บทความชวนดูงานศิลปะและนวัตกรรมจากโลกที่หนึ่ง ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้สังคมและชีวิตคน ผ่านสายตานักออกแบบมัลติมีเดียจากโลกที่สามในนามกลุ่ม Eyedropper Fill
Eyedropper Fill เรื่อง
หายใจเข้าพุทธ… หายใจออกโธ… เสียงพระอาจารย์ประจำคาบพระพุทธสมัยเรียนประถม ยังคงกระซิบหลอกหลอนในหัวทุกครั้งที่นึกถึง การนั่งสมาธิ กิจกรรมง่ายๆ แค่นั่งและหายใจ ทว่าแสนทรมาน พาลขาชา และสามารถยืดเวลาห้านาทีให้รู้สึกยาวนานราวหลายชั่วโมงได้
แม้ปัจจุบันมุมมองของผมที่มีต่อกิจกรรมการนั่งสมาธิจะเปลี่ยนไปมาก ด้วยเริ่มเข้าใจถึงประโยชน์จากความรู้สึกได้พักผ่อนและความสงบที่ได้จากการนั่งผ่านประสบการณ์ตรง และผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าสมาธิสร้างผลดีให้กับสมองได้จริง แต่กระนั้น ‘สมาธิ’ ก็ยังคงเป็นศาสตร์ที่เข้าใจยาก และดูคล้ายต้องอาศัยความเพียรอย่างเต็มขั้นในการฝึกฝน
โชคดีที่เราอยู่ในยุคที่ดีไซน์และเทคโนโลยีจับมือกัน และโชคดีอีกขั้นที่เรามีนักออกแบบผลิตภัณฑ์อย่าง Freyja Sewell ผู้นำทั้งสองมาจับมือกับศาสตร์การนั่งสมาธิ จนออกมาเป็นเครื่องมือช่วยฝึกสมาธิสุดล้ำภายใต้รูปลักษณ์ที่ชวนมองอย่าง Mind Mirror
อย่างที่รู้กันว่า สิ่งที่เป็นพื้นฐานและเป้าหมายเพียงอย่างเดียวของการฝึกสมาธิคือรับรู้ความรู้สึกและสภาวะปัจจุบันของตน แต่นั่นแหละที่ยาก เพราะเรากำลังพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างลึกลับดำมืดภายในสมองของเราเอง
คำถามของ Freyja ก็คือ เราจะคลี่คลายสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสมองเหล่านี้ออกมาให้ผู้ฝึกสมาธิสามารถ ‘มองเห็น’ ได้ เพื่อเป็นเครื่องช่วยในการฝึกฝนสมาธิได้หรือไม่
Freyja ใช้คำถามที่ว่านี้เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องสมองจาก MIT และออกแบบ Mind Mirror ให้มีส่วนประกอบหลัก 2 ส่วนด้วยกัน
ส่วนแรกเรียกว่า Neural Lace ที่ผู้ฝึกสมาธิสามารถสวมใส่มันบนศีรษะคล้ายกับหูฟัง Headphone ส่วนนี้ประกอบด้วยเซนเซอร์ทั้งหมด 32 จุดที่ทำหน้าที่ตรวจจับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในสมองของเรา ในส่วนนี้การออกแบบเข้ามาแก้ปัญหาในโจทย์ที่ว่า ทำอย่างไรให้ผู้ฝึกสมาธิสวมใส่อย่างสบายที่สุด แต่ยังคงตรวจจับคลื่นสมองได้อย่างแม่นยำ
