
กลุ่มราษฎร, แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม รวมทั้งแนวร่วมอื่นๆ และประชาชน ร่วมชุมนุมบริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ โดยกลุ่มราษฎรประกาศแถลงการณ์ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และว่า การที่ศาลวินิจฉัยให้ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ ถือเป็นสารตั้งต้นความล้มเหลวของประเทศไทย และทำให้คนไทยมองไม่เห็นแสงสว่างของอนาคตอีกเลย

เยาวชนวัย 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 2 ของโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งระบุว่า สิ่งที่รัฐบาลประยุทธ์และศาลรัฐธรรมนูญทำคือการตั้งใจไม่ให้ประชาชนได้เลือกตั้ง ยื้ออนาคตของประเทศไว้
“รู้สึกสิ้นหวังมากๆ ทางเดียวคือขอให้รัฐบาลประยุทธ์ไม่ชนะการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ ส่วนตัวที่อายุ 14 ปีก็รู้สึกว่าอยู่กับประยุทธ์มานานมากๆ จนมองไม่เห็นอนาคต และเชื่อว่าอนาคตที่ดีก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นหากว่ารัฐบาลชุดนี้ยังมีอำนาจอยู่”





สมยศ พฤกษาเกษมสุข นักกิจกรรมทางการเมือง กล่าวว่า ที่ผ่านมา ต้นทุนที่สังคมต้องจ่ายนั้นมหาศาลมาก โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐบาลประยุทธ์ทำรัฐประหารในปี 2557 จนกองทัพเสื่อมเสีย และยังยึดอำนาจตุลาการมารับใช้การต่ออำนาจเผด็จการ เท่ากับตุลาการในประเทศไทยต้องพังไปด้วย อันนำมาสู่ความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น
“ทั้งนี้ พรรคการเมืองที่เคยระบุว่าประยุทธ์คือนายกฯ เถื่อน แล้วต่อไปนี้จะต้องทำหน้าที่นิติบัญญัติร่วมกับนายกฯ เถื่อนที่ว่านี้ อยากชวนถามว่าการทำหน้าที่ของ ส.ส. จะเป็นปัญหาหรือไม่ ดังนั้น พรรคการเมืองจึงต้องออกมาแสดงจุดยืนว่าจะลาออกจากสภาหรือมานำการต่อสู้ร่วมกับประชาชนหรือไม่” สมยศกล่าว

นอกจากนี้ สมยศยังกล่าวว่า อาจจะหวังการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ได้ไม่มากนักเนื่องจากอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่มีกลไกมาจากเผด็จการ ทั้งรัฐบาลก็บีบไม่ให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และส่งผลให้สังคมเกิดความสิ้นหวัง จนประชาชนเหลือทางเลือกไม่มาก ซึ่งหนึ่งในทางออกที่เหลือคือการลงถนน ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าม็อบไม่ได้แผ่ว ผู้คนที่โกรธแค้นก็ยังอยู่ และสะสมความแค้น ความไม่พอใจจากความล้มเหลวทางสภาพสังคมและเศรษฐกิจเรื่อยมา เพียงแต่คนเหล่านี้จะออกมาเมื่อไรนั้นก็เป็นเรื่องของจังหวะและโอกาสเท่านั้น
ทั้งนี้ มีการประกาศยุติการชุมนุมเมื่อเวลา 17.00 น. โดยกลุ่มราษฎรระบุว่าจะมีการเคลื่อนไหวเป็นลำดับต่อไปในอนาคต
