fbpx

“ซื่อสัตย์-ซื่อตรง-ไม่โกง-ไม่กิน” คุยเรื่องดีเอ็นเอรวมไทยสร้างชาติกับพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

แม้พรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ที่มีอายุเพียง 2 ปี แต่กลับกลายเป็นพรรคที่นัยทางการเมืองสูงและถูกจับจ้องจากสาธารณชนในฐานะพรรคการเมืองที่อาจจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งครั้งถัดไป หลังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาตัดสินใจก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค  

ท่ามกลางความคึกคักการย้ายพรรคของ ส.ส. ก่อนจะเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง พรรครวมไทยสร้างชาติจะเดินเกมเพื่อกวาดคะแนนเสียงสู่พรรคขั้วรัฐบาลได้หรือไม่ และนโยบายอะไรของพรรคที่จะครองใจมหาชน

101 เก็บความจากรายการ “101 One-on-One Ep.288 เดิมพันใหญ่ – รวมไทยสร้างชาติ กับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ชวนพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้พิพากษามาพูดคุยเจาะลึกถึง ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ แนวคิดที่อยากจะรวมพลังคนไทยพัฒนาประเทศไปข้างหน้า นโยบายของพรรคที่อยากนำเสนอประชาชน และมุมมองถึงการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

YouTube video

ย้อนกลับไปในปี 2564 จุดเริ่มต้นของพรรครวมไทยสร้างชาติเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

ผมฝันว่าอยากทำพรรคการเมืองดีๆ แบบที่ผมคิด ทีนี้ตอนผมทำงานกับท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วงโควิด-19 ท่านมีมอตโตเรื่อง “รวมไทยสร้างชาติ” ท่านพูด แล้วผมรู้จักนิสัยท่านว่าท่านไม่ได้คิดเรื่องการเมืองหรอก ท่านคิดว่าคนไทยต้องร่วมมือร่วมใจกันสร้างชาติบ้านเมือง แต่สำหรับผมและนักการเมืองปิ๊งเลย ผมรู้สึกว่าคำนี้มันใช่ หลังจากนั้นไม่นานก็ปรากฎข่าวคุณเสกสกล อัตถาวงศ์ไปจดทะเบียนพรรค เรื่องราวก็ผ่านไปจนกระทั่งผมได้มีโอกาสคุยกับคุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาพรรครวมไทยสร้างชาติถึงอนาคตทางการเมืองก็คุยกันไปว่าเรามาถึงจุดนี้อย่างน้อยก็อยากจะทำพรรคการเมืองที่เราอยากทำสักพรรคหนึ่ง พอตัดสินใจได้แล้ว ผมก็นึกถึงพรรคนี้ขึ้นมา แล้วก็กลับไปถามคุณเสกสกลว่าพรรคที่คุณไปจดทะเบียนไว้ได้ทำอะไรถึงไหนแล้ว ท่านก็บอกว่ายังไม่ได้ทำอะไร ผมเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นผมขอเอามาใช้ได้ไหม ท่านก็บอกว่าให้ไปทำเลย ผมก็เลยรับมาบริหารจัดการกันมา

อะไรคือจุดขายของพรรครวมไทยสร้างชาติ

ประการที่หนึ่ง ผมยืนยันว่าพรรคนี้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่โกง ไม่กิน ตลอดชีวิตการทำงานการเมืองของผม 30 ปีรับประกันด้านนี้อยู่แล้ว ประการที่สอง พรรคนี้จะเป็นพรรคที่ทำงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ประการที่สาม ผมคิดตั้งแต่ก่อนที่จะมาเป็นนักการเมืองว่าพรรคการเมืองต้องเป็นพรรคที่สามารถช่วยเหลือประชาชนในทุกๆ ด้าน เพราะฉะนั้นผมก็อยากทำพรรคการเมืองที่แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างจริงจัง อันนี้ก็จะเป็นแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ

โจทย์ใหญ่อะไรที่พรรครวมไทยสร้างชาติอยากจะเร่งเดินหน้าแก้ปัญหา

จากที่ผมทำงานการเมืองมา 30 ปี ผมเห็นปัญหามันหมักหมมหลายเรื่อง แต่ผมคิดว่าเรื่องที่สำคัญมากที่สุดเลย ปัญหาแรกคือเรื่องการศึกษา แม้แต่ความวุ่นวายทางการเมืองที่เห็นอยู่ ผมไม่ได้มองว่าเป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง ผมมองว่านี่คือผลของการศึกษาที่ล้มเหลวของระบบการศึกษาไทย

ปัญหาที่สอง เรื่องที่ดินทำกิน อยู่ในกรุงเทพฯ อาจจะไม่รู้สึกเรื่องนี้หรอก แต่คนไทยส่วนใหญ่อยู่ทั่วทั้งประเทศ พวกเขาไม่ได้มีอาชีพประจำ ต้องทำมาหากินด้วยตัวเอง เป็นเกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ ซึ่งปัญหาหลักของพวกเขาคือไม่มีที่ทำกิน ทั้งๆ ที่มีแผ่นดินใหญ่โตไปหมดเลย แต่ทำไมนายทุนบางคนกลับมีที่ดินอยู่ในความครอบครองเป็นพันๆ หมื่นๆ ไร่ อันนี้ผมไม่ได้พูดถึงกรณีที่ซื้อ [ที่ดิน] โดยชอบด้วยกฎหมาย ในขณะที่ราษฎรมองตากันปริบๆ ฉันแค่ 1 ไร่ยังไม่มีที่จะทำกิน ส่วนปัญหาที่สาม ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียม

