คุณเคยฟังเพลงหรือชมการแสดงอะไรสักอย่างแล้วประทับใจจนขนลุกซู่ หรือจู่ๆ ก็เกิดอาการเสียววาบขึ้นมาตามสันหลังหรือไม่
ถ้าเคย เราขอแสดงความยินดีด้วย เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้
นี่คือปรากฏการณ์ทางร่างกายที่เรียกว่า ‘Frisson’ หรือ ‘Aesthetic Chills’ ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ 2 ใน 3 คนเท่านั้น นักวิจัยบางคนเรียกมันว่า ‘skin orgasm’ หรือการสำเร็จความใคร่ทางผิวหนัง
การได้ฟังดนตรีที่มีท่วงทำนองงดงามหรืออัดแน่นด้วยอารมณ์ คือสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดอาการที่ว่านี้ได้ดีที่สุด แต่บางคนอาจเกิดอาการแบบนี้ได้เช่นกันเวลาที่ได้ชมงานศิลปะบางชิ้น ฉากบางฉากในหนังหรือละครเวที รวมไปถึงการได้สัมผัสทิวทัศน์อันตระการตา
นักวิจัยยังบอกด้วยว่า นี่เป็นความรู้สึกเดียวกับเวลาที่เราปิ๊งใครสักคนจนเกิดอาการ ‘วูบวาบ’ ขึ้นมาฉับพลัน
อันที่จริงปรากฏการณ์นี้ถูกค้นพบและศึกษาอย่างต่อเนื่องมาหลายทศวรรษแล้ว จากความสงสัยของนักวิทยาศาสตร์ที่ว่า เหตุใดเสียงดนตรีหรือมหรสพบางประเภท จึงส่งผลต่อร่างกายเราในลักษณะดังกล่าวได้
หนึ่งในงานวิจัยจาก American Physical Association นำเสนอผลการทดลองว่าดนตรีแต่ละประเภท ส่งผลต่อลักษณะทางกายภาพของคนเราอย่างไรได้บ้าง โดยให้ผู้เข้าร่วมทดสอบจำนวน 38 คน ฟังเพลงที่ผู้วิจัยคัดเลือกมาให้ ประกอบไปด้วยเพลงหลากหลายแนว แล้วดูปฏิกิริยาทางร่างกายที่เกิดขึ้น
ผลปรากฏว่า เมื่อถึงท่อนแยกหรือท่อนโซโล่ของแต่ละเพลงที่เลือกมา ผู้ทดสอบจะมีปฏิกิริยาอย่างชัดเจน เช่น ในเพลง ‘Bossa Nova’ ของ Quincy Jones ผู้ทดสอบจะมีสีหน้าผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด บางรายถึงกับหัวเราะและโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเพลง ทว่าเมื่อผู้วิจัยเปิดเพลง ‘Tuba Mirum’ ของโมสาร์ท พบว่าผู้ทดสอบ 7 ใน 38 คน มีอาการขนลุกและตัวสั่น
หลังจากการทดลองซ้ำอีกหลายครั้ง ผู้วิจัยได้ข้อสรุปว่าเสียงดนตรีที่ลื่นไหล (Emotionally moving music) มีผลต่อร่างกายของคนเราในทางใดทางหนึ่งเสมอ
ส่วนสาเหตุที่ทำให้บางคนเกิดอาการขนลุกหรือตัวสั่นนั้น ผู้วิจัยบอกว่าเกิดจากการได้ยินเสียงหรือท่วงทำนองอันไม่คาดคิด เช่น การเปลี่ยนระดับเสียงหรือจังหวะอย่างกะทันหัน หรือการเปลี่ยนสู่ท่อนโซโล่ด้วยพลังและลีลาอันจัดจ้าน
หนึ่งในผลงานที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถทำให้คนขนลุกได้มากที่สุด ก็คือการแสดงหยุดโลกของ Susan Bolye ในรายการ Britain’s got talent เมื่อปี 2009 ที่เปลี่ยนมนุษย์ป้าจอมเฉิ่มคนหนึ่งให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในชั่วข้ามคืน ด้วยการโชว์พลังเสียงในเพลง ‘I dreamed a dream’
นักวิทยาศาสตร์บางคนวิเคราะห์ว่า อาการดังกล่าวเป็นผลมาจากวิวัฒนาการของมนุษย์ จากแต่เดิมที่มนุษย์เราเคยมีขนดกและยาวกว่านี้ การขนลุกเป็นกลไกในการสร้างความอบอุ่นของร่างกายเมื่อเจออากาศเย็นแบบฉับพลัน ขณะเดียวกันก็เป็นกลไกที่ตอบสนองต่ออารมณ์ที่พลุ่งพล่านด้วย
แต่แม้จะมีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมามากมาย ทว่าข้อสงสัยที่เพิ่งได้รับการคลี่คลายเมื่อไม่นานมานี้ ก็คือการไขปริศนาที่ว่า เหตุใดปรากฏการณ์นี้จึงไม่ได้เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน ?