กิจกรรมของสมองที่ถูกตรวจจับได้ จะส่งผ่านมายังส่วนที่สองที่เรียกว่า Bio – Data feedback ทำหน้าที่แสดงผลสภาวะสมอง กลับไปสู่ผู้ฝึกสมาธิในรูปแบบของภาพและเสียงผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ในส่วนของภาพก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านโมชั่นกราฟิกมาออกแบบอย่างจริงจัง ทำให้ภาพที่ออกมามีความอ่อนนุ่ม ไม่ปรุงแต่งหรือเร่งเร้าผู้ฝึกสมาธิ เพื่อให้เราสามารถ ‘เฝ้าดู’ และรับรู้สภาวะปัจจุบันของเราได้อย่างแจ่มแจ้ง เสมือนส่อง‘กระจก’ ดังชื่อผลงาน
ก่อนจะมาเป็น Mind Mirror นี้ Freyja เคยออกแบบเครื่องมือช่วยทำสมาธิชื่อ Sangha มาแล้ว โดยชิ้นนั้นใช้การตรวจจับคลื่นสมองเช่นกัน หากผู้สวมใส่ยังมีคลื่นสมองที่บ่งบอกถึงความตึงเครียด แผ่นที่ทำจากวัสดุยืดหยุ่นได้ก็จะโค้งปิดดวงตาของเราไว้ และเมื่อไหร่ที่คลื่นสมองเราผ่อนคลายขึ้น แผ่นก็จะเปิดออก นอกจากเป็นเครื่องมือบทที่ 1 ให้ผู้ฝึกสมาธิสามารถฝึกฝนและจดจำสภาวะผ่อนคลายของตัวเองได้รวดเร็วขึ้น การเปิดออกของดวงตายังให้ความหมายของการ ‘มองเห็นอย่างแจ่มแจ้ง’ หรือ enlighten อีกด้วย
เครื่องมือฝึกสมาธิของ Freyja ไม่ได้มีแค่รูปแบบเครื่องสวมใส่หรือ wearable นะครับ ผลงานชิ้นแรกของเธออย่าง KAMI (ที่เธอนิยามมันว่า ‘เครื่องชำระล้างจิตใจ’) มีรูปแบบคลับคล้าย installation art เธอได้แรงบันดาลใจจากพิธีชงชาและการนั่งสมาธิในระหว่างที่เธอเป็นศิลปินในพำนักที่ประเทศญี่ปุ่น โดย KAMI จะคลี่ลงมาปกคลุมผู้ใช้ที่นั่งอยู่ข้างใต้ ตัดขาดผู้ใช้ออกจากโลกภายนอกเพื่อให้สามารถเข้าถึงสมาธิได้รวดเร็วขึ้น
อ้อ ชิ้นนี้นอกจากแนวคิดจะได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น โครงสร้างกระดาษทั้งหมดยังร่วมงานกับ specialist ด้านงานกระดาษจากญี่ปุ่นด้วยครับ
นอกจากผลิตภัณฑ์ (ที่ใกล้เคียงกับงานอาร์ต) ทั้งสามชิ้นของนักออกแบบสัญชาติอังกฤษอย่าง Freyja จะทำให้เห็นว่าวงการออกแบบในต่างประเทศนั้นเต็มไปด้วยงานออกแบบและเทคโนโลยีที่ใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของชีวิตไม่เว้นแม้แต่การนั่งสมาธิ ยังทำให้เห็นว่านักออกแบบในบ้านเขายังสามารถทำงาน ‘เฉพาะทาง’ มากๆ ได้อีกด้วย อย่าง Freyja เธอก็เลือกเดินในสายการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อพัฒนาจิตใจและสร้างสุขภาพจิตที่ดีโดยเฉพาะ ตอนนี้ผลงานออกแบบและเทคโนโลยีเพื่อสมาธิของเธอก็กำลังสั่นสะเทือน กลายเป็นพื้นที่ตรงกลางระหว่างทั้งวงการแพทย์สาขา Neuroscience และวงการออกแบบ จนได้เป็นหนึ่งใน speaker ใน Dutch Design Week เมื่อปลายปีก่อน รวมถึงเทศกาลออกแบบยักษ์ใหญ่อย่าง Design Indaba อีกด้วย ลองฟังทอล์คของเธอได้ที่นี่