นโยบายการศึกษาอะไรที่พรรครวมไทยสร้างชาติอยากจะเสนอทางออก

ผมคิดว่ามันควรจะมีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาให้มากขึ้นและควรเปิดโอกาสให้คนเข้าเรียนได้อย่างที่เขาอยากเรียน เมื่อก่อนไม่มีระบบคอมพิวเตอร์ ห้องเรียนปกติไม่พอก็ไปเรียนภาคค่ำ ภาคสมทบ ทำไมวันนี้เราไม่เพิ่มระบบเรียนออนไลน์ สมมติว่าเด็กคนนี้อยากเข้าโรงเรียนดังโรงเรียนหนึ่ง แต่เขาสอบเข้าไม่ได้ แต่เขาอาจจะเรียนได้ก็ได้ ถ้าเราเปิดโอกาสให้เด็กที่อยู่บนเขาเหล่านี้สามารถสมัครเรียนและสอบจบได้ หลักสูตรเปิดให้เด็กทุกคนสามารถสอบ พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ต้องวิ่งเต้นหรอก แค่ดูแลลูกของตัวเองให้ดี ตั้งใจเรียนขยัน สามารถสอบผ่านหลักสูตรแล้วจะบอกเขาไม่จบได้ไหม

จะไปถึงตรงนั้นได้ มีแนวทางแก้ไขปัญหาการศึกษาได้อย่างไร

มันต้องแก้กฎหมาย และผมคิดว่าต้องเปลี่ยนความคิดบ้าง เมื่อวานผมเห็นข่าวล่าสุดที่นักเรียนพยาบาลไม่สามารถเรียนได้ เพราะจดหมายมาช้า เมื่อปีที่แล้วผมนั่งดูข่าวเด็กสอบเข้าม.1 ออกจากบ้านตั้งแต่ 6.00 น. เช้า มาสอบเข้าไม่ทันเพราะรถติด ทำไมชีวิตเด็กไทยต้องฝากอนาคตกับจราจรหรือระบบไปรษณีย์ ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นปัญหาเรื่องของการเข้าถึงการศึกษา อันที่สองเรื่องของหลักสูตร ผมคิดว่าเราจะต้องสอนให้เด็กไทยไม่ใช่มีแต่ความรู้นะ แต่ต้องรู้จักความเป็นไทย รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณี รู้จักดี-ชอบ-ผิด-ถูก คำว่า ‘การศึกษา’ ของผม ไม่ได้หมายถึงแค่หลักสูตรในห้องเรียนให้จบ มีความรู้ทางวิชาการ แต่จบออกมาเป็นใครก็ไม่รู้ ผมเห็นล่าสุดประเทศจีนก็เริ่มปรับหลักสูตรนะ เริ่มเอาเรื่องความเป็นมนุษย์ ความเป็นคนมากขึ้นในการเรียนการสอน เพื่อให้เด็กโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพ ไม่ใช่แต่ด้านวิชาการ

ถ้าประชาชนเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นรัฐบาล ปัญหาที่ดินทำกินจะถูกแก้ไขอย่างไร

แก้กฎหมายอย่างเดียวทำได้หมด อย่างที่ดินทำกินก็มีเรื่องกฎหมายที่ดิน กฎหมายป่าไม้ กฎหมายอุทยานเต็มไปหมด เมื่อไหร่ที่เป็นของนายทุน แหม่ มันคล่องหมดเลย แต่พอเป็นชาวบ้าน มันยากเย็นจริงๆ แต่ถ้าเรามีกฎหมายเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินที่ประชาชนต้องทำกินได้ overrule กฎหมายอย่างอื่นหมด 

อันนี้ผมไม่ได้พูดถึงที่ดินเอกชนนะ ผมจะเรียนให้ฟังว่าแผ่นดินไทย ที่ดินส่วนใหญ่คือที่ดินของหลวงนะครับ แน่นอนก็ต้องหวงแผ่นดินไว้ เพราะเป็นของหลวง ไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่ง ถ้าเราไม่รักษาป่า ป่าก็หมด ขณะเดียวกันเราหลบหนีความจริงไม่ได้ว่าคนไทยเกิดขึ้นมาตลอดเวลา คนทุกคนเมื่อเป็นมนุษย์มันต้องมีที่ทำกิน ป่ามันหมดโดยสภาพมันก็มี ทำยังไงจะให้คนกับป่าอยู่กันได้ คนเหล่านี้เขาไม่ต้องการโฉนดที่ดิน เขาไม่ต้องการเอกสารสิทธิ์ที่เขาเป็นเจ้าของ เขาต้องการเพียงสิทธิที่จะทำได้โดยไม่ต้องถูกจับ

