นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เรื่อง
ข้อเขียนนี้เคยตีพิมพ์ในนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ในช่วงสามเดือนก่อนการปฏิวัติ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เราปิดประเทศเพื่อกำจัดผู้หญิงคนหนึ่งให้ได้
วันนี้กองทัพพม่าเลือกปิดประเทศเพื่อกำจัดผู้หญิงคนหนึ่งให้ได้เช่นกัน
จึงนำข้อเขียนชิ้นนี้มาขัดเกลาเพื่อเผยแพร่อีกครั้งหนึ่ง
…..
หนังสือการ์ตูนปี 2007 เรื่อง Burma Chronicles ของ Guy Delisle นักเขียนชาวแคนาดาที่ติดตามภรรยาซึ่งเป็นผู้บริหารแพทย์ไร้พรมแดน Médecins Sans Frontières (MSF) ไปในประเทศต่างๆ ครั้งนี้เขาไปอยู่ที่พม่า 1 ปีพร้อมบุตรชายวัยทารก
หนังสือได้รับคำชมและรางวัลมากมายด้วยสไตล์การเขียนเล่าเรื่องสิ่งที่กายพบเห็น ประมาณว่าเห็นอย่างไรเขียนอย่างนั้น นักวิจารณ์เรียกสไตล์การเขียนของเขาว่า hit and run แปลว่าตีแล้วหนี เบื้องหลังอะไรที่เห็นหรือได้ยินเป็นอย่างไรนักเขียนไม่ลงรายละเอียด ประมาณว่าเขียนแล้วเผ่น
เหมาะสำหรับคนที่ไม่รู้เบื้องหลังพม่าเป็นมาอย่างไร จะได้ไม่มีอคติก่อนอ่าน
หน้าแรก กายเขียนว่า “เมียนมาเป็นชื่อทางการตั้งแต่ปี 1989 รับรองโดยสหประชาชาติ พม่า เป็นชื่อเดิม แต่ยังคงใช้กันในประเทศที่ไม่ยอมรับรัฐบาลที่ยึดอำนาจมาตั้งแต่ปี 1989 ได้แก่ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา”
กายเขียนถึงเรื่องเล็กๆ “ปลั๊กไฟที่นี่เป็นกับดักเด็กดีๆ นี่เอง อยู่ติดพื้น มีไฟแดงสว่างล่อเด็กคลานเข้าหา มีสวิตช์ให้ปิดเปิดเล่น มีปลั๊กรูใหญ่เท่านิ้ว ใกล้ๆ กันนั้นมีหม้อแปลงพร้อมสายไฟสีแดงสองเส้น” จากนั้นวาดรูปเด็กถูกไฟช็อต
เรื่องเล็กๆ ที่แปลกประหลาด “นิตยสารไทม์มีหน้าไม่ครบ นิตยสารที่นี่ต้องผ่านการตรวจตราจากหน่วยงานเซ็นเซอร์ก่อน ข้อเขียนที่ไม่เหมาะสมต่อชาติจะถูกขจัดออกอย่างเป็นระบบ”
เขาเขียนถึงซูเปอร์มาร์เก็ต อากาศร้อนจนแทบคลั่ง สถาปัตยกรรมห้องแถวที่แสนพิกล ตึกแถวทรงสูงสามชั้น มีระเบียงทุกช่องหน้าต่าง มีระเบียงใหญ่ทุกชั้น รองรับด้วยเสาแบบกรีกน่าขัน
กายรับรู้ในเวลาต่อมาว่าบ้านที่อองซานซูจีถูกกักบริเวณอยู่ใกล้ๆ เดินตรงไปเลี้ยวขวาก็จะพบ เขาเข็นรถพาลูกชายไปชม “ที่จริงเธอไม่ใช่นักโทษ เธอถูกกักบริเวณห้ามออกจากบ้านแต่ออกนอกประเทศได้ แต่เธอเลือกที่จะอยู่ เธอกลับมาบ้านตั้งแต่ปี 1988 แล้วถูกกักไว้นับแต่นั้น แม้ว่าจะไม่ได้ออกจากบ้านแต่พรรคเอ็นแอลดีของเธอก็ชนะเลือกตั้งครองที่นั่งร้อยละ 80 เหล่านายพลที่ครองอำนาจไม่รับผลเลือกตั้งนี้ เธอใช้ชีวิต 15 ปีถัดมาเงียบๆ ไม่มีโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรืออินเทอร์เน็ต มีวิทยุเพียงอย่างเดียวที่ช่วยให้เธอได้รับข่าวจากโลกภายนอก เธอมีคนรับใช้สองคนและแพทย์ประจำตัวมาเยี่ยมเดือนละครั้ง”