การศึกษาล่าสุดจาก Utah State University ค้นพบว่า คนที่มีประสบการณ์ Frisson นั้น มักเป็นคนที่มีบุคลิกเปิดกว้างต่อความหลากหลาย ชอบความท้าทาย และชอบเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ
ในการทดลองครั้งนี้ ผู้วิจัยได้คัดเลือกเพลงจำนวนหนึ่งที่มี ‘Thrilling moment’ หรือท่อนพีคที่ทำให้คนฟังขนลุกได้ มาให้ผู้เข้าร่วมได้ทดลองฟัง พร้อมติดตั้งเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าบนผิวหนังเพื่อดูปฏิกิริยาของร่างกายแบบเรียลไทม์ ขณะเดียวกันก็ให้ผู้เข้าร่วมแต่ละคน กดปุ่มที่จัดเตรียมไว้ด้วยทุกครั้งที่รู้สึกวูบวาบหรือขนลุก
เมื่อนำผลทดลองที่ได้ มาเปรียบเทียบกับ ‘ผลทดสอบบุคลิกภาพ’ ของแต่ละคน ทำให้ผู้วิจัยค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวแปร ซึ่งบ่งชี้ว่า คนที่มีอาการ Frisson จากการฟังดนตรี ล้วนเป็นคนกลุ่มที่มีบุคลิกภาพแบบ ‘Openness Experience’ คือมีจินตนาการสูง ชอบเสพศิลปะ หลงใหลความงามของธรรมชาติ และเปิดกว้างต่อประสบการณ์อันหลากหลาย ขณะเดียวกันก็อ่อนไหวเป็นพิเศษต่อสิ่งเร้าต่างๆ
ทั้งนี้ ผู้วิจัยได้ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่า คนที่มีความรู้พื้นฐานและหลงใหลดนตรีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีแนวโน้มที่จะสัมผัสกับปรากฏการณ์นี้ได้ดีกว่าคนทั่วไปที่ฟังแบบผ่านๆ
สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองมีประสบการณ์แบบนี้หรือไม่ เรามีลิสต์เพลงจำนวนหนึ่งมาให้คุณได้ลองทดสอบกันเล่นๆ
– 53 วินาทีแรกของเพลง ‘Making Love Out of Nothing at All’ โดย Air Supply
– 2 นาทีแรกของเพลง ‘Oogway Ascends’ โดย Hans Zimmer
– 3 นาทีแรกของเพลง ‘Mythodea: Movement 6’ โดย Vangelis
ส่วนคนที่รู้ตัวว่าสามารถสัมผัส ‘ความฟิน’ จากการฟังเพลงหรือดูหนังได้บ่อยๆ อยู่แล้ว เราขอแนะนำให้คุณเข้าไปจอยกับชาวแก๊งผู้เสพติด Frisson ได้ ที่นี่
ขอให้พบความสุนทรีย์ (และขนลุก) โดยทั่วกัน!
อ่านเพิ่มเติม
– บทความ ‘Why Does Great Music Give You the Chills?’ โดย Mitchell Colver จาก Slate