ผมเชื่อเรื่องคนกับป่าอยู่กันได้ครับ ผมลงพื้นที่ไปในฐานะประธานกรรมการอำนวยความเป็นธรรมที่ท่านนายกฯ แต่งตั้งให้ผมเข้าไปทำงานก็ได้มีโอกาสพบกับชาวบ้านเยอะมากขึ้น ผมเชื่อว่าคนเหล่านี้เอาเป็นว่า 80-90% ของพวกเขาขอเพียงแค่สิทธิ์มีที่ทำกิน เพราะฉะนั้นเราสามารถออกเป็นหลักฐานอะไรให้เขาเป็นผู้มีสิทธิ์ทำกินตรงนี้ แล้วก็ทำข้อตกลงกันว่าถ้าอยู่ตรงนี้แล้วเขาจะต้องดูแลผืนป่ายังไง ถ้าผิดเงื่อนไขต้องออกนะ รับรองไม่มีใครกล้าผิดเลย เพราะคนเหล่านี้เขาต้องการอยู่ทำกินเท่านั้นเอง ตรงกันข้ามถ้าเป็นนายทุนไม่มีครับ เพราะเขาต้องการผลกำไร แล้วขณะเดียวกันเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น

หลายคนมองว่าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็น ‘พรรคนั่งร้าน’ ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชากลับมามีอำนาจอีกครั้ง

ผมยืนยันว่าผมไม่ได้ทำพรรคนี้เพื่อวันหนึ่งท่านจะมา ผมทำพรรคนี้มากับคุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 2 คน ตอนนั้นก็เริ่มมีคนพูดว่าเป็นนั่งร้าน คุณเอกนัฏก็อึดอัดที่จะพูด ผมก็บอกให้บอกทุกคนว่าพรรคเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่าน เราไปห้ามคนเขาคิดไม่ได้ แต่อย่าไปหลอกคนเขา บางคนเขาคิดว่าจะมาอยู่กับเรา เพราะท่านมา ต้องบอกเขาว่าท่านไม่เกี่ยว

อันนี้ไม่เคยพูดที่ไหน ผมจะพูดให้ฟังว่าหลังจากที่เคยมีข่าวออกไป ผมก็ปฏิเสธมาตลอด มีอยู่วันหนึ่งท่านพูดกับผมว่ายังไงท่านก็ต้องอยู่ตรงนั้นนะ ความหมายก็คือว่ายังไงก็ไม่อยู่กับผมหรอก ผมก็บอกผมเข้าใจครับท่าน ผมก็บอกกับคุณเอกนัฏว่าต้องอยู่บนตัวเราเองให้ได้ก็เดินหน้ามา แต่ผมก็คิดว่าไม่ว่าท่านจะอย่างไรก็ตาม ถ้าวันไหนท่านตัดสินใจเดินหน้าทางการเมืองต่อ ท่านต้องมาที่นี่แหละ เพราะผมทำงานกับท่านมา 3 ปี ผมรู้ว่าท่านเป็นคนแบบไหน แล้วไม่ต้อง [พูดถึงว่า] ท่านเป็นคนแบบไหน คนทุกคนก็เป็นแบบท่าน คุณไม่อยากอยู่กับคนที่คิดว่าเป็นคนที่ทำงานจริงจัง ทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเหรอ

ตอนนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่ในบทบาทไหนในพรรครวมไทยสร้างชาติ

ท่านเป็นสมาชิกพรรค ท่านไม่ยอมเป็นอย่างอื่น คือท่านเข้าใจว่าระบบในระบอบประชาธิปไตย ท่านควรจะต้องสังกัดพรรคการเมือง แต่ท่านไม่ได้มีความปรารถนา ผมบอกว่าท่านจะเป็นอะไร ผมให้ท่านหมดเลย ผมยังคิดว่าท่านเหมาะจะเป็นหัวหน้าพรรคด้วยซ้ำไป ท่านก็บอกท่านไม่เอา ให้เป็นประธานพรรค ท่านก็ไม่เอา

แล้วตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค

อันนั้นเป็น เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนระดับท่านจะมาอยู่ในพรรคแล้วไม่มีสถานะอะไรเลย ตามข้อบังคับพรรคได้กำหนดจำนวนกรรมการบริหารไว้เรียบร้อยแล้ว แต่บุคลากรที่ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ มีความสามารถ มีความสำคัญเกินกว่าจำนวนตรงนั้น เราก็คิดว่ามันน่าจะมีรูปแบบอื่นในการที่จะช่วยกันทำงานในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ประชุมใหญ่ก็มีมติให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เรียกว่าคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค โดยที่คณะนี้ก็จะมีท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สมาชิกพรรคเป็นประธานคณะกรรมการ

คอการเมืองบอกว่าประธานกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคจะสามารถคุมกรรมการพรรคได้ คุมหัวหน้าพรรคได้

