การระบาดของโควิดระลอกสามในประเทศ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน โดยมีต้นเหตุมาจากนักเที่ยวหลายคนในคริสตัลคลับซอยทองหล่อ ก่อนจะแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ จนมีผู้ติดเชื้อหลายหมื่นคนและล้มตายจำนวนมาก สร้างความหวั่นวิตกให้กับประชาชนกันไปหมด
นี่เป็นการระบาดครั้งรุนแรงที่สุด ยิ่งไปกว่าการระบาดครั้งแรกในประเทศเมื่อปีที่แล้ว
ผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกได้ว่า การระบาดครั้งนี้ใกล้ตัวมาก ออกนอกบ้านแต่ละครั้ง แม้จะป้องกันตัวเองเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่า จะติดเชื้อโควิดกลับมาหรือไม่ ต่างจากการระบาดสองครั้งแรกที่คนอาจจะยังรู้สึกว่าโรคนี้ยังห่างไกลตัวเองและครอบครัว
เพื่อนผู้เขียนติดรถยนต์เพื่อนไปทำธุระไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ปรากฏว่าต่อมาตรวจเจอโควิด โดยติดมาจากเพื่อน และเพื่อนก็ไม่รู้ว่าติดจากไหน
อันที่จริง ในสายตาของนักระบาดวิทยา การกลับมาระบาดใหม่ของโรคชนิดนี้ ไม่ได้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย จากสาเหตุของการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสชนิดนี้ ทำให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ดื้อยา ความรุนแรงสูง และแพร่เชื้อได้เร็ว
ประเทศอื่นๆ ในโลกที่เชื้อเคยสงบ ก็กลับมาระบาดใหม่อยู่เรื่อยๆ อาทิ อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อินเดีย ฯลฯ กลายเป็นวงจรของเชื้อโควิด ระบาด สงบ แล้วระบาดใหม่ จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของประเทศเหล่านี้ก็ยังได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้าง แต่ก็ไม่หนักหนาเท่ากับเสียงก่นด่ารอบทิศของประชาชนชาวไทยที่มีต่อรัฐบาลชุดนี้
หลายคนแปลกใจว่า ทำไมการระบาดครั้งนี้ รัฐบาลโดนรุมสวดจากทุกฝ่ายมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
การระบาดครั้งแรก อาจจะมีคนวิจารณ์ยังไม่เยอะ เพราะถือเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ทุกฝ่ายต้องเรียนรู้ก่อน แต่ครั้งนี้เป็นการระบาดครั้งใหญ่ร้ายแรงมาก ทั้งๆ ที่รัฐบาลมีบทเรียนมาทั้งปีแล้ว
ผู้เขียนมีข้อสังเกตคือ
1) ต้นเหตุการระบาดเกิดที่คลับแห่งหนึ่งในซอยทองหล่อ ซึ่งเป็นธุรกิจสีเทา เป็นแหล่งท่องเที่ยวของบรรดา คนรวย อภิสิทธิ์ชน วีไอพีในประเทศทั้งหลาย ตั้งแต่รัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นายตำรวจ และนักธุรกิจ
เมื่อเกิดการระบาดครั้งใหญ่ สร้างความเสียหายให้กับชีวิตผู้คนหลายหมื่นคน เศรษฐกิจทั้งประเทศหลายแสนล้านบาทพังพินาศย่อยยับ แต่แทบจะไม่มีการจัดการใดๆ กับคนที่เป็นต้นเหตุที่มีเส้นสาย บรรดาเจ้าของและวีไอพีรอดตัวกันหมด นายตำรวจ สน.ทองหล่อเส้นใหญ่หลานผู้มีอำนาจ ก็แค่ถูกย้ายออกนอกพื้นที่อย่างเงียบๆ มีเพียงแต่การจับกุมคนระดับเล็กๆ ไม่กี่คน
พรก.ฉุกเฉินก็ไม่ถูกเอามาใช้จัดการใดๆ กับผู้เกี่ยวข้องหรือผู้มีส่วนต้องรับผิดชอบ เมื่อเปรียบเทียบกับการชุมนุมของคนรุ่นใหม่ทุกครั้ง ที่ใช้กฎหมายนี้ถูกอ้างเป็นเครื่องมือ เพื่อเข้ามาสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง และจัดการจับกุมแกนนำอย่างเคร่งครัด
ผู้คนทั่วไปเห็นการเลือกปฏิบัติการใช้กฎหมายอย่างชัดเจน
