฝากรูปภาพและเรื่องราวชีวิตของเราเอง บันทึกลงไปในอนุสาวรีย์ที่มีชีวิตแห่งนี้ และยังสามารถเยี่ยมชม Stonewall Monument ได้ทางเว็บไซต์ https://stonewallforever.org
จากโลกเสรีอย่างนิวยอร์ค สู่อีกโลกที่ไม่ไกลกันนัก แต่เสรีภาพและการยอมรับเพศที่หลากหลายมีจำกัดกว่า อย่าง โบโกต้า, โคลอมเบีย
เด็กชาย Sergio Urrego ชอบพอกับเพื่อนชายด้วยกัน เมื่อโรงเรียนรู้จึงถูกตัดสินว่าเขามีความผิดปกติทางจิต และต้องเข้ารับการบำบัด ปัญหามากมายจึงตามมา ทำให้เด็กชายตัดสินใจจบชีวิตลงเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น มูลนิธิ Sergio Urrego จึงเกิดขึ้นด้วยหัวใจอันแข็งแกร่งของ Alba Reyes ผู้เป็นแม่ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดสังคมที่เปิดกว้างและไม่ตัดสินกลุ่มคนหลากหลายทางเพศในโรงเรียน
Reyes บอกว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับคนกลุ่มนี้ คือความรู้สึกได้รับการยอมรับและได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม แต่ท่ามกลางสังคมที่ยังค่อนข้าง ‘ปิด’ ในโคลอมเบีย ประสบการณ์แบบไหนกัน ที่เราจะสร้างให้เด็กเหล่านี้ได้
คุณแม่ Reyes สนใจโมเมนต์ของการ ‘เปิดตัว’ หรือ ‘coming out’ ในพาเหรด LGBTQ Pride ที่ซึ่งเหล่าคนหลากหลายเพศจะได้เดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่ยอมรับ ให้กำลังใจ และแสดงความยินดีกับพวกเขา แต่ในเมืองที่ห่างไกลและไม่มีขบวนพาเหรดอย่างโบโกต้า เราจะสามารถทดแทนความรู้สึกนี้ให้เด็กๆ ได้ยังไงบ้าง อย่างที่เรารู้กันว่าศักยภาพของ Virtual Reality หรือความจริงเสมือน คือสามารถสร้างความรู้สึกราวกับผู้ชมกลายเป็นคนอีกคน หรือยืนอยู่ในโลกอีกโลกได้ อะไรจะเหมาะกว่านี้อีก
คุณแม่จึงขอความร่วมมือกับทาง Google สร้าง Virtual Reality ที่ชื่อ Pride for Everyone ผู้ชมที่สวมแว่น Google Cardboard จะได้สวมสายตาของเด็กคนหนึ่งท่ามกลางขบวนพาเหรดที่สามารถมองรอบตัวได้แบบ 360 องศา นอกจากความตื่นเต้นเสมือนได้ไปร่วมขบวนพาเหรดของจริง สิ่งที่เด็กผู้สวมแว่น VR จะได้คือความรักจากคนสองข้างทางและผู้ร่วมขบวน ที่ส่งมาถึงเขาด้วยเทคโนโลยีนี้ เด็กๆ กลุ่ม LGBTQ+ ที่กำลังรู้สึกโดดเดี่ยว แปลกแยก และหมดกำลังใจ จะได้รับการบรรยายแบ่งปันประสบการณ์จากคุณแม่ Reyes และปิดท้ายด้วยการเข้าไปร่วมในขบวนพาเหรดแบบ Virtual
ความรู้สึกหลังร่วมขบวนเป็นอย่างไร สีหน้าของพวกเขาในตอนท้ายของวิดีโอนี้ตอบทุกอย่าง
และอย่างที่ในวิดีโอบอก โครงการ Pride for Everyone หรือ Virtual Pride Parade นี้ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเทคโนโลยีให้ได้ไปต่อ และกำลังเดินทางไปถึงเด็กทุกคนในโรงเรียนทั่วโคลอมเบีย
เทคโนโลยี AR และ VR ในทั้งสองโปรเจกต์ นอกจากจะช่วยส่งต่อเรื่องราวได้อย่างทรงพลัง ยังทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเรื่องราวได้อย่างเท่าเทียม คนที่กรุงเทพฯ สามารถร่วมรำลึกเรื่องการการต่อสู้เพื่อเสรีภาพหน้าอนุสาวรีย์ Stonewall ที่นิวยอร์ค และส่งต่อเรื่องราวของตัวเองไว้ให้ใครอีกคน เด็กในเมืองเล็กๆ ที่โคลอมเบียเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในขบวนพาเหรด เพื่อรับรอยยิ้มและการโอบกอดจาก LGBTQ+ อีกคนในอีกมุมโลก
เราเชื่อว่าพลัง การยอมรับ และความงดงามของเพศหลากวิถีที่พวกเขาได้รับ จะถูกส่งต่อให้ใครอีกคนด้วย ‘หัวใจ’ โดยอาจไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีใดๆ เลย
อ้างอิง