คุมไม่ได้ กกต.ท่านไม่ยอมรับครับ กรรมการอื่นๆ จะมีอำนาจบริหารจัดการพรรคไม่ได้หมดเลย อันนี้คือกฎหมาย แต่ว่าในทางปฏิบัติ เราก็ต้องให้เกียรติท่าน (พลเอกประยุทธ์) ก็เท่านั้นเอง เป็นเรื่องของการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผมทำพรรคนี้มา 3-4 เดือน ผมจะเรียนว่าเราอยู่กันแบบเพื่อน แบบพี่น้อง ทุกคนเท่ากันหมดในพรรคผม ผมพยายามสร้างบรรยากาศใหม่ๆ ของพรรคการเมือง ไม่มีผู้ยิ่งใหญ่ อยู่กันด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ช่วยกันทำงาน ซึ่งท่านเองก็ชอบ ท่านก็มีความสุขแบบนี้ ทุกอย่างทำงานด้วยกัน มีอะไรก็คุยกันบนโต๊ะ 

โครงสร้างพิเศษของพรรคแบบนี้ มีคนเรียกว่า ‘โปลิตบูโร

ก็เรียกกันไป สารพัดจะเรียก เดี๋ยวก็ซูเปอร์บอร์ดบ้างอะไรบ้าง แล้วแต่จะเรียก ผมห้ามมนุษย์ไม่ได้หรอก อย่าไปใส่ใจ ผมเป็นคนไม่ใส่ใจกับเรื่องปากคน

หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติส่วนหนึ่งมาจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐ การจัดการภายในพรรคยากแค่ไหน

ไม่ยากครับ คุณดูสิว่าผมทำพรรคมาจนวันนี้เคยมีปัญหาเป็นข่าวอะไรไหมว่าพรรคผมทะเลาะกัน ตีกัน ไม่มี

เทียบเชิญพลังดูดของพรรครวมไทยสร้างชาติมีจริงไหม

ไม่มีครับ จริงๆ ไม่อยากพูดถึงคนที่ 3 แต่ต้องพูดอย่างคุณสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล (อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์) ผมจะดูดได้ไหม ผมพูดให้ฟังนะสุภาษิตไทย “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก” ไม่มีใครดูดได้หรอก เว้นแต่ใจเขาอยู่ไม่ได้ ผมถึงทำบรรยากาศให้พรรครวมไทยสร้างชาติให้มีความสุขไง ทุกคนอยู่ที่นี่แล้วมีความสุข

พรรครวมไทยสร้างชาติตัดสินใจส่งชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเดียวจริงเท็จแค่ไหน

ยังไม่ได้พูดเรื่องนี้ครับ ผมเป็นคนที่เมื่อไหร่ยังไม่ถึงเวลา ผมยังไม่พูด ส่วนเรื่องปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 ของพรรคยังไม่ได้ประชุมเรื่องนี้กันอย่างเป็นทางการครับ พูดคุย พูดเล่น สอบถามกันเองอาจจะมี แต่มันไม่ควรจะเป็นข่าวแบบที่ยึดมั่นถือมั่นตามนั้น ตอนนี้ต้องเตรียมพรรคให้พร้อม ความพร้อมผม 90% ไง ผมต้องเติมอีก 10%  ต้อง 100%

ต่อจากนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคพลังประชารัฐจะถือว่าเป็นคู่แข่งทางการเมืองไหม

ในทางการเมืองก็การเมืองไม่เกี่ยวกัน การเมืองเหมือนการทำงานนะครับ ทุกคนก็ต้องการให้ประชาชนเลือกตัวเอง เลือกพรรคตัวเองก็ว่ากันไปทุกคนก็มีสิทธิแข่งขัน ทุกคนก็มีสิทธิจะเสนอตัวให้ประชาชน มันไม่ใช่มีแค่ 2 ท่านนี้หรือ 2 พรรคนี้ มันมีอีกตั้งหลายพรรค ทุกพรรคก็เหมือนกันหมด ตอนนี้ท่านไม่ได้มีอะไรทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ก่อนประชุมครม.ท่านก็นั่งคุยเฮฮากันเหมือนปกติ แล้วก็เท่าที่เห็นท่านก็ยังติดต่อพูดคุยเหมือนเดิม พูดง่ายๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้ง 3 ท่านนะ (รวมพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา) ไม่ใช่ 2

พรรครวมไทยสร้างชาติคาดหวังกับการเลือกตั้งครั้งหน้าแค่ไหน

ผมก็ต้องคาดหวังสิครับ ทุกคนมีความฝัน มีความตั้งใจว่าอยากทำให้พรรคตัวเองเป็นหลักทั้งนั้น ไม่มีใครคิดว่าทำมาเพื่อเป็นไม้ประดับ ถ้าคุณคิดว่าคุณเป็นฝ่ายค้าน คุณจะทำงานการเมืองได้ยังไง ผมพูดเรื่องนโยบายการศึกษา การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมในสังคม ลดค่าครองชีพ การปรับปรุงเรื่องพลังงานของประเทศ มันต้องเป็นรัฐบาล เพราะงั้นเราก็ต้องวางเป้าว่าเราต้องพยายามเป็นรัฐบาลให้ได้ แปลว่าเราก็ต้องพยายามให้ได้ ส.ส. ให้เยอะที่สุด แต่ว่าจะทำได้แค่ไหนก็อยู่ที่ประชาชนจะสนับสนุนแค่ไหน ซึ่งจากประสบการณ์ผมเอง เขาไม่ได้ดูแต่เพียงว่านโยบายพรรคนี้ เขาต้องดูว่ามันจะทำจริงไหม ผมคิดว่าถึงเวลาประชาชนท่านก็มีวิจารณญาณพอว่าจะมอบความไว้วางใจของประเทศนี้ให้กับใคร