กายหันไปเขียนเรื่องเล็กๆ อีก เช่น งูที่ดูเหมือนจะมีมากมายทุกหย่อมหญ้า รวมทั้งงูเห่า แต่ชาวบ้านดูไม่ตื่นเต้น จากนั้นเป็นเรื่องใหญ่คือเรื่องศาสนาพุทธ กายพบแถวของพระภิกษุที่เดินบิณฑบาตตั้งแต่เช้ามืดทุกวัน มีชาวบ้านออกมาใส่บาตรมากมายจนล้นเกินเหลือกิน เขาบรรยายว่าคือวิธีทำบุญของชาวบ้านสำหรับชาติหน้า ยังมีวิธีทำบุญแบบอื่นได้อีก เช่น บริจาคเงินแก่วัด ซ่อมพระเจดีย์ หรือแม้กระทั่งสร้างพระเจดีย์เลยก็ยังได้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหมือนที่เนวินเคยทำ เขาปกครองประเทศอย่างแข็งกร้าวมาตั้งแต่ปี 1962 ก็ต้องหมั่นทำบุญเพื่อมิให้ชาติหน้าเกิดมาเป็นหนูหรือกบ
ถึงตอนนี้กายวาดภาพหนูและกบในชุดนายพลประกอบ
เขาเขียนเรื่องเถรวาท ว่าพระพุทธเจ้ามิใช่พระเจ้า เป็นบุรุษผู้ตรัสรู้ ไม่มีประโยชน์ที่จะสวดอ้อนวอนกับพระพุทธเจ้า ท่านปกป้องใครไม่ได้ เป็นหน้าที่ของแต่ละคนที่จะปฏิบัติเองเพื่อถึงนิพพาน ว่าแล้วเขาไปเข้าคอร์สนั่งสมาธิ แล้วล้มเลิกตั้งแต่บทเรียนแรกอย่างขำๆ
กายเล่าเรื่องดีวีดีเถื่อนราคาถูกที่ทำให้เขาได้ดูหนังบ็อกซ์ออฟฟิศทุกเรื่อง เขาแปลกใจที่มีโฆษณาต่อต้านดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ในดีวีดีเหล่านี้ด้วย เล่าเรื่องความยากลำบากในการหาซื้อหมึกดำเขียนการ์ตูนในประเทศนี้ สุดท้ายเขาจำเป็นต้องซื้อทีละถัง เล่าเรื่องการทำงานของแพทย์ไร้พรมแดนในทุกภูมิภาคของพม่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามตะเข็บชายแดนไทย-พม่าและลึกเข้าไปภูเขา เพื่อช่วยรักษาโรคเอดส์ วัณโรคและมาเลเรีย แม้ว่าขั้นตอนในการขอใบอนุญาตเดินทางและใบอนุญาตทำงานจะยากเย็นเนื่องจากต้องผ่านขั้นตอนราชการมากมายหลายชั้นก็ตาม
กายเขียนเรื่องนิตยสารในพม่าอีกครั้ง เขาเล่าว่ามีนิตยสารประมาณ 80 หัววางตลาดทุกเดือนหลังผ่านการเซ็นเซอร์แล้ว นิตยสารบางเล่มพิมพ์สีแต่ส่วนใหญ่พิมพ์ขาวดำ ที่น่าสนุกคือร่องรอยเซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น บอลลูนคำพูดที่ไม่มีคำพูดในการ์ตูนช่อง บางหน้าถูกฉีกออกทั้งหน้า หลายครั้งเป็นการป้ายหมึกดำทับข้อความ หรือไม่ก็ถูกตัดทั้งบล็อกออกเป็นรูโหว่ดื้อๆ ก็มี หนังสือพิมพ์ของรัฐบาลทหารก็ทำหน้าที่โฆษณาชวนเชื่ออย่างไม่ปิดบัง อุทิศครึ่งหน้ากระดาษตีพิมพ์ภาพนายพลตานฉ่วยพร้อมคำขวัญเพื่อชาติประชาชน ข้างในมีแต่ข่าวสังคมของบรรดานายทหาร ที่ชาวบ้านจะอ่านได้มีเพียงข่าวกีฬาและวัฒนธรรม คนที่สนใจฟังข่าวจริงๆ มักเปิดรับสถานีวิทยุที่กระจายเสียงจากประเทศไทย
วันหนึ่งกายเดินเที่ยวดูบ้านของเศรษฐีและพวกนายพล บ้านแต่ละหลังใหญ่โตมีรั้วรอบขอบชิดกำแพงสูงขึงลวดหนามด้านบน หรือฝังเศษแก้วตลอดแนวกำแพง บานประตูมักทำยอดแหลมเสมือนหอกเรียงรายเป็นแถว เมื่อนึกถึงว่าแทบไม่มีอาชญากรรมในละแวกนี้เลยชวนให้สงสัยว่าแต่ละคนจะสร้างบ้านประหนึ่งป้อมปราการทำไม ก่อนที่จะตบท้ายว่า ที่พวกนายพลกลัวกันคือกลัวนายพลด้วยกันเอง พร้อมทั้งเล่าเรื่องการกำจัดคู่แข่งหรือศัตรูทางการเมืองแม้กระทั่งมิตรทางการเมืองประกอบบางเรื่อง
