ปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้าย ก่อนเลือกตั้งชี้ชะตาประเทศไทย

เรื่อง: พิมพ์ชนก พุกสุข, ศุภวิชญ์ ศิริสวัสดิ์วัฒนา, สุดารัตน์ พรมสีใหม่ ภาพ: เมธิชัย เตียวนะ, กอบบุญ บูรโชควิวัฒน์, นิติพงษ์ การดี

12 เมษายน 2022 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น) พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยมีผู้คนเข้าร่วมฟังอย่างคึกคัก หลายคนโบกธงชาติและป้ายหาเสียงที่ระบุนโยบายพรรคและหมายเลขผู้ลงสมัคร

สกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา การเมืองไทยติดหล่มอยู่กับความขัดแย้ง ขอเตือนสติทั้งนักการเมืองและประชาชนว่า แม้จะได้รับการเลือกตั้งมาก็ไม่ได้แปลว่าจะใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายได้ ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองจะสงบสุขได้อย่างไร การก้าวข้ามความขัดแย้งจึงเป็นคำตอบของการเมืองในยุคนี้ ทำให้ประชาชนกลับมารักกันให้ได้เหมือนเดิมด้วยการรับฟังความเห็นต่างกัน อันเป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย แต่กระนั้น ก็ยังต้องมีเส้นที่ก้าวข้ามไม่ได้ คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อันเป็นเสาหลักของประเทศ

“ประเทศไทยไม่ใช่ของเล่น ไม่มีเวลาให้คนไม่มีประสบการณ์หรือให้คนที่หาเสียงด้วยความเกลียดชังมาบริหารประเทศ และประเทศไทยก็ไม่มีเวลาให้คนครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งมาปกครองประเทศเพียงครอบครัวเดียว” สกลธีกล่าว

ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนไม่มีภาระ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ภารกิจสุดท้ายที่มีคือการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างความเจริญให้ประเทศ และปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ วันนี้ประเทศยังมีปัญหาอีกมาก โดยเฉพาะปัญหาความยากจน ปัญหาปากท้องและความจำเป็นที่จะต้องก้าวข้ามความขัดแย้งให้ได้

วันเดียวกันที่อาคารเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น) พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยใหญ่ มีผู้ร่วมเข้าฟังล้นหลาม หลายคนโบกธงสีส้มหรือสวมเครื่องแต่งกายสีส้มซึ่งเป็นสีของพรรค

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลต่อสู้กับทุนผูกขาด ไม่กลัวผู้มีบารมี และตัวพรรคนั้นดำรงอยู่เพื่อประชาชน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความฝันของพรรคก้าวไกลนั้นเรียบง่าย แค่หวังอยากมีอากาศบริสุทธิ์และมีที่ดินทำกิน ให้ประชาชนได้รับการดูแลจากรัฐบาลในวัยเกษียณ หวังอยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการกระจายอำนาจให้แต่ละจังหวัดเลือกตั้งผู้ว่าฯ ได้ รวมทั้งฝันอยากเห็นการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร

“พรรคจะนำประเทศไทยออกจากความขัดแย้งทางการเมืองได้ และนั่นคือการเอาประเทศออกจากวงจรการรัฐประหาร รวมทั้งให้พระราชอำนาจอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ” พิธากล่าว โดยหลังจากนั้น พิธาและสมาชิกพรรคถ่ายรูปร่วมกันบนเวทีและออกไปพบปะประชาชนที่รออยู่ด้านนอกอาคารด้วย

ด้านพรรคเพื่อไทยจัดปราศรัยใหญ่ ภายใต้ชื่อ ‘เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ประเทศไทยเปลี่ยนทันที’ ที่อิมแพ็ก อารีน่า เมืองทองธานี โดยมีไฮไลต์สำคัญ คือการขึ้นปราศรัยของ แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ย้ำจุดยืน “ปิดสวิตช์ ส.ว. ปิดสวิตช์ 3 ป. คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรีไปพร้อมๆ กัน” ในขณะที่ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยอีกคน ปราศรัยขอเป็นนายกฯ และมั่นใจเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง ทำให้ ส.ว. ต้องฟังเสียงประชาชน

ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จัดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีแกนนำพรรคขึ้นปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ทั้ง เอกณัฐ พร้อมพันธุ์, สุชาติ ชมกลิ่น, ม.ล.ชโยทิต กฤดากร,ไตรรงค์ สุวรรณคีรี และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก่อนจะปิดท้ายเวทีด้วยการปราศรัยของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมปิดท้ายเวทีด้วยหัวข้อ ‘อย่าให้ลุงตู่สู้คนเดียว’

ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งของเวทีได้มีการเปิดคลิปวิดีโอหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมปลุกใจผู้สนับสนุนพรรคให้พลังเงียบแสดงพลัง โดยพรรครวมไทยสร้างชาติจะเปลี่ยนจาก ‘ช้างป่วย’ เป็น ‘ช้างศึก’ สำหรับศึกเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น