ลึกๆ ได้เผื่อใจเป็นฝ่ายค้านหรือได้คาดการณ์จำนวน ส.ส. ที่จะได้บ้างไหม

ผมไม่เผื่อใจเป็นอะไรทั้งนั้น ผมเป็นคนแบบนี้ทำงานให้ดีที่สุด ผลออกมาเป็นแบบไหนก็พอใจในสิ่งที่ได้มาเท่านั้น แต่ตัวเองต้องทำให้ดีที่สุด ทุกอย่างต้องดีที่สุด วางแผนงานให้ดีที่สุด หาเสียงให้ดีที่สุด ขายสิ่งที่อยากนำเสนอให้ประชาชนให้ดีที่สุด สุดท้ายประชาชนมอบความไว้วางใจมากที่สุดก็ชื่นใจ ประชาชนไม่มอบความไว้วางใจก็เท่านี้พอ ไม่ผิดหวัง ไม่เสียใจ แต่จะผิดหวัง ถ้าไม่ทำให้ดีที่สุด

บางพรรคมีล็อกการเมือง บางพรรคสามารถจับมือได้ทุกขั้ว สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติมองถึงการจับมือกับพรรคการเมืองอื่นหลังการเลือกตั้งไว้อย่างไรบ้าง

ผมคิดว่าการเมืองต้องสร้างกัน ‘รวมไทยสร้างชาติ’ การเมืองต้องช่วยกันสร้างบ้านเมือง การเมืองไม่ใช่ต้องเข้ามาแล้วเป็นจุดฉนวนให้แตกแยกกัน แต่ที่สำคัญคือต้องมีแนวทางเป้าหมายเดียวกัน แนวทางผมปรองดอง สามัคคี เลิกแบ่งสีแบ่งฝ่าย ทำงานเพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประโยชน์ประชาชนนำหน้า ถ้าแนวทางนี้ตรงกันก็ไปกันได้ทั้งนั้น

มีโอกาสแค่ไหนกับการจับมือกับพรรคเพื่อไทย

ผมบอกเลยถ้าเป็นอย่างทุกวันนี้ไม่ได้ เขาพูดแต่เรื่องที่ผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมือง เป็นเรื่องเอาคนนู้นกลับมาคนนี้กลับมา ถ้าคิดว่ารวมกันเพื่ออย่างนี้ผมรวมไม่ได้

แล้วจับมือกับพรรคก้าวไกลได้ไหม

คงไม่ได้หรอกครับ เพราะว่ามันคนละแนว มันเป็นเรื่องสถาบัน ไม่สถาบัน แต่ถ้าหากว่าเขาบอกว่าเขาเปลี่ยนเอาชาติ ศาสน์ กษัตริย์นำหน้าเหมือนกันอย่างนี้ก็คุยกันได้

หลายพรรคมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับคนรุ่นใหม่ รวมไทยสร้างชาติมีนโยบายที่เชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่อะไรบ้าง

ผมไม่อยากแบ่ง คนไทยทุกคนทุกรุ่นมีปัญหา พรรคเรานำเสนอแนวทางแก้ปัญหาทำเพื่อคนทุกรุ่นอยู่แล้ว เรามองที่ปัญหาเป็นหลัก เช่น ทุกวันนี้คนไม่เหมือนเมื่อก่อน สมัยก่อนพอเรียนจบมาหางานทำ รับราชการบ้าง เอกชนบ้าง แต่แนวโน้มวันนี้เด็กรุ่นใหม่คิดว่าจะทำมาหากินเอง มันก็แบบเดียวกับผู้ใหญ่บางคนที่อยากทำมาหากินเอง แต่คนเหล่านี้ปัญหาคือขาดทุนทรัพย์ ขาดโอกาส ขาดการสนับสนุนจากภาครัฐเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นปัญหาเดียวกัน ไม่ใช่รุ่นใหม่ รุ่นเก่า แต่ถ้าจะแยกปัญหาก็เช่นเรื่องการเรียน โอกาสที่เขาจะพัฒนาตัวเองในการเรียน เด็กรุ่นใหม่เขามีปัญหา คนรุ่นเก่าไม่มีแล้ว

ต้องยอมรับว่าภาพที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะเห็นคนรุ่นใหญ่ แต่คนรุ่นใหม่ในนามของพรรคจะมีใครหรือจะทำอะไรเพื่อคนรุ่นใหม่ และคนรุ่นใหม่จะเข้ามามีส่วนอย่างไร