2) ภาพที่ปรากฏตามสื่อกระแสหลัก รวมถึงคลิปลับเฉพาะที่ส่งต่อในโลกออนไลน์ เห็นได้ชัดว่า เป็นภาพของบรรดาอภิสิทธิ์ชนทั้งหลายในหลายเหตุการณ์ ตั้งแต่รัฐมนตรี นักการเมืองชื่อดัง คนในเครื่องแบบ ที่กิน ดื่ม เฮฮา จัดงานปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย ทำให้หลายแห่งกลายเป็นต้นตอให้เกิดการแพร่กระจายของโควิด แต่ในขณะเดียวกัน รัฐก็พร่ำสั่งสอนชาวบ้านให้การ์ดไม่ตก ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ออกนอกบ้าน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการกล่าวโทษใดๆ กับคนระดับสูงเหล่านี้ แม้กระทั่งบางคนที่ติดโควิดก็ปฏิเสธการเขียนไทม์ ไลน์ หรือมีการเขียนแล้วแก้ไขใหม่อีกด้วย
ผู้คนทั่วไปเห็นความเหลื่อมล้ำในการบังคับใช้กฎหมายชัดเจน
3) ทุกประเทศทั่วโลกรับรู้กันตลอดว่า วิธีดีที่สุดในการรับมือกับโรคร้ายนี้ได้ คือการสร้างเกราะคุ้มกันอย่างเร่งด่วนให้กับประชาชน ด้วยการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด ครอบคลุมประชากรในประเทศอย่างเร่งด่วน
แต่รัฐบาลกลับใช้ยุทธศาสตร์อันผิดพลาดมหาศาล เฉื่อยชากับการเร่งจัดหาวัคซีน เพราะเชื่อมั่นว่ารัฐบาลคุมการระบาดอยู่ และดันเลือกใช้วัคซีนตัวเดียวเป็นหลัก หรือ “แทงม้าตัวเดียว” คือวัคซีน AstraZeneca แต่กลายเป็นว่าม้าที่ผลิตออกมาไม่ทันเหตุการณ์การระบาดครั้งใหญ่ แถมยังมีข้อสงสัยเรื่องคุณภาพจากหลายประเทศที่ทำให้เกิดผลข้างเคียง
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาตั้งแต่ปีก่อน รัฐก็ปฏิเสธการเข้าร่วมการจัดซื้อวัคซีนล่วงหน้ากับโครงการโคแวกซ์ หรือ Covax ซึ่งย่อมาจาก Covid-19 Vaccines Global Access Facility หรือโครงการเพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ระดับโลก ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2563 มีวัตถุประสงค์มุ่งสนับสนุนการพัฒนา จัดซื้อ และส่งวัคซีนไปถึงกว่า 180 ประเทศทั่วโลก โดยมีองค์การอนามัยโลกเป็นผู้นำ
การที่หลายประเทศตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้ ทำให้ประเทศเหล่านั้นสามารถฉีดวัคซีนได้รวดเร็วกว่าประเทศไทย
รัฐบาลไทยยังไม่ยอมกระจายความเสี่ยง ไม่สนใจจัดหาวัคซีนยี่ห้ออื่นที่มีคุณภาพสูงกว่า อาทิ Pfizer ไฟเซอร์ รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัทเคยเสนอขายวัคซีนให้ไทย 13 ล้านโดสในราคาพิเศษ โดยไม่ต้องจ่ายเงินสดซื้อล่วงหน้า แต่บริษัทจะจัดส่งวัคซีนให้ใช้ก่อน ค่อยจ่ายเงินทีหลัง บริษัทเสนอรัฐบาลไทยไป 4 รอบ แต่ถูกปฏิเสธหมด
4) เมื่อเกิดวิกฤติขึ้น แทนที่รัฐบาลจะออกมาขอโทษประชาชน และจัดการคนที่เป็นต้นเหตุอย่างไม่ไว้หน้า แต่กลับใช้วิธีซุกคนเหล่านี้ไว้ใต้พรม ราวกับว่าประชาชนไม่รู้อะไรเลย แถมยังออกมาเที่ยวสั่งสอนประชาชนว่าอย่าการ์ดตก ในขณะเดียวกันก็สะท้อนการไม่เตรียมการรับมือของรัฐบาล การไม่จัดการเรื่องงบประมาณอย่างเร่งด่วนในภาวะวิกฤติ ปัญหาเตียงไม่พอ ปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์ จนโรงพยาบาลหลายแห่งต้องขอรับบริจาคจากประชาชน สายด่วนโทรไปให้มารับคนป่วยก็ไร้ความหมาย ขณะที่มีผู้ป่วยล้มตายมากขึ้นจากความขาดแคลนอุปกรณ์หลายอย่าง
รัฐบาลบอกได้แต่เพียงว่า ให้ประชาชนอดทนไปเรื่อยๆ แต่กองทัพกลับเดินหน้าจัดซื้ออาวุธสงครามต่อไป
เมื่อประชาชนเหลืออด ก็อย่าว่าใครเลย ดูที่การกระทำของตัวเองเถิด
เรื่อง: วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