กายเขียนเรื่องหาบเร่แผงลอยต่างๆ รวมทั้งลองชิมอาหารข้างถนน กินปลาไหลที่จับขึ้นมาจากหนองน้ำที่ชาวบ้านเพิ่งจะอาเจียนลงไป เสาไฟฟ้าที่มีสายไฟยุ่งเหยิงเป็นก้อนๆ อย่างน่าอัศจรรย์ แผงขายเสื้อผ้าที่สามารถหาซื้อได้ทั้งเสื้อที่สกรีนรูปเชกูวาราและเสื้อที่สกรีนเครื่องหมายสวัสดิกะของนาซี ต้นไทรที่มักมีชาวบ้านมาจุดธูป พอผ่านไปสามเดือนจะมีใครบางคนนำพระพุทธรูปมาตั้ง เมื่อผ่านไปหกเดือนก็กลายเป็นศาลเพียงตาเฉย
เขาเขียนถึงสงครามสาดน้ำยาวเกือบสิบหน้าอย่างเข้าใจและสนุกสนานเช่นเดียวกับฝรั่งทุกคนที่ชอบเล่นสงกรานต์
กายกลับมาเขียนเรื่องงานของแพทย์ไร้พรมแดนอีกครั้งและติดตามภรรยาไปทำงานในสถานที่ห่างไกลบางแห่ง รัฐบาลทหารพม่าเปลี่ยนกฎใหม่ให้เอ็นจีโอต่างๆ ต้องทำเรื่องขออนุญาตเดินทางทุกสัปดาห์จากเดิมที่ขอครั้งหนึ่งใช้เดินทางได้หกเดือน โดยวิธีนี้ทำให้ทุกคนต้องกลับมาย่างกุ้งทุกสัปดาห์ แต่เนื่องจากกระบวนการออกใบอนุญาตกินเวลานานสามสัปดาห์ นั่นเท่ากับพวกเขาทำงานได้เพียงเดือนละเจ็ดวัน!
กายพบในเวลาต่อมาว่าอีเมลของตนเองและเอ็นจีโอหลายคนมีปัญหาใช้การไม่ได้บ่อยครั้ง พวกเขาช่วยกันสืบหาสาเหตุจนกระทั่งพบว่าเพราะมีใครบางคนเขียนคำว่า KNU และคำว่า meeting ในอีเมลฉบับหนึ่งทำให้เกิดการตรวจตราการรับส่งเมลตั้งแต่นั้น!
กายเขียนเรื่องที่ใหญ่มากขึ้น เขาเล่าเรื่องการขุดก๊าซธรรมชาติในทะเลแล้วต่อท่อส่งขายประเทศไทยโดยใช้กำลังทหารขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่วางท่อ การค้าพลอยและหยกซึ่งสร้างรายได้ให้แก่เหล่านายพลมากมาย การปลูกฝิ่นของทางราชการ ความยากลำบากในการหายาต้านไวรัสเอดส์จากไทยมาช่วยเหลือผู้ป่วย
จนกระทั่งถึงวันย้ายเมืองหลวงหลังจากมีข่าวลือเล็ดรอดออกมาล่วงหน้าพักหนึ่งแล้ว ขบวนรถย้ายเมืองหลวงดำเนินไปอย่างอึกทึกครึกโครม ไม่มีใครเรียกชื่อเมืองหลวงใหม่ถูก หลายคนไม่รู้แม้กระทั่งว่าตั้งอยู่ที่ไหน บ้างว่าเหตุที่ต้องย้ายเพราะย่างกุ้งเป็นเป้าหมายทางทหารที่ง่ายดายเกินไป เหตุผลที่ร่ำลือกันไปทั่วคือพม่าย้ายเมืองหลวงเพราะตานฉ่วยเชื่อหมอดู
แล้วก็มาถึงวันที่แพทย์ไร้พรมแดนตัดสินใจถอนตัวออกจากพม่า เหตุเพราะรัฐบาลทหารต้องการจำกัดพื้นที่ทำงานให้ ซึ่งปรากฏว่าเป็นพื้นที่ที่มิใช่ปัญหาทางสาธารณสุข
มีระเบิดทำให้คนบาดเจ็บล้มตายในพม่าเป็นระยะๆ รัฐบาลพม่าเลือกวิธีจำกัดมากกว่าที่จะกำจัด จำกัดใบอนุญาตวีซ่า จำกัดสถานที่ทำงาน จำกัดการไหลเข้าไหลออกของข้อมูลข่าวสาร จำกัดบริเวณอองซานซูจี แม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามของอองซานซูจีก็มิได้ถูกเรียกขาน คนส่วนใหญ่ในพม่าเรียกเธอว่าท่านหญิง (The Lady) ซึ่งหมายถึงคุณก็รู้ว่าใคร
กล่าวกันว่าพม่าปิดประเทศเพื่อกักคนคนเดียว เผด็จการทหารพม่าแช่แข็งประเทศครึ่งศตวรรษเพื่อจำกัดคนคนเดียว
ในขณะที่บ้านเราช่วยกันทำลายทั้งประเทศเพื่อกำจัดคนคนเดียว
…………..
ข้อเขียนเดิมจบลงที่ตรงนี้
หนังสือการ์ตูนหลายเรื่อง มีประโยชน์มากกว่าเรียนหนังสือในห้องเรียนเสียอีก