ในความคิดผมการเมืองมันไม่ใช่ของพวกเราคนเดียว การเมืองเป็นเรื่องของทุกคนที่มันเป็นวัฏจักร มันจะต้องมีคนใหม่เข้ามาต่อจากเรา การเมืองเป็นอะไรที่ต้องสอน ต้องมีความรู้ มีประสบการณ์ เพราะฉะนั้นในขณะที่เราต้องการทำพรรคให้เป็นพรรคหลักของประเทศ เป็นพรรคที่ดีของบ้านเมือง เราก็ต้องมีคนเก่า ซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์ทางการเมือง คำว่า ‘ประสบการณ์ทางการเมือง’ ไม่ใช่แค่เล่นการเมือง แต่มันต้องมีประสบการณ์ในการบริหาร มีประสบการณ์ในสภา แล้วเราก็มีคนรุ่นใหม่ๆ ที่อยากจะเข้ามาทำงานทางการเมือง คนเหล่านี้ต้องมาหล่อหลอมกับประสบการณ์ของคนเดิมเหมือนกับมีเทรนเนอร์ให้เรียนรู้ว่าการเมืองต้องทำแบบไหน ไม่ใช่มาสะเปะสะปะ ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ในทางกฎหมายหรือในทางการเมืองมันทำได้หรือไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าการเมืองจึงจำเป็นที่จะต้องพร้อมทั้งคนเก่าที่เรียกว่ารุ่นใหญ่ กับคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเป็นนักการเมืองรุ่นต่อไป ซึ่งเขาอาจจะเข้ามาวันนี้ เริ่มลงสมัครรับเลือกตั้ง

คำว่า ‘คนรุ่นใหม่’ ในทางการเมืองสำหรับผม ไม่ได้มองที่อายุ แต่มองที่ประสบการณ์และการทำงาน บางคนอายุอาจจะ 50-60 ปีแต่ไม่เคยทำงานการเมือง วันนี้ขอเข้ามาก็ต้องถือว่ารุ่นใหม่ แต่บางคนอาจจะเข้าการเมืองตั้งแต่อายุ 26 อยู่มาตั้ง 10 กว่าปีแล้วจนอายุ 30 กว่าก็ต้องถือว่าเป็นรุ่นใหญ่ มันไม่ใช่อายุ

หลายพรรคเริ่มประกาศนโยบาย มีนโยบายของพรรคอื่นที่คิดว่าน่าสนใจเห็นในทางเดียวกันบ้างไหม

ผมไม่อยากไปพูดถึงพรรคอื่น นโยบายมันก็เหมือนๆ กันแหละครับ เพียงแต่ว่าวิธีการแตกต่างกันไปแล้วพรรคไหนจะทำให้ได้จริงและตั้งใจทำให้จริง ผมคิดว่าประเด็นสำคัญที่สุดต้องดูด้วยว่านโยบายบางอย่างมันจะต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นหรือเปล่า แล้วเอาเงินที่ไหน ไปเลิกตรงนู้นไปตัดตรงนี้ ผมคิดอีกอย่างหนึ่งนะครับว่าจะทำอะไรต้องพยายามอยู่ในกรอบ งบประมาณทุกวันนี้อีลุ่ยฉุยแฉกเกินไป ถ้าสามารถจัดระบบหมวดหมู่ของการใช้งบประมาณเท่าที่มีอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง เอื้อประโยชน์ให้กับประชาชน เช่น เวลาที่ประชาชนตกระกำลำบากขึ้นมา ทำไมเราไม่มีกองทุนฉุกเฉินช่วยประชาชน กองทุนเรามีเยอะมากเลย ถ้าผมจำตัวเลขไม่ผิดนะมีกองทุน 50 กว่ากองทุน ทำไมเราไม่เอารวบรวมเงินจากกองทุนเหล่านี้ที่ไม่ได้ประโยชน์ที่ไม่ได้ผลงานมาตั้งเป็นกองทุนประชาชนแทน โดยใช้งบประมาณแบบเดิมนะ ผมจะเล่าให้ฟังนโยบายแต่ละอย่างที่ขึ้นป้ายกันอยู่ทุกวันนี้ รู้ไหมต้องใช้งบประมาณเพิ่มเท่าไหร่ไปคำนวณมาแล้ว 300,000-700,000 ล้านบาท

คุณพีระพันธุ์ ในฐานะที่เป็นอดีตผู้พิพากษามีแนวคิดนโยบายปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ อย่างไร

ต้องมีแน่นอน ผมคิดว่าไม่ใช่ปฏิรูปนะ แนวทางของพรรคก็คือรื้อ ปัญหากระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ชั้นจับกุมที่จับผิดจับถูก ระบบพวกนี้ต้องรื้อ เริ่มตั้งแต่กระบวนการยุติธรรมชั้นต้นน้ำ พูดง่ายๆ ตำรวจต้องเปลี่ยนคอนเซปต์เป็นผู้ให้บริการประชาชน วันนี้เรามีระบบคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้อง ประชาชนแจ้งความร้องทุกข์ต้องสามารถตรวจสอบขั้นตอนคดีของเขาได้ เขาต้องมีโอกาสให้คะแนนในการเจริญก้าวหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นเจ้าของคดีว่าควรจะได้คะแนนสักเท่าไหร่ ถ้าคะแนนไม่ดี คนพวกนี้ไม่ควรได้รับการเลื่อนชั้น เลื่อนตำแหน่ง

ผมคิดว่ากลางน้ำ (อัยการ) ก็ต้องมีเหมือนกัน ในคดีที่เป็นประเด็นสำคัญทางบ้านเมือง หรือประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจควรจะต้องวางระบบในการตรวจสอบการสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้องของอัยการให้มากขึ้นกว่านี้ แล้วมีระบบเร่งรัดการดำเนินคดี การฟ้องคดีให้เร็วกว่านี้นะครับ

ส่วนปลายน้ำ ผมเป็นผู้พิพากษามาก่อนผมรู้ว่าปลายน้ำในระบบของเราอยู่ที่สำนวนทางคดี ศาลเป็นคนกลาง คนเอาหลักฐานมาให้ ท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร เพราะฉะนั้นเมื่อหลักฐานในวันนั้นมาบ่งชี้ว่าผิด ศาลท่านก็ต้องบอกว่าผิด แต่ผมคิดว่าต้องมีโอกาสพิจารณาคดีใหม่ เมื่อมีหลักฐานชัดเจนมากขึ้น ความยุติธรรมต้องไม่มีวันหมดไปจากอายุความ มีหลายคนที่ผมพบว่าเขาสามารถหาหลักฐานเพิ่มขึ้นได้หลังจากคดีจบไปแล้ว อย่างตอนที่ผมเป็นรัฐมนตรียุติธรรม ศาลประหารชีวิต 2 ศาล แม่เขาสู้ไม่ถอยสามารถรวบรวมหลักฐานเพื่อมาร้องผม ตอนนั้น DSI เข้าไปดำเนินการตรวจสอบใหม่หมดเลย ปรากฎว่ามันมีหลักฐานบ่งชี้หลายอย่างว่าเขาบริสุทธิ์ เราก็พยายามผลักดันจนสามารถเอาเข้าไปสู่ชั้นศาล แล้วศาลก็ยกฟ้องในที่สุด เพราะฉะนั้นผมคิดว่าวันนี้กฎหมายมันมีอยู่ แต่โอกาสที่จะฟื้นพิจารณาคดีใหม่มันยาก ทำยังไงจะให้มันง่ายขึ้น แล้วก็ให้โอกาสคนที่เขาสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้มากขึ้น ผมคิดว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องหาทางทำเข้ามา

ตอนนี้ประเด็นร้อนในสังคมคือการที่คุณแบม-คุณตะวัน อดข้าวต่อสู้เรื่องสิทธิการประกันตัวนักโทษทางการเมือง  มองเรื่องนี้อย่างไร

ผมมองแบบนักกฎหมายนะ กฎหมายไม่มีการเมืองหรือไม่ใช่การเมือง กฎหมายดูว่ากระทำความผิดกฎหมายหรือไม่  กฎหมายต้องถือว่าทุกคนเท่าเทียมกัน คนที่กระทำความผิดได้หรือไม่ได้สิทธิเท่ากัน เขาไม่ได้มาแบ่งแยกว่านี่คือประเด็นทางการเมือง สิ่งที่คุณทำคุณอาจจะมองว่ามันมาจากการเมือง แต่มันผิดกฎหมายบ้านเมืองนะครับ เช่น ผิดกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ เมื่อผิดทางกฎหมาย ศาลเขาก็มีมาตรฐานเขาอยู่แล้วว่าถ้าอัตราโทษแบบนี้เขาให้หรือไม่ให้ประกัน ตราบใดที่คุณมีความผิด ผิดก็คือผิด ผิดก็เป็นนักโทษ เป็นผู้ต้องหา เพราะฉะนั้นสำหรับผมไม่มีหรอกครับ โทษการเมืองไม่การเมือง ผมเป็นผู้พิพากษามาก่อน ผมรู้ว่าศาลเขาดูอะไร ผู้พิพากษานี่ดีอย่าง ผมอาจจะได้อานิสงค์จากการเป็นผู้พิพากษานะคือไม่สะทกสะเทือนกับปัจจัยแทรกซ้อนภายนอกมาบีบคั้น ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ หลักเกณฑ์ให้ปฏิบัติยังไง อะไรถูก อะไรผิด ไม่ได้ดูว่าคนนี้เป็นใคร คุณทำผิดกฎหมายหรือเปล่า เอากฎหมายเป็นตัวตั้ง เมื่อเอากฎหมายเป็นตัวตั้ง กฎหมายก็บอกต่อไปว่าถ้าทำผิดแบบนี้มีสิทธิหรือไม่มีสิทธิ

ประชาชนส่วนหนึ่งคาดหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางการเมือง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าหากพรรครวมไทยสร้างชาติได้รับการเลือกตั้งจะตอบโจทย์เรื่องนี้กับประชาชนอย่างไร

คนละเรื่องครับ อย่าเอามาผสมกัน โครงสร้างบ้านเมืองกับรัฐธรรมนูญมันคนละเรื่อง ผมพูดให้ฟังว่าประเทศไทยใช้รัฐธรรมนูญผิดที่ ผิดประเภทจนประชาชนไม่รู้สึกสนใจว่ารัฐธรรมนูญคือชีวิตเขา คนไทยรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญคือเรื่องการเมือง ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญในหลายๆ ประเทศมันคือชีวิตของคน ผมยกตัวอย่าง ซึ่งผมไม่อยากยกตัวอย่างประเทศนี้เลยนะ แต่บางเรื่องเขาก็ดี อย่างสหรัฐอเมริกา ประชาชนถือกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับเดียว อะไรที่ละเมิดรัฐธรรมนูญละเมิดเขาหมด เขาทำให้ประชาชนรู้ว่ารัฐธรรมนูญคือกฎหมายของประชาชน แต่ประเทศไทยทำให้ประชาชนรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญคือกฎหมายของพรรคการเมือง คนถึงเบื่อรัฐธรรมนูญไง เวลาพูดรัฐธรรมนูญคนไม่อยากฟัง ทั้งๆ ที่ในรัฐธรรมนูญมันมีกี่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนไทย เพราะฉะนั้นจริงๆ รัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องโครงสร้างของประเทศ มันเป็นการวางรูปแบบสังคม รูปแบบประเทศ แต่ไม่ใช่รูปแบบการเมือง เราอย่าเอาทุกอย่างอยู่กับการเมือง ผมคิดว่าประเทศนี้เอาชีวิตไปไว้กับการเมืองมากเกินไป

ถ้าอย่างนั้นมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ต้องแก้หรือปรับไหม

ถ้าเป็นผม ผมเขียนใหม่ทั้งฉบับ คุณไปเอารัฐธรรมนูญฉบับแรก 2475 มาดูถึงวันนี้ต่างกันนิดเดียว ผมอยากเขียนรัฐธรรมนูญซึ่งมันเป็นรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตคนไทย การให้ความเป็นธรรมกับการดำรงชีวิต การกำกับดูแลการใช้อำนาจของภาครัฐไม่ให้รังแกประชาชน เอื้อประโยชน์ให้ประชาชนทำกิน ผมอยากให้รัฐธรรมนูญมันเป็นเรื่องแบบนี้มันถึงจะเป็นรัฐธรรมนูญ ถ้าทำได้ผมอยากจะเขียนใหม่หมด โดยเน้นเรื่องของสิทธิและความเท่าเทียมกันของประชาชนให้มากกว่าเรื่องการเมือง

สมมติว่าพรรครวมไทยสร้างชาติเลือกส่งคุณประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าเป็นได้แค่ 2 ปี พรรคจะบอกประชาชนให้เชื่อมั่นในการทำงานในเวลาจำกัดอย่างไร

ผมคิดว่าประชาชนถูก mislead นำไปในทางที่เข้าใจผิด ประการที่หนึ่ง ท่านประยุทธ์ ไม่ได้อยู่ได้แค่ 2 ปีนะครับ ท่านประยุทธ์เป็นนักการเมืองได้ตลอดทั้งชีวิต เพียงแต่ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีได้แค่ 2 ปี ไม่ได้แปลว่าถ้าครบ 8 ปีแล้ว ท่านต้องเลิกการเมือง ท่านก็ยังอยู่กับพรรคต่อไปได้ ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล ท่านยังดำรงตำแหน่งอื่นต่อไปได้ที่ไม่ใช่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีกลาโหม เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีก็ได้ครับ ผมคิดว่าด้วยคุณสมบัติของท่าน ท่านยังสามารถเป็นบุคลากรสำคัญในการที่จะช่วยผลิตนักการเมืองดีๆ ให้กับชาติบ้านเมืองได้ต่อไป ไม่ได้แปลว่าชีวิตการเมืองท่านต้องจบที่ 2 ปี แล้วก็ไม่ได้แปลว่ารวมไทยสร้างชาติตั้งเป้ามาทำงานอยู่กับประชาชนแค่ 2 ปี เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวข้องกันเลยครับ

สำหรับผมไม่เห็นว่าเป็นปัญหาอะไรเลย การตั้งใจทำงานให้บ้านเมืองมันไม่ได้มีกำหนดแค่ 8 ปีนะครับ เขาเพียงแต่ห้ามดำรงตำแหน่ง แต่ไม่ได้ห้ามทำงานต่อ

มีข่าวว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้พลเอกประยุทธ์สามารถอยู่ต่อได้

ไม่มี ผมไม่เคยพูด ไม่มีใครเคยพูด มีแต่อยู่ดีๆ ตอนนั้นมีข่าวสว. ก็เรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับผม

ตอนนี้คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ดำรงตำแหน่งทั้งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะยังคงปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีจนกว่าจะเลือกตั้งเสร็จสิ้นไหม

จนกว่าจะเปลี่ยนรัฐบาล

MOST READ

Spotlights

14 Aug 2018

เปิดตา ‘ตีหม้อ’ – สำรวจตลาดโสเภณีคลองหลอด

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย พาไปสำรวจ ‘คลองหลอด’ แหล่งค้าประเวณีใจกลางย่านเมืองเก่า เปิดปูมหลังชีวิตหญิงค้าบริการ พร้อมตีแผ่แง่มุมเทาๆ ของอาชีพนี้ที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาเนิ่นนาน

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Aug 